คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
พิพากษา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 361 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 799/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: การเรียกร้องค่าเสียหายจากการยึดครองทรัพย์สินที่ศาลเคยพิพากษาแล้ว
กรณีที่จำเลยเข้าแย่งทำนาภายหลังที่โจทก์ฟ้องคดีก่อนนั้น เป็นการละเมิดที่เกิดขึ้นใหม่ในระหว่างที่เป็นความกัน โจทก์ไม่มีทางที่จะทราบและกล่าวเป็นข้อหาขึ้นได้ในขณะฟ้องคดีก่อนนั้น ฉะนันการที่โจทก์มาฟ้องเรียกค่าเสียหาย ในการที่ จำเลยทำละเมิดระหว่างคดีก่อนนั้น จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ แต่ถ้ามีทางที่จะเรียกค่าสินไหมทดแทนสำหรับค่า เสียหายที่ได้เกิดขึ้นแล้ว และจะเกิดขึ้นต่อไป รวมไปในฟ้องโจทก์ในคดรก่อนได้อยู่แล้ว โจทก์มิได้นำเาเรียกร้อง เสีย การอ้างว่าไม่แน่ว่าจะชนะคดีหรือไม่ หาทำให้เกิดสิทธิฟ้องใหม่แต่อย่างไรไม่ ถ้าฟ้องใหม่ในกรณีหลังนี้ ยอ่ม ถือว่าเป็นฟ้องซ้ำ.
โจทก์เคยฟ้องขอแบ่งมรดกที่ดินจากผู้มีชื่อ ในระหว่างคดีผู้มีชื่อโอนขายที่ดินนั้นแก่จำเลย โจทก์จึงยื่นคำร้องขอ เรียกจำเลยเข้ามาเป็นจำเลยด้วย ศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีได้ส่วนแบ่งที่ดิน คดีถึงที่สุดแล้วโจทก์กลับมาฟ้อง เรียกค่าเสียหายจากจำเลยอีกในการที่จำเลยได้เข้าทำนาส่วนของโจทก์ ซึ่งโจทก์มีทางที่จะเรียกค่าสินไหมทดแทน นี้ รวมไปในฟ้องในคดีก่อนได้อยู่แล้ว ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องซ้ำ ต้องห้ามตาม าป.ม.ว.แพ่งมาตรา 148./ เพราะ ประด็นเนื่องมาจากมูลฐานเดียวกัน คือจำเลยยึดครองทรัพย์สินของโจทก์โดยมิชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 243/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาคดีอาญาโดยอาศัยพยานหลักฐานที่ไม่มั่นคง และการพิจารณาอุทธรณ์ที่เกินกำหนด
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานยักยอกทรัพย์ตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 131 และฐานปลอมหนังสือตามมาตรา
230.
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยตามมาตรา 131 ฐานเดียว แต่ฟังว่าจำเลยยักยอกเงินไม่เต็มตามที่ฟ้องจึงให้คืนเท่าที่จำเลย
ยักยอก.
โจทก์และจำเลยต่างอุทธรณ์คือจำเลยอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ว่าจำเลยยักยอกเงินเต็มตามฟ้อง และ
ปลอมหนังสือด้วย ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าจำเลยยักยอกเงินจำนวนมากกว่าที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยไว้ จึงพิพากษา
แก้ให้ใช้จำนวนเงินมากขึ้น และแก้ว่าจำเลยผิดตามมาตรา 230 ด้วย ส่วนอุทธรณ์ของจำเลยศาลอุทธรณ์ไม่รับไว้
พิจารณา เพราะถือว่ายื่นเกินกำหนด ดังนี้เป็นเรื่องที่โจทก์อุทธรณ์ขึ้นมาด้วยและศาลอุทธรณ์แก้ให้ลงโทษจำเลย
ตามอุทธรณ์ของโจทก์ จำเลยจึงฎีกาขึ้นมาได้ และเมื่อทางพิจารณาฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำผิด ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจ
ยกฟ้องเสียได้./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับฟังข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา ศาลเดิมและอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249 ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าหลักฐานพยานโจทก์ไม่พอฟัง จึงพิพากษายกฟ้อง และศาลอุทธรณ์ก็ไม่ฟังว่าจำเลยแทงผู้ตายโดยเจตนาฆ่าให้ตายคงพิพากษาว่าผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 251 ดังนี้ คดีจึงเป็นอันว่าในข้อหาฐานฆ่าคนตายโดยเจตนานี้ ศาลเดิมและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง
โจทก์จะฎีกาในข้อเท็จจริงขอให้ศาลลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 501/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฎีกาในคดีอาญาเมื่อจำเลยหลบหนี ศาลฎีกาวินิจฉัยเฉพาะจำเลยที่ศาลอุทธรณ์พิพากษา
จำเลยในคดีอาญาหลบหนียังไม่ได้ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เสียคนหนึ่ง คงฟังแต่จำเลยอีกคนหนึ่งเพียงคนเดียว แม้โจทก์จะฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยทั้ง 2 คนก็ตาม ก็ถือว่าคดีเฉพาะจำเลยที่หลบหนี โจทก์ยังฎีกาไม่ได้ ศาลฎีกาคงวินิจฉัยเฉพาะจำเลยที่ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้วเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 433/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่า – ฆ่าโดยไม่เจตนา – การพิจารณาจากพฤติการณ์ – การพิพากษา
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยใช้มีดแทงผู้มีชื่อตายโดยเจตนาขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 249 จำเลยให้การแต่เพียงว่าได้ใช้มีดลอบแทงผู้มีชื่อตายจริงไม่ได้ให้การว่าจำเลยได้ฆ่าผู้มีชื่อตายด้วยเจตนา ดังนี้ เมื่อทางพิจารณาไม่ได้ความว่าจำเลยมีเจตนาจะฆ่าผู้มีชื่อนั้นศาลก็ย่อมมีอำนาจพิพากษาลงโทษจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 251 ฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1540/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาคดีลักทรัพย์และบุกรุกที่เกี่ยวข้องกับสถานที่เช่าเพื่อใช้เป็นโรงเรียน
ในคดีที่ฟ้องหาว่าจำเลยลักทรัพย์ ในฟ้องไม่ปรากฎว่า ทรัพย์ที่ถูกลักได้ถูกจับมาเป็นของกลางแต่อย่างใดและในคดีนั้นศาลฟังว่าจำเลยไม่มีผิดฐานลักทรัพย์ ศาลก็ย่อมไม่สั่งให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ถูกลักไป
เช่าสถานที่มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นโรงเรียน ทำการสอนหนังสือเด็กเท่านั้น แม้จะมีครูผู้ดูแลอาศัยอยู่ด้วยก็ไม่ทำให้สถานที่นั้นเป็น " เคหะ " อันอยู่ในความคุ้มครองของพ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1178/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิจำเลยในการสืบพยาน – ศาลอุทธรณ์ต้องรับฟังก่อนพิพากษา
จำเลยในคดีอาญาได้ระบุอ้างพยานไว้แล้ว แต่ศาลสั่งงดสืบพยานของจำเลยเสียแล้ว พิพากษายกฟ้องโดยไม่เชื่อพยานโจทก์ เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าคดีฝ่ายโจทก์มั่นคงจะลงโทษจำเลยก็จำจะต้องฟังคำพยานฝ่ายจำเลยให้สิ้นกระแสความก่อน ถ้าศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยไปทีเดียวโดยไม่ได้ฟังคำพยานจำเลยแล้ว ศาลฎีกาย่อมพิพากษา ให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นสืบพยานจำเลยให้สิ้นกระแสความแล้วส่งสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 961/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแปลงหนี้และโอนสิทธิเรียกร้อง: ศาลต้องพิจารณาข้อเท็จจริงก่อนพิพากษา
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้จากจำเลย จำเลยต่อสู้ว่ากู้เงินโจทก์ตามที่ฟ้องจริง แต่ภายหลังยืม+โจทก์มาอีกจำนวนหนึ่ง แล้วตกลงทำสัญญากู้กันใหม่ โดยเอาจำนวนเงินที่กู้เดิมบวกกับราคาข้าวที่ยืมมาลงเงินเป็นจำนวนกู้ในสัญญากู้ใหม่นี้ และในสัญญากู้ใหม่นี้ตกลงกันให้ลงชื่อพ่อตาโจทก์เป็นผู้ให้กู้ จำเลยเป็นผู้กู้ แล้วจำเลยได้ชำระเงินเท่าจำนวนตามสัญญาใหม่ให้แก่พ่อตาโจทก์แล้วดังนี้เป็นเรื่องต่อสู้ว่าได้ตกลงแปลงหนี้ใหม่และโอนสิทธิเรียกร้องให้พ่อตาโจทก์ซึ่งถ้าเป็นจริงหนี้เดิมก็ระงับสิ้นไป จึ่งต้องให้จำเลยสืบตามข้อต่อสู้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 845/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่า: การพิพากษาคดีประทุษร้ายต่อกายโดยเชื่อในอาคม
จำเลยฟันผู้ตายที่โคนขา โดยเชื่อว่าอยู่คงกะพันชาตรี และฟันแต่เพียงผู้เดียว ผู้ตายถึงแก่ความตาย เช่นี้ ถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่มีเจตนาฆ่าผู้ตาย มีความผิดตามมาตรา 251

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 821/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาคดีครอบครองที่ดิน ศาลต้องวินิจฉัยกรรมสิทธิก่อน หากกรรมสิทธิไม่ชัดเจน การพิพากษายกฟ้องเฉพาะข้อบุกรุกจึงไม่ชอบ
โจทก์ฟ้องว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยบุกรุกขอให้ศาลแสดงว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยต่อสู้ว่าที่พิาพทเป็นของผู้ร้องสอด และจำเลยมิได้บุกรุก ผู้ร้องสอดร้องสอดเข้ามา ก็ให้การยืนยันว่าผู้ร้องสอดเป็นเจ้าของที่พิพาทดังนี้ ประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีจึงมีเป็นประการแรกว่า ที่พิพาทเป็นของใคร ถ้าฟังว่าเป็นของโจทก์ จึงจะมีประเด็นต่อไปว่า จำเลยบุกรุกหรือเปล่า ถ้าฟังว่าที่เป็นของผู้ร้องสอดข้อบุกรุกก็ตกไป ฉะนั้นศาลจะชี้ขาดแต่เพียงว่าจำเลยไม่ได้บุกรุกแล้วพิพากษายกฟ้องโจกท์เสียโดยไม่ชี้ขาดว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือมิใช่ ซึ่งเป็นของโจทก์หรือมิใช่ ซึ่งเป็นข้ออ้างสำคัญที่โจทก์อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาในคดีนี้นี้นจึงมิได้เป็นการตัดสินคดีตามข้อหาในฟ้องของโจทก์ทุกข้อเป็นการปฏิบัติไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติ ป.ว.แพ่ง 142,246
of 37