พบผลลัพธ์ทั้งหมด 620 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1027/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพ้นโทษทางลิขสิทธิ์: โทษจำคุกที่รอการลงโทษไม่ถือเป็น 'พ้นโทษ' เพื่อวางโทษทวีคูณ
คำว่าพ้นโทษซึ่งจะวางโทษทวีคูณได้ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์พ.ศ.2521มาตรา55คือพ้นโทษที่ได้รับจริงๆในคดีก่อนเมื่อในคดีก่อนศาลลงโทษจำคุกและปรับแต่รอการลงโทษจำคุกไว้จำเลยจึงไม่ได้รับโทษจำคุกจริงๆหรืออีกนัยหนึ่งโทษจำคุกที่รอไว้ไม่ใช่โทษจำคุกที่จำเลยได้รับจริงแม้จะพ้นโทษปรับแต่คดีก่อนมีทั้งรอการลงโทษจำคุกและปรับถือไม่ได้ว่ามีการพ้นโทษจำคุกจึงวางโทษจำเลยทวีคูณตามมาตรา45ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานปลอมเอกสารและขายของหลอกลวงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน แม้มีเจตนาพิเศษเชื่อมโยงกัน ศาลให้รอการลงโทษหากมีเหตุสมควร
ความผิดฐานปลอมเอกสารและความผิดฐานขายของโดยหลอกลวงนั้นเป็นความผิดคนละอย่างแยกออกจากกันได้ การที่จำเลยเจตนาปลอมเอกสารเพื่อขายของโดยหลอกลวงเป็นเจตนาต่างกัน เพียงแต่มีเจตนาพิเศษหรือมูลเหตุจูงใจให้กระทำผิดเป็นอันเดียวกัน คำฟ้องของโจทก์บรรยายโดยชัดแจ้งว่าจำเลยกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกันคือ ฐานปลอมเอกสารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 และฐานขายของโดยหลอกลวงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 271 และจำเลยก็ให้การรับสารภาพตามฟ้อง จึงถือได้ว่าจำเลยมีเจตนากระทำความผิดทั้งฐานปลอมเอกสารและฐานขายของโดยหลอกลวง การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 887/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์ไม่รอการลงโทษและการจำกัดสิทธิอุทธรณ์ในข้อหาหน่วงเหนี่ยวกักขังตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
โจทก์อุทธรณ์ขอไม่ให้รอการลงโทษความผิดฐานหน่วงเหนี่ยวกักขัง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 310 ซึ่งระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปีปรับไม่เกินหกพันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิ ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยในข้อหาดังกล่าวเป็นการไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 849/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รอการลงโทษแม้มีกระทงความผิดหลายกระทง หากโทษแต่ละกระทงไม่สูง และมีการชดใช้ค่าเสียหายบางส่วน
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาเรียงกระทงลงโทษจำเลยทุกกระทงความผิดให้จำคุกรวม 96 ปี แต่เมื่อโทษจำคุกในแต่ละกระทงความผิดที่วางมานั้นมีกำหนดไม่เกิน 2 ปี คดีจึงอยู่ในเกณฑ์ที่ศาลจะใช้ดุลพินิจรอการลงโทษไว้ได้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341,343และให้คืนหรือใช้เงินแก่ผู้เสียหาย 48 คน เป็นเงิน 1,910,500 บาทเมื่อความปรากฏในสำนวนต่อศาลอุทธรณ์ว่าระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นผู้เสียหายจำนวน 43 คนได้รับการชดใช้จากจำเลยบางส่วนแล้วและไม่ติดใจดำเนินคดีแก่จำเลยในทางแพ่งอีกต่อไป และระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ จำเลยก็ได้ชดใช้เงินให้แก่ผู้เสียหายอีก 4 คนเป็นที่พอใจแล้วคงเหลือเพียงผู้เสียหายรายที่ 20 เท่านั้น ดังนี้แม้จำเลยจะไม่ได้อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่พิพากษาให้จำเลยคืนหรือใช้เงินแก่ผู้เสียหายทั้งหมดรวม 48 คน ก็ตามแต่เมื่อความรับผิดในทางแพ่งของจำเลยเป็นอันระงับไปแล้วการที่จะยังให้จำเลยต้องรับผิดชอบซ้ำซ้อนอีกจึงหาเป็นการชอบและเป็นธรรมไม่ ปัญหาข้อนี้จึงเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลอุทธรณ์จึงหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองแล้วพิพากษาให้จำเลยคืนหรือใช้เงินแก่ผู้เสียหายที่ 20 เพียงรายเดียวได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7416/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานมีเทปวีดีโอลามกประกอบธุรกิจให้เช่า ไม่เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ลดโทษรอการลงโทษ
