พบผลลัพธ์ทั้งหมด 396 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 351/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรุกล้ำที่ดินโดยไม่สุจริตและสิทธิในการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง
การที่บุคคลใดสร้างโรงเรือนรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของผู้อื่นโดยสุจริตหรือไม่สุจริตตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1312 วรรคแรก และวรรค 2 นั้น หมายถึงการที่สร้างโรงเรือนรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของผู้อื่นโดยเข้าใจว่าเป็นที่ดินของตนหรือเป็นที่ดินของผู้อื่นที่ตนมีสิทธิสร้างโรงเรือนได้หรือไม่ หากสร้างโรงเรือนรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของผู้อื่นโดยเข้าใจว่าเป็นที่ดินของตนหรือเป็นของผู้อื่นที่ตนมีสิทธิสร้างโรงเรือนได้ ก็เป็นการสร้างโรงเรือนรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของผู้อื่นโดยสุจริต แต่ถ้าสร้างโรงเรือนรุกล้ำเข้าไปโดยทราบอยู่แล้วว่าที่ดินที่ตนสร้างรุกล้ำเข้าไปนั้นไม่ใช่ของตนหรือของผู้อื่นที่ตนมีสิทธิสร้างโรงเรือนได้แล้วก็เป็นการสร้างโรงเรือนรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของผู้อื่นโดยไม่สุจริต
ข้อเท็จจริงได้ความว่า เมื่อจำเลยปลูกสร้างตึกของจำเลยสุดเขตที่ดินของจำเลยแล้วยังมีที่ว่างระหว่างตึกของจำเลยกับตึกของโจทก์ประมาณ 3 เซนติเมตร และจำเลยทราบแล้วว่าที่ว่างดังกล่าวเป็นที่ดินของโจทก์ แต่จำเลยก็ยังฉาบปูนผนังตึกของจำเลยรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์จนจดผนังตึกของโจทก์ ดังนี้ ย่อมถือว่าจำเลยสร้างโรงเรือนรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์โดยไม่สุจริตตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1312 วรรค 2 โจทก์มีสิทธิฟ้องให้จำเลยรื้อถอนตึกของจำเลยส่วนที่รุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ออกจากที่ดินของโจทก์ได้
ข้อเท็จจริงได้ความว่า เมื่อจำเลยปลูกสร้างตึกของจำเลยสุดเขตที่ดินของจำเลยแล้วยังมีที่ว่างระหว่างตึกของจำเลยกับตึกของโจทก์ประมาณ 3 เซนติเมตร และจำเลยทราบแล้วว่าที่ว่างดังกล่าวเป็นที่ดินของโจทก์ แต่จำเลยก็ยังฉาบปูนผนังตึกของจำเลยรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์จนจดผนังตึกของโจทก์ ดังนี้ ย่อมถือว่าจำเลยสร้างโรงเรือนรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์โดยไม่สุจริตตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1312 วรรค 2 โจทก์มีสิทธิฟ้องให้จำเลยรื้อถอนตึกของจำเลยส่วนที่รุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ออกจากที่ดินของโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2072/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรอนสิทธิเจ้าของที่ดินริมคลอง: การรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่บดบังการใช้ประโยชน์ที่ดิน
บ้านเรือนที่จำเลยปลูกอยู่ที่ชายตลิ่งหน้าที่ดินของโจทก์บังหน้าที่ดินของโจทก์ย่อมทำให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าของที่ดินติดต่อที่ชายตลิ่งเสียหาย คือไม่อาจใช้หรือรับประโยชน์จากที่ชายตลิ่งอันเป็นที่สาธารณประโยชน์ส่วนนั้นได้ต่อไป ถือได้ว่าโจทก์ได้รับความเสียหายเป็นพิเศษโจทก์มีสิทธิฟ้องบังคับให้จำเลยรื้อเรือนให้พ้นหน้าที่ดินของโจทก์เพื่อยังความเสียหายให้สิ้นไปได้จำเลยจะอ้างว่าโจทก์มีท่าน้ำเป็นสะพานคอนกรีตในที่ดินของโจทก์อีกแปลงหนึ่งซึ่งอยู่ติดกันโดยโจทก์สามารถใช้สะพานนี้ลงคลองและใช้น้ำในคลองได้สะดวก โจทก์ไม่เสียหายหาได้ไม่ เพราะประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1337 คุ้มครองสิทธิของเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ (ที่ดิน)แต่ละแปลงไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1423/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำพิพากษาถึงที่สุดให้ขับไล่และรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง ผู้เช่าเป็นบริวารจำเลย ศาลบังคับคดีได้ แม้มีการยึดทรัพย์
ศาลพิพากษาให้ขับไล่จำเลย และให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากที่เช่าของโจทก์ที่ให้จำเลยเช่า จำเลยจะต้องปฏิบัติตามคำพิพากษา คือต้องออกและรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดิน
การที่มีผู้เช่าสิ่งปลูกสร้างอยู่โดยจำเลยรับว่าผู้เช่าเป็นบริวารของจำเลยมาแต่ต้นจำเลยจะโต้เถียงภายหลังว่าผู้เช่าไม่ใช่บริวารย่อมไม่ได้
เมื่อจำเลยเป็นผู้ให้เช่าสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินโจทก์ แม้คำพิพากษาจะมิได้สั่งให้ผู้เช่าซึ่งเป็นบริวารจำเลยออกไปจากที่ดินของโจทก์คำพิพากษาย่อมใช้บังคับขับไล่ผู้เช่าสิ่งปลูกสร้างได้ด้วย จำเลยจะอ้างเป็นเหตุไม่ยอมรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่ศาลพิพากษาให้รื้อหาได้ไม่
อ. โจทก์ในคดีแพ่งแดงที่ 82/2514 ยึดห้องแถวและสิ่งปลูกสร้างไว้ตามคำสั่งศาล ไม่เป็นเหตุให้ศาลงดการบังคับคดีตามคำพิพากษาในคดีนี้ เพราะการที่จำเลยจะต้องรื้อห้องแถวและสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินโจทก์เป็นการกระทำโดยคำสั่งศาล
การที่มีผู้เช่าสิ่งปลูกสร้างอยู่โดยจำเลยรับว่าผู้เช่าเป็นบริวารของจำเลยมาแต่ต้นจำเลยจะโต้เถียงภายหลังว่าผู้เช่าไม่ใช่บริวารย่อมไม่ได้
เมื่อจำเลยเป็นผู้ให้เช่าสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินโจทก์ แม้คำพิพากษาจะมิได้สั่งให้ผู้เช่าซึ่งเป็นบริวารจำเลยออกไปจากที่ดินของโจทก์คำพิพากษาย่อมใช้บังคับขับไล่ผู้เช่าสิ่งปลูกสร้างได้ด้วย จำเลยจะอ้างเป็นเหตุไม่ยอมรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่ศาลพิพากษาให้รื้อหาได้ไม่
อ. โจทก์ในคดีแพ่งแดงที่ 82/2514 ยึดห้องแถวและสิ่งปลูกสร้างไว้ตามคำสั่งศาล ไม่เป็นเหตุให้ศาลงดการบังคับคดีตามคำพิพากษาในคดีนี้ เพราะการที่จำเลยจะต้องรื้อห้องแถวและสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินโจทก์เป็นการกระทำโดยคำสั่งศาล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1145/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินมีผู้ครอบครอง ย่อมทำไม่ได้หากสภาพไม่เปิดช่อง
โจทก์ชนะคดีจำเลยในเรื่องจำเลยผิดสัญญาได้เข้าทำการก่อสร้างอาคารเสียเองในที่ดินที่ตกลงมอบสิทธิการก่อสร้างให้โจทก์แล้วตามสัญญา โดยศาลพิพากษาให้จำเลยรื้อถอน สิ่งปลูกสร้างที่จำเลยได้ทำลงในที่ดินนั้นออกไปเสียและมอบที่ดินให้โจทก์ตามสัญญา คดีถึงที่สุด และศาลได้ออกคำบังคับตามคำพิพากษาแล้ว โจทก์ยื่นคำร้องว่า จำเลยจงใจขัดขืนคำบังคับของศาลโดยไม่ได้รื้อสิ่งปลูกสร้างออกไป ขอให้ออกหมายจับและกักขังจำเลยจนกว่าจะปฏิบัติตามคำบังคับ ตามทางไต่สวนได้ความว่าตึกแถวที่โจทก์ขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนออกไปนั้น มีผู้เข้าอยู่อาศัยโดยเสียเงินช่วยค่าก่อสร้างไปแล้วเป็นส่วนมาก ดังนี้ ถือได้ว่าสภาพแห่งการบังคับคดีไม่เปิดช่องให้ทำได้ จะบังคับจำเลยในทางนี้ไม่ได้ การจะจับกุมและกักขังลูกหนี้ตามคำพิพากษานั้น ลูกหนี้จะต้องอยู่ในฐานะที่จะปฏิบัติตามคำบังคับได้ แต่ไม่ปฏิบัติ กรณีจึงเป็นเรื่องที่ไม่สามารถจะบังคับจำเลยผู้เป็นลูกหนี้ให้ปฏิบัติตามคำบังคับที่โจทก์ขอมานั้นได้จำต้องยกคำร้องโจทก์โดยโจทก์ชอบที่จะดำเนินการเรียกค่าสินไหมทดแทนแก่จำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 218 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 783/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรื้อถอนทรัพย์สินเช่าหลังศาลฎีกายืนสิทธิเช่า ผู้ให้เช่าต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหาย
เดิมจำเลยในคดีนี้เป็นโจทก์ฟ้องขับไล่โจทก์ในคดีนี้ให้ออกจากตึก ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ขับไล่โจทก์ และศาลฎีกาไม่อนุญาตให้ทุเลาการบังคับ จำเลยได้รื้อสิ่งปลูกสร้างทั้งหมด และทำการปลูกสร้างใหม่ ต่อมาศาลฎีกาพิพากษากลับคำพิพากษาศาลล่างว่า โจทก์มีสิทธิตามสัญญาเช่า โจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะแสวงหาผลประโยชน์จากสัญญาเช่านั้นได้โดยการเข้าครอบครองใช้สิทธิในทรัพย์ที่เช่า หรือให้เช่าช่วง การที่โจทก์ไม่สามารถหาประโยชน์จากทรัพย์ที่เช่าได้ เพราะดำเลยได้รื้อถอนเสียแล้ว เช่นนี้โจทก์ย่อมฟ้องให้จำเลยรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์ เพราะการชำระหนี้ตามคำพิพากษาเป็นการพ้นวิสัย โดยที่จำเลยในฐานะผู้ให้เช่าไม่สามารถส่งมอบทรัพย์ที่เช่าให้แก่ผู้เช่าคือโจทก์ได้ และการฟ้องร้องในกรณีเป็นเรื่องฟ้องร้องโดยอาศัยมูลสัญญา หาใช่มูลละเมิดไม่
คดีก่อนก่อนจำเลยฟ้องขับไล่โจทก์ออกจากตึกและเรียกค่าเช่าที่ค้างกับค่าเสียหาย คดีนี้โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายเนื่องจากจำเลยปฏิบัติผิดสัญญาเช่า ทำให้โจทก์ขาดประโยชน์ที่ควรจะได้จากการให้เช่าช่วงทรัพย์ที่เช่า ประเด็นแห่งคดีที่จะต้องวินิจฉัยเป็นคนละประเด็นกัน ฟ้องโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
คดีก่อนก่อนจำเลยฟ้องขับไล่โจทก์ออกจากตึกและเรียกค่าเช่าที่ค้างกับค่าเสียหาย คดีนี้โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายเนื่องจากจำเลยปฏิบัติผิดสัญญาเช่า ทำให้โจทก์ขาดประโยชน์ที่ควรจะได้จากการให้เช่าช่วงทรัพย์ที่เช่า ประเด็นแห่งคดีที่จะต้องวินิจฉัยเป็นคนละประเด็นกัน ฟ้องโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 783/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชดใช้ค่าเสียหายจากการรื้อถอนทรัพย์สินเช่าหลังคำพิพากษาถึงที่สุด แม้การปฏิบัติตามคำพิพากษาจะไม่เป็นละเมิด แต่หากทำให้การชำระหนี้ตามสัญญาเป็นไปไม่ได้ ผู้ให้เช่ายังต้องรับผิด
เดิมจำเลยฟ้องขับไล่โจทก์ออกจากตึกที่ให้โจทก์เช่าศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าสัญญาเช่าไม่สมบูรณ์ให้ขับไล่โจทก์ โจทก์ไม่ได้รับอนุญาตให้ทุเลาการบังคับคดีต่อมาศาลฎีกาพิพากษาว่าสัญญาเช่าสมบูรณ์ แต่โจทก์เข้าครอบครองตึกที่เช่าไม่ได้ เพราะจำเลยได้รื้อเสียแล้วเช่นนี้ จำเลยต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์ เพราะการชำระหนี้ตามสัญญาเช่าเป็นอันพ้นวิสัย
จำเลยฟ้องขับไล่โจทก์ออกจากทรัพย์ที่ให้โจทก์เช่า และเรียกค่าเช่ากับค่าเสียหาย ศาลพิพากษาถึงที่สุด ให้ยกคำขอในฟ้องของจำเลยที่ให้ขับไล่โจทก์และให้โจทก์ใช้ค่าเสียหาย โจทก์มาฟ้องจำเลยเรียกค่าเสียหายเนื่องจากจำเลยปฏิบัติผิดสัญญาเช่า ทำให้โจทก์ขาดประโยชน์ที่ควรจะได้จากทรัพย์ที่เช่าในระหว่างเป็นความกันในคดีก่อนได้ ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
จำเลยฟ้องขับไล่โจทก์ออกจากทรัพย์ที่ให้โจทก์เช่า และเรียกค่าเช่ากับค่าเสียหาย ศาลพิพากษาถึงที่สุด ให้ยกคำขอในฟ้องของจำเลยที่ให้ขับไล่โจทก์และให้โจทก์ใช้ค่าเสียหาย โจทก์มาฟ้องจำเลยเรียกค่าเสียหายเนื่องจากจำเลยปฏิบัติผิดสัญญาเช่า ทำให้โจทก์ขาดประโยชน์ที่ควรจะได้จากทรัพย์ที่เช่าในระหว่างเป็นความกันในคดีก่อนได้ ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 526/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะซื้อขายเพิ่มเติมที่ดิน แม้ไม่ได้จดทะเบียนก็มีผลผูกพันได้ หากโจทก์รู้เห็นยินยอมการเข้าใช้ประโยชน์ของจำเลย ย่อมไม่มีสิทธิเรียกร้องให้รื้อถอน
หนังสือสัญญาจะซื้อขายที่ดินเพิ่มเติมซึ่งทำภายหลังจากได้ทำหนังสือสัญญาจะซื้อขายที่ดินฉบับเดิม มีข้อความตกลงว่าผู้แทนโจทก์กับเจ้าของร่วมคนอื่นยินยอมยกที่ดินในโฉนดที่3878 ให้เป็นกรรมสิทธิ์แก่จำเลย เพื่อเป็นการตอบแทนที่จำเลยสละสิทธิ์ที่จะไม่ขอทำทางเท้าให้กว้างขึ้นเป็นถนนจากที่ดินโฉนดที่ 7386 ผ่านที่ดินโฉนดที่ 3878 ไปสู่ถนนใหญ่ อันเป็นสิทธิที่จำเลยพึงเรียกร้องได้ตามสัญญาจะซื้อขายที่ดินฉบับแรกที่ทำไว้แต่เดิม ข้อตกลงเช่นนี้แม้ไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ก็มีผลผูกพันบังคับระหว่างคู่สัญญากันได้ ไม่ใช่สัญญาให้โดยเสน่หาและไม่ใช่สัญญาจะซื้อขายจึงไม่อยู่ใต้บังคับแห่งบทบัญญัติมาตรา 456,525 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จำเลยปลูกเรือนในที่ดินของจำเลยล้ำเข้าไปในที่ดินโฉนดอื่น อันเป็นส่วนที่จำเลยได้รับยกให้ตามสัญญาจะซื้อขายเพิ่มเติมดังกล่าวโดยโจทก์รู้เห็น และมิได้ทักท้วง เท่ากับโจทก์รับว่าจำเลยปลูกเรือนในที่ดินพิพาทได้โจทก์ ไม่มีสิทธิให้จำเลยรื้อถอนโรงเรือนหลังนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1906/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าและข้อผูกพันหลังการขาย: จำเลยยังต้องรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างตามสัญญา แม้จะขายไปแล้ว
จำเลยเป็นผู้เช่าที่พิพาทจากโจทก์ ได้ทำสัญญากับโจทก์ขอเลิกสัญญาเช่าและยอมรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและออกไปภายในเวลาที่กำหนด แม้จำเลยจะได้ขายสิ่งปลูกสร้างให้บุคคลภายนอกไปก็หาเป็นเหตุให้จำเลยพ้นจากหน้าที่ที่จะปฏิบัติตามสัญญาที่ทำไว้กับโจทก์ไม่ เมื่อจำเลยไม่รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปตามกำหนดจำเลยย่อมเป็นผู้ผิดสัญญาและทำละเมิดต่อโจทก์ การที่จำเลยจะต้องรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง หากจะเป็นการละเมิดสิทธิของผู้ซื้อก็เป็นเรื่องที่จำเลยกับผู้ซื้อจะต้องว่ากล่าวกันเอง แม้ตามสัญญาเมื่อจำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างไปภายในกำหนด จำเลยจะได้รับเงินจากโจทก์จำนวนหนึ่ง และจำเลยได้โอนสิทธิเรียกร้องนั้นให้ผู้ซื้อทั้งแจ้งให้โจทก์ทราบแล้ว หากการโอนมีผล ก็ย่อมมีผลเป็นการโอนไปยังผู้ซื้อเฉพาะสิทธิที่จำเลยจะได้รับเงินจากโจทก์เท่านั้นหามีผลรวมถึงหนี้ซึ่งจำเลยจำต้องรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปด้วยไม่ผู้ซื้อเป็นเพียงบริวารซึ่งอาศัยอำนาจจำเลย ถึงแม้จำเลยจะไม่ได้อยู่ในสิ่งปลูกสร้าง โจทก์ก็ยังฟ้องบังคับให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไป และเรียกค่าเสียหายจากจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1906/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าและหน้าที่ในการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง แม้มีการขายทรัพย์สิน ผู้เช่ายังมีหน้าที่ตามสัญญา
จำเลยเป็นผู้เช่าที่พิพาทจากโจทก์ ได้ทำสัญญากับโจทก์ขอเลิกสัญญาเช่าและยอมรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและออกไปภายในเวลาที่กำหนด แม้จำเลยจะได้ขายสิ่งปลูกสร้างให้บุคคลภายนอกไปก็หาเป็นเหตุให้จำเลยพ้นจากหน้าที่ที่จะปฏิบัติตามสัญญาที่ทำไว้กับโจทก์ไม่ เมื่อจำเลยไม่รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปตามกำหนดจำเลยย่อมเป็นผู้ผิดสัญญาและทำละเมิดต่อโจทก์ การที่จำเลยจะต้องรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง หากจะเป็นการละเมิดสิทธิของผู้ซื้อก็เป็นเรื่องที่จำเลยกับผู้ซื้อจะต้องว่ากล่าวกันเอง แม้ตามสัญญาเมื่อจำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างไปภายในกำหนด จำเลยจะได้รับเงินจากโจทก์จำนวนหนึ่ง และจำเลยได้โอนสิทธิเรียกร้องนั้นให้ผู้ซื้อทั้งแจ้งให้โจทก์ทราบแล้ว หากการโอนมีผล ก็ย่อมมีผลเป็นการโอนไปยังผู้ซื้อเฉพาะสิทธิที่จำเลยจะได้รับเงินจากโจทก์เท่านั้นหามีผลรวมถึงหนี้ซึ่งจำเลยจำต้องรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปด้วยไม่ผู้ซื้อเป็นเพียงบริวารซึ่งอาศัยอำนาจจำเลย ถึงแม้จำเลยจะไม่ได้อยู่ในสิ่งปลูกสร้าง โจทก์ก็ยังฟ้องบังคับให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไป และเรียกค่าเสียหายจากจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 634/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรุกล้ำที่ดินโดยสุจริต: เจ้าของที่ดินฟ้องรื้อถอนมิได้ แต่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายเฉพาะส่วนรุกล้ำ
การสร้างโรงเรือนรุกล้ำที่ดินของผู้อื่นโดยไม่สุจริต หมายความว่า ผู้สร้างต้องรู้ในขณะสร้างว่าที่ดินตรงนั้นเป็นของผู้อื่น หากเข้าใจว่าเป็นที่ดินของตนและสร้างโรงเรือนรุกล้ำไปครั้นภายหลังจึงทราบความจริง ถือว่าเป็นการสร้างโรงเรือนรุกล้ำที่ดินของผู้อื่นโดยสุจริต
ครัวเป็นส่วนหนึ่งของอาคารโรงเรือน การสร้างครัวรุกล้ำที่ดินของผู้อื่น ย่อมเป็นการสร้างโรงเรือนรุกล้ำที่ดินของผู้อื่นตามกฎหมาย การสร้างโรงเรือนรุกล้ำที่ดินของผู้อื่นโดยสุจริต ผู้สร้างย่อมเป็นเจ้าของโรงเรือนนั้นตามกฎหมาย เจ้าของที่ดินที่ถูกรุกล้ำไม่อาจฟ้องบังคับให้ผู้สร้างรื้อถอนโรงเรือนได้ แม้ผู้สร้างจะมิได้ฟ้องแย้งขอให้บังคับเจ้าของที่ดินนั้นให้จดทะเบียนภารจำยอมก็ตาม
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1312 เฉพาะโรงเรือนที่สร้างรุกล้ำที่ดินของผู้อื่นเท่านั้นที่ได้รับความคุ้มครองสิ่งอื่น ๆ ที่มิใช่โรงเรือน หาได้รับความคุ้มครองด้วยไม่
ครัวเป็นส่วนหนึ่งของอาคารโรงเรือน การสร้างครัวรุกล้ำที่ดินของผู้อื่น ย่อมเป็นการสร้างโรงเรือนรุกล้ำที่ดินของผู้อื่นตามกฎหมาย การสร้างโรงเรือนรุกล้ำที่ดินของผู้อื่นโดยสุจริต ผู้สร้างย่อมเป็นเจ้าของโรงเรือนนั้นตามกฎหมาย เจ้าของที่ดินที่ถูกรุกล้ำไม่อาจฟ้องบังคับให้ผู้สร้างรื้อถอนโรงเรือนได้ แม้ผู้สร้างจะมิได้ฟ้องแย้งขอให้บังคับเจ้าของที่ดินนั้นให้จดทะเบียนภารจำยอมก็ตาม
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1312 เฉพาะโรงเรือนที่สร้างรุกล้ำที่ดินของผู้อื่นเท่านั้นที่ได้รับความคุ้มครองสิ่งอื่น ๆ ที่มิใช่โรงเรือน หาได้รับความคุ้มครองด้วยไม่