พบผลลัพธ์ทั้งหมด 919 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4739/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลอุทธรณ์เมื่อจำเลยไม่อุทธรณ์ และการลดโทษตามกฎหมายอาญา
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 245 วรรคสองที่บัญญัติว่าคดีที่พิพากษาให้ลงโทษประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิตนั้น หมายถึงโทษประหารชีวิตหรือโทษจำคุกตลอดชีวิตที่ศาลชั้นต้นลงจริง ๆ แก่จำเลย หาใช่โทษที่ศาลชั้นต้นวางไว้ก่อนลดโทษให้แก่จำเลยไม่ ศาลชั้นต้นวางโทษประหารชีวิตจำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 5แต่ละโทษให้กึ่งหนึ่งตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 และ 52(2)คงให้จำคุกจำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 5 คนละ 30 ปี เมื่อโจทก์จำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 5 ไม่อุทธรณ์คงมีแต่จำเลยที่ 2 ที่ 4และที่ 6 อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์จึงไม่มีอำนาจหยิบยกคดีของจำเลยดังกล่าวขึ้นพิจารณาตามบทกฎหมายดังกล่าว แต่หากศาลอุทธรณ์พิจารณาพยานหลักฐานโจทก์แล้วเห็นว่าจำเลยที่ 1 ที่ 3และที่ 5 มิได้กระทำความผิดซึ่งเป็นเหตุลักษณะคดีแล้วศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจพิพากษาไปถึงจำเลยที่ 1 ที่ 3 และ ที่ 5ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 428/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บันดาลโทสะจากการถูกยั่วยุ: การกระทำผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และการลดโทษตามมาตรา 72
เมื่อจำเลยกับผู้ตายอยู่กินร่วมกันฉันสามีภรรยา การที่ผู้ตายไปนอนค้างคืนกับนาย พ.และผู้ตายยังบอกจำเลยต่อหน้านายพ.อย่างปราศจากความยำเกรงจำเลยว่า ผู้ตายมานอนกับนาย พ.ทุกคืน จึงเป็นการเยาะเย้ยท้าทายจำเลยว่าได้ทำชู้ กันอยู่เรื่อย ๆจำเลยจะทำไม อันเป็นการยั่วยุอารมณ์ของจำเลย ถือได้ว่าเป็นการสบประมาทจำเลยอย่างร้ายแรง โดยมิได้คาดคิดมาก่อน ย่อมเหลือวิสัยที่จำเลยจะอดกลั้นไว้ได้ พฤติการณ์เช่นนี้ถือได้ว่าเป็นการกดขี่ข่มเหงจิตใจของจำเลยอย่างร้ายแรง การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายในทันทีจึงเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 428/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บันดาลโทสะจากพฤติการณ์สบประมาทและการเยาะเย้ยท้าทายของผู้ตายและชู้รักเข้าข่ายเหตุลดโทษตามมาตรา 72
ผู้ตาย นาย พ. และจำเลยรู้จักชอบพอกัน ผู้ตายอยู่กินฉันสามีภรรยากับจำเลย วันเกิดเหตุผู้ตายพาจำเลยไปบ้านนาย พ.ขณะที่จำเลยกับนาย พ.คุยกันตามลำพังจำเลยถามนายพ.ว่าผู้ตายมานอนค้างคืนกับนาย พ.หรือไม่นายพ. ตอบว่าผู้ตายมานอนค้างคืนกับนาย พ. และจะแต่งงานกัน จำเลยเรียกผู้ตายมาถามผู้ตายบอกว่ามานอนกับนาย พ. ทุกวัน จำเลยจึงพูดขึ้นว่าทำไมจึงหลอกกัน แล้วใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายถึงแก่ความตาย ฟังได้ว่าจำเลยกระทำไปเพราะโกรธผู้ตายที่ผู้ตายหลอก และไปนอนค้างคืนกับนาย พ.โดยจำเลยไม่ทราบมาก่อนว่าผู้ตายกับนายพ. มีสัมพันธ์สวาทกัน การที่ผู้ตายไปนอนค้างคืนกับนาย พ. และยังบอกจำเลยต่อหน้านาย พ.อย่างปราศจากความยำเกรงจำเลยจึงเป็นการเยาะเย้ยท้าทายจำเลยว่าได้ทำชู้กันอยู่เรื่อย ๆ จำเลยจะทำไม อันเป็นการยั่วยุอารมณ์ของจำเลย ถือได้ว่าเป็นการสบประมาทจำเลยอย่างร้ายแรงโดยมิได้คาดคิดมาก่อน ย่อมเหลือวิสัยที่จำเลยจะอดกลั้นโทสะไว้ได้เป็นการกดขี่ข่มเหงในทางจิตใจอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมจำเลยบันดาลโทสะขาดความยับยั้งชั่งใจ กรณีต้องด้วยประมวลกฎหมายอาญามาตรา 72
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4049/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีปล้นทรัพย์เยาวชน: ลดโทษเนื่องจากอายุและพฤติการณ์
ขณะกระทำความผิดจำเลยมีอายุ 17 ปี และเป็นนักเรียนและตามพฤติการณ์แห่งคดีจำเลยกระทำไปด้วยความคึกคะนองตามประสาวัยรุ่นกรณีจึงไม่สมควรพิพากษาลงโทษจำเลย จึงให้มารดาจำเลยรับตัวไปอบรมสั่งสอนมิให้ก่อเหตุร้ายขึ้นอีกภายในระยะเวลาที่กำหนด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 75 ประกอบด้วยมาตรา 74(2),(3)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3473/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดทางอาญา: การลักทรัพย์ในสภาวะที่สามารถรู้ผิดชอบได้ และการลดโทษตามมาตรา 65 วรรคสอง
ก่อนกระทำผิดจำเลยให้แพทย์ตรวจร่างกาย 2 ครั้ง เนื่องจากจำเลยปวดศีรษะ สับสน และนอนไม่หลับ ถ้ามีการดื่มสุรามากหรือเกิดความเครียดมากอาจไม่รู้สึกตัวประมาณ 12-13 ชั่วโมง ในคืนเกิดเหตุจำเลยได้ดื่มสุราแล้วจำเลยได้ใช้มีดงัดสายยูประตูห้องที่เกิดเหตุเข้าไปลักทรัพย์แล้วนำทรัพย์ที่ลักไปเก็บไว้ในตู้เสื้อผ้าที่บ้านพักจำเลย วันรุ่งขึ้นผู้บังคับบัญชาจำเลยสอบถามเรื่องคนร้ายลักทรัพย์ จำเลยรับสารภาพและคืนของกลางทั้งหมดชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพและนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพด้วย แสดงให้เห็นว่าจำเลยยังสามารถรู้ผิดชอบอยู่บ้าง ถ้าจำเลยไม่สามารถรู้ผิดชอบ คงไม่อาจให้รายละเอียดในการกระทำของตนได้ พฤติการณ์ในคดีรับฟังได้ว่าจำเลยได้กระทำผิดในขณะที่สามารถรู้ผิดชอบอยู่บ้าง ศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้เพียงใดก็ได้ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 65 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3471/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลดโทษจากสารภาพและการมอบตัวเพื่อรับผิดชอบอาญา แม้พยานหลักฐานมัดตัว
แม้พฤติการณ์แห่งคดีจะเป็นที่สะเทือนขวัญของประชาชนอย่างยิ่งและจำเลยให้การรับสารภาพทั้งในชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณาคดีของศาล ก็ด้วยเหตุที่จำเลยจำนนต่อพยานหลักฐานของโจทก์ก็ตาม แต่การที่จำเลยเข้ามามอบตัวต่อเจ้าพนักงานตำรวจเพื่อสารภาพความผิด และนำชี้ที่เกิดเหตุให้พนักงานสอบสวนทำแผนที่เกิดเหตุ ถือได้ว่าเป็นการลุแก่โทษต่อเจ้าพนักงานอันเป็นเหตุบรรเทาโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 จึงมีเหตุสมควรที่จะลดโทษให้แก่จำเลย โจทก์ขอให้เพิ่มโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92มาด้วย เมื่อศาลพิพากษาให้ประหารชีวิตจำเลย และตามมาตรา 54ให้เพิ่มโทษก่อนแล้วจึงลดจากผลที่เพิ่มแล้วนั้น เมื่อศาลเพิ่มโทษจำเลยมิได้เพราะเป็นโทษประหารชีวิต จึงคงลดโทษให้จำเลยสถานเดียว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3251/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลดโทษจากความผิดฐานกระทำอนาจารเป็นความผิดฐานทำร้ายร่างกาย และข้อจำกัดในการฎีกา
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 278 จำคุก 6 เดือน ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391 จำคุก 1 เดือน คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 มิได้เพิ่มเติมโทษจำเลย จึงต้องห้ามมิให้จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 219
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3177/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แก้ไขโทษจำคุกในคดียาเสพติด: ศาลฎีกาลดโทษประหารชีวิตเป็นจำคุกตลอดชีวิต โดยขยายผลไปยังจำเลยร่วม
ศาลฎีกาเห็นว่า ศาลล่างกำหนดโทษจำเลยหนักเกินไป สมควรกำหนดโทษให้เบาลง และเมื่อจำเลยที่ฎีกากับจำเลยที่มิได้ฎีกากระทำผิดร่วมกันเป็นเหตุในลักษณะคดี ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจพิพากษาแก้โทษตลอดไปถึงจำเลยที่มิได้ฎีกาด้วยได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 ประกอบมาตรา 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3167/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยิงตอบโต้หลังถูกทำร้าย: ป้องกันตัวไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่เข้าข่ายบันดาลโทสะ ศาลลดโทษเนื่องจากเหตุการณ์เชื่อมโยง
จำเลยถูกโจทก์ร่วมแทงที่ไหปลาร้า จำเลยโกรธ ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ แล้วกลับมาที่ร้านของตนเล่าเรื่องให้ภริยาทราบ เอาปืนจากร้านตนกลับไปยิงโจทก์ร่วมที่บริษัทที่โจทก์ร่วมอยู่ เมื่อในขณะที่จำเลยยิงโจทก์ร่วม โจทก์ร่วมไม่ได้ทำร้ายหรือกำลังจะทำร้ายจำเลยจึงไม่มีภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายที่ใกล้จะถึง การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายและถือไม่ได้ว่า จำเลยได้กระทำผิดต่อสู้ข่มเหงในขณะที่ถูกข่มเหงจึงไม่เป็นการกระทำความผิดโดยบันดาลโทสะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2469/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทในการขับรถและการลดโทษจำเลยที่ไม่ฎีกา
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองขับรถยนต์ชนกันโดยประมาททำให้ผู้โดยสารในรถถึงแก่ความตาย ได้รับอันตรายสาหัสและได้รับอันตรายแก่กายศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสอง จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์-พิพากษายืน จำเลยที่ 2 ฎีกา เมื่อศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยทั้งสองประมาท แต่ศาลล่างทั้งสองลงโทษจำเลยที่ 2 หนักเกินไป เห็นควรแก้ไขให้เหมาะสม และเนื่องจากข้อเท็จจริงที่ว่าเหตุที่เกิดขึ้นเกิดจากความประมาทของจำเลยทั้งสองเป็นข้อเท็จจริงอันหนึ่งอันเดียวกัน และหลังเกิดเหตุฝ่ายจำเลยที่ 1 ได้นำเงินไปช่วยเป็นค่าปลงศพ และค่ามนุษยธรรมแก่ฝ่ายผู้เสียหาย ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาโดยกำหนดโทษให้เบาลงอีกไปถึงจำเลยที่ 1 ซึ่งมิได้ฎีกาด้วยได้