การที่จำเลยมีไว้ซึ่งเทปหรือวัสดุโทรทัศน์อันลามกในการประกอบธุรกิจให้เช่า แลกเปลี่ยนและจำหน่ายซึ่งเทปหรือวัสดุโทรทัศน์ดังกล่าว อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 287 ย่อมเป็นความผิดตาม พระราชบัญญัติควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์พ.ศ. 2530 มาตรา 6,34 อยู่ในตัว มิใช่ความผิดที่เป็นการกระทำหลายกรรมต่างกันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ซึ่งปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาย่อมหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้ แม้จำเลยจะมิได้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225 ขณะกระทำผิดจำเลยอายุ 19 ปีเศษ เป็นชาวต่างจังหวัดเข้ามาทำงานเป็นลูกจ้างในกรุงเทพมหานครและเรียนหนังสือเป็นนักศึกษานอกโรงเรียนสามัญ ย่อมมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีจึงยังไม่มีเหตุอันควรที่จะลดมาตราส่วนโทษให้ แต่จำเลยไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อนมีเหตุอันควรที่จะรอการลงโทษ เพื่อให้โอกาสจำเลยกลับตัวเป็นพลเมืองดีจะได้ศึกษาเล่าเรียนต่อไป โดยต้องวางโทษปรับจำเลยอีกสถานหนึ่งด้วยเพื่อให้หลาบจำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7214/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรอการลงโทษมีผลถึงจำเลยอื่น แม้ไม่ได้อุทธรณ์ เหตุผลตาม ป.วิ.อ. มาตรา 213
การรอการลงโทษเป็นการใช้ดุลพินิจของศาลซึ่งเป็นเหตุในลักษณะคดีตาม ป.วิ.อ. มาตรา 213 มีผลถึงจำเลยอื่นซึ่งไม่ได้อุทธรณ์ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7214/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการรอการลงโทษ – ศาลอุทธรณ์มีอำนาจขยายผลถึงจำเลยที่ไม่เคยอุทธรณ์
การรอการลงโทษเป็นการใช้ดุลพินิจของศาลซึ่งเป็นเหตุในลักษณะคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 มีผลถึงจำเลยอื่นซึ่งไม่ได้อุทธรณ์ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7074/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้ามเนื่องจากเป็นการโต้เถียงดุลพินิจศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เกี่ยวกับโทษ จำเลยอุทธรณ์ขอรอการลงโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 357 วรรคหนึ่ง,83 ขณะกระทำผิดจำเลยอายุ 15 ปีลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 75แล้ว จำคุก 2 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก1 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เพียงว่าให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 75 ประกอบด้วยมาตรา 74(5) โดยส่งตัวจำเลยไปฝึกและอบรมที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนมีกำหนด 1 ปี จึงเป็นการแก้ไขคำพิพากษาศาลชั้นต้นเพียงเล็กน้อย จำเลยฎีกาขอให้ศาลรอลงอาญาให้จำเลยหรือให้ศาลมอบตัวจำเลยให้แก่มารดาเพื่อควบคุมความประพฤติของจำเลยเป็นการฎีกาโต้เถียงดุลพินิจในการกำหนดโทษ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่งถึงแม้ว่าจำเลยจะได้ยื่นคำร้องขอให้รับรองให้จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง และผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาในศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยก็ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการอนุญาตให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6863/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโต้แย้งดุลพินิจศาลในการรอการลงโทษ จำเลยต้องโทษจำคุกไม่เกินสองปี จึงห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 326จำคุกกระทงละ 1 เดือน รวม 3 กระทง จำคุก 3 เดือน ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่าให้ปรับจำเลยกระทงละ 1,000 บาท อีกสถานหนึ่ง รวม 3 กระทง ปรับ3,000 บาท โทษจำคุกให้รอไว้มีกำหนด 2 ปี แม้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นให้รอการลงโทษแก่จำเลย เป็นการแก้ไขมาก แต่ก็ถือว่าศาลอุทธรณ์ภาค 1 ยังคงลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินสองปี จึงเป็นคดีต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 219 โจทก์ฎีกาขอให้ไม่รอการลงโทษ เป็นการโต้เถียงดุลพินิจของศาลว่าสมควรลงโทษจำเลยเพียงใด เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม ป.วิ.อ. มาตรา 219 ประกอบด้วยพ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวง ฯ มาตรา 4
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6863/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้าม: โจทก์ฎีกาขอไม่รอการลงโทษ ศาลอุทธรณ์แก้โทษเป็นรอการลงโทษ ถือเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326 จำคุกกระทงละ 1 เดือน รวม 3 กระทง จำคุก 3 เดือนศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่าให้ปรับจำเลยกระทงละ 1,000 บาทอีกสถานหนึ่ง รวม 3 กระทง ปรับ 3,000 บาท โทษจำคุกให้รอไว้มีกำหนด 2 ปี แม้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นให้รอการลงโทษแก่จำเลย เป็นการแก้ไขมาก แต่ก็ถือว่าศาลอุทธรณ์ภาค 1 ยังคงลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินสองปี จึงเป็นคดีต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 โจทก์ฎีกาขอให้ไม่รอการลงโทษ เป็นการโต้เถียงดุลพินิจของศาลว่าสมควรลงโทษจำเลยเพียงใด เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯ มาตรา 4