พบผลลัพธ์ทั้งหมด 411 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1651/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเคลือบคลุม, สละข้อต่อสู้, หลักฐานสัญญาซื้อขาย, หักเงินค่าเสียหาย, ดอกเบี้ยค้างชำระ: ประเด็นสำคัญในการพิจารณาคดีซื้อขาย
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยสั่งซื้ออุปกรณ์สระว่ายน้ำจากโจทก์เป็นเงิน 30,698บาท. เป็นคำฟ้องที่ชัดเจนพอที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาได้แล้ว. ส่วนรายละเอียดอุปกรณ์สระว่ายน้ำมีอะไรบ้าง. เป็นข้อที่จะนำสืบในชั้นพิจารณา. แม้ไม่บรรยายมาในฟ้องก็ไม่ทำให้เป็นฟ้องเคลือบคลุม. และโจทก์ไม่จำเป็นต้องบรรยายฟ้องว่า. คนของจำเลยผู้ใดเป็นคนเซ็นรับของ. เพียงแต่กล่าวว่าได้ส่งของให้จำเลยรับไปแล้วก็เป็นฟ้องที่ชอบ.
เอกสารตามสำเนาท้ายฟ้อง ซึ่งเป็นภาษาต่างประเทศ. แม้โจทก์จะมิได้ส่งคำแปลเป็นภาษาไทย. หากมีข้อความในเอกสารเป็นภาษาไทยอยู่บางส่วนอ่านได้ใจความสำคัญ. ย่อมรับฟังเอกสารดังกล่าวได้.
ปัญหาซึ่งศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยสละข้อต่อสู้ในศาลชั้นต้นจึงไม่รับวินิจฉัย. จำเลยมิได้ฎีกาโต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าจำเลยยังไม่ได้สละข้อต่อสู้. เพียงแต่ยกปัญหาดังกล่าวขึ้นฎีกาต่อมา. ศาลฎีกาย่อมไม่รับวินิจฉัย. เพราะไม่ใช่ข้อที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้ว.
แม้จำเลยจะยอมรับผิดตามฟ้องเต็มจำนวนเงินที่เรียกร้องหรือแต่บางส่วน. หากจำเลยไม่นำเงินมาวางศาลเพื่อให้โจทก์รับไป. จำเลยก็ต้องรับผิดเสียดอกเบี้ย.
เอกสารตามสำเนาท้ายฟ้อง ซึ่งเป็นภาษาต่างประเทศ. แม้โจทก์จะมิได้ส่งคำแปลเป็นภาษาไทย. หากมีข้อความในเอกสารเป็นภาษาไทยอยู่บางส่วนอ่านได้ใจความสำคัญ. ย่อมรับฟังเอกสารดังกล่าวได้.
ปัญหาซึ่งศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยสละข้อต่อสู้ในศาลชั้นต้นจึงไม่รับวินิจฉัย. จำเลยมิได้ฎีกาโต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าจำเลยยังไม่ได้สละข้อต่อสู้. เพียงแต่ยกปัญหาดังกล่าวขึ้นฎีกาต่อมา. ศาลฎีกาย่อมไม่รับวินิจฉัย. เพราะไม่ใช่ข้อที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้ว.
แม้จำเลยจะยอมรับผิดตามฟ้องเต็มจำนวนเงินที่เรียกร้องหรือแต่บางส่วน. หากจำเลยไม่นำเงินมาวางศาลเพื่อให้โจทก์รับไป. จำเลยก็ต้องรับผิดเสียดอกเบี้ย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1207/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องคดีป่าไม้ และการวินิจฉัยฟ้องเคลือบคลุม: ป่าไม้, อายุความ 10 ปี, ฟ้องชัดเจน
ความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 73พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2503 มาตรา 17 มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท ฉะนั้นจึงต้องถืออายุความฟ้องร้อง 10 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 95(3)
ฟ้องโจทก์ซึ่งบรรยายว่า "ฯลฯระหว่างวันที่ 1 ธันวาคม 2506 ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2507 ฯลฯ" ประกอบข้อความว่า"ฯลฯได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ป่าบางน้ำจืดบางส่วนในท้องที่ตำบลบางสนอำเภอปทิว จังหวัดชุมพร เป็นป่าคุ้มครอง และจำเลยได้ทำลายป่า และตัดฟันไม้หวงห้ามในเขตป่าสงวนแห่งชาติรวมเนื้อที่ 3 ไร่ 2 งาน 90 ตารางวา โดยมิได้รับอนุญาต ฯลฯ" ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
ฟ้องโจทก์ซึ่งบรรยายว่า "ฯลฯระหว่างวันที่ 1 ธันวาคม 2506 ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2507 ฯลฯ" ประกอบข้อความว่า"ฯลฯได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ป่าบางน้ำจืดบางส่วนในท้องที่ตำบลบางสนอำเภอปทิว จังหวัดชุมพร เป็นป่าคุ้มครอง และจำเลยได้ทำลายป่า และตัดฟันไม้หวงห้ามในเขตป่าสงวนแห่งชาติรวมเนื้อที่ 3 ไร่ 2 งาน 90 ตารางวา โดยมิได้รับอนุญาต ฯลฯ" ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 200/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเบิกความเท็จต้องระบุรายละเอียดชัดเจน มิฉะนั้นเป็นฟ้องเคลือบคลุม
การบรรยายฟ้องในข้อหาฐานเบิกความเท็จที่เป็นฟ้องเคลือบคลุม.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1195/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชัดเจนของเวลาเกิดเหตุในฟ้องอาญา: 'เที่ยง' หมายถึง 12.00 น. ทำให้ฟ้องไม่เคลือบคลุม
"โจทก์บรรยายฟ้องว่าเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2507 เวลากลางคืน ก่อนเที่ยง........"
ตามปกติคำว่า "เที่ยง" นั้น หมายถึงเวลา 12.00 น. เพราะฉะนั้นเวลาเกิดเหตุตามฟ้อง โจทก์นี้จึงหมายถึงส่วนที่เป็นเวลากลางคืนของวันที่ 10 นั้น ซึ่งเป็นเวลาก่อน 12 น. ดังนี้ จำเลยจะฎีกาว่าเป็นฟ้องที่เคลือบคลุมหาได้ไม่
ตามปกติคำว่า "เที่ยง" นั้น หมายถึงเวลา 12.00 น. เพราะฉะนั้นเวลาเกิดเหตุตามฟ้อง โจทก์นี้จึงหมายถึงส่วนที่เป็นเวลากลางคืนของวันที่ 10 นั้น ซึ่งเป็นเวลาก่อน 12 น. ดังนี้ จำเลยจะฎีกาว่าเป็นฟ้องที่เคลือบคลุมหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 275/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้มาซึ่งภารจำยอมโดยการใช้ทางต่อเนื่องเกินสิบปี และการฟ้องขอทางภารจำยอมที่มิเคลือบคลุม
โจทก์บรรยายฟ้องชัดแจ้งว่า ขอให้เปิดทางภารจำยอมถึงแม้จะมีความกล่าวว่าเป็นทางจำเป็นด้วยก็เป็นเพียงข้ออ้างว่านอกจากเป็นทางภารจำยอมแล้วยังเป็นทางจำเป็นอีกด้วย ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
โจทก์กับพวกใช้ทางพิพาทเป็นประจำมาเกินกว่าสิบปีภารจำยอมย่อมเกิดขึ้นเป็นคุณแก่ที่ดินโจทก์แล้วการที่โจทก์ไม่ได้ใช้ทางพิพาทเป็นทางเดินผ่านตลอดปีหาทำให้การใช้ทางเดินนั้นขาดตอนไม่ติดต่อกันไม่ได้
(อ้างฎีกา 1318/2501)
เมื่อจำเลยอ้างว่าโจทก์ที่ดินในทางพิพาทโดยถือวิสาสะจำเลยต้องนำสืบข้ออ้าง
โจทก์กับพวกใช้ทางพิพาทเป็นประจำมาเกินกว่าสิบปีภารจำยอมย่อมเกิดขึ้นเป็นคุณแก่ที่ดินโจทก์แล้วการที่โจทก์ไม่ได้ใช้ทางพิพาทเป็นทางเดินผ่านตลอดปีหาทำให้การใช้ทางเดินนั้นขาดตอนไม่ติดต่อกันไม่ได้
(อ้างฎีกา 1318/2501)
เมื่อจำเลยอ้างว่าโจทก์ที่ดินในทางพิพาทโดยถือวิสาสะจำเลยต้องนำสืบข้ออ้าง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1799/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความเคลือบคลุมของฟ้อง: สิทธิจำนอง vs. ประนีประนอมยอมความ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าฟ้องไม่เคลือบคลุมเพราะเสนอสิทธิทั้งสอง
คำฟ้องไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1799/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเคลือบคลุมหรือไม่? ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์เสนอสิทธิทั้งสัญญาจำนองและประนีประนอมได้ ไม่เคลือบคลุม
คำฟ้องที่ไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1341/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องอาญาฐานจ้างวานเบิกความเท็จ: การพิจารณาความเคลือบคลุมของฟ้อง และความสำคัญของพยานหลักฐาน
ฟ้องโจทก์บรรยายว่า จำเลยสมคบกันใช้บังคับขู่เข็ญ จ้างวาน หรือยุยงส่งเสริม ให้พยานเบิกความเท็จนั้น ไม่เป็นฟ้องที่ขัดกัน ไม่ทำให้จำเลยหลงข้อต่อสู้ และไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม ในเมื่อเป็นการบรรยายรายละเอียดการกระทำทั้งหลายที่จำเลยได้กระทำรวมกันไป
พยานเบิกความว่า จำหน้าคนร้ายไม่ได้ และศาลได้พิพากษายกฟ้องเพราะเหตุนี้ ข้อความที่พยานเบิกความนั้น จึงเป็นข้อสำคัญในคดี
ในการจ้างวานและยุยงให้พยานเบิกความเท็จต่อศาลนั้น โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยพูดกับพยานว่าเรื่องนี้ไม่ต้องกลัว เพราะได้ให้พนักงานอัยการ 500 บาท แล้ว เมื่อโจทก์นำสืบกลับสืบว่า ได้ให้ 800 บาท เช่นนี้ เป็นเรื่องพยานโจทก์เบิกความไม่ตรงในรายละเอียดเพียงเล็กน้อย ไม่ใช่ข้อสำคัญอันจะเป็นเหตุให้ศาลพิพากษายกฟ้องโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192
พยานเบิกความว่า จำหน้าคนร้ายไม่ได้ และศาลได้พิพากษายกฟ้องเพราะเหตุนี้ ข้อความที่พยานเบิกความนั้น จึงเป็นข้อสำคัญในคดี
ในการจ้างวานและยุยงให้พยานเบิกความเท็จต่อศาลนั้น โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยพูดกับพยานว่าเรื่องนี้ไม่ต้องกลัว เพราะได้ให้พนักงานอัยการ 500 บาท แล้ว เมื่อโจทก์นำสืบกลับสืบว่า ได้ให้ 800 บาท เช่นนี้ เป็นเรื่องพยานโจทก์เบิกความไม่ตรงในรายละเอียดเพียงเล็กน้อย ไม่ใช่ข้อสำคัญอันจะเป็นเหตุให้ศาลพิพากษายกฟ้องโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 476/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชัดเจนของฟ้องคดีอาญา: การระบุช่วงเวลากระทำผิดที่โจทก์กล่าวอ้างเพียงใด จึงถือว่าฟ้องไม่เคลือบคลุม
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำผิดระหว่างวันที่ 25 ถึงวันที่ 28 มกราคม 2502 เวลากลางวันและกลางคืน ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 476/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องอาญา: ความชัดเจนของวันเวลาในฟ้อง และการต่อสู้คดี
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำผิดระหว่างวันที่ 25 ถึงวันที่ 28 มกราคม 2502 เวลากลางวันและกลางคืน ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม