พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,244 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2828/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่ชอบตาม ป.วิ.อ.มาตรา 216: การคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ต้องระบุเหตุผลชัดเจน
ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 216 ฎีกาต้องมีข้อความคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยอ้างเหตุว่า การที่ศาลอุทธรณ์รับฟังข้อเท็จจริงหรือไม่รับฟังข้อเท็จจริงข้อใดนั้นชอบหรือไม่ชอบเพราะเหตุใด ควรรับฟังข้อเท็จจริงอย่างไร
ฎีกาของโจทก์มิได้มีข้อความระบุเลยว่า ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าคำเบิกความของพยานโจทก์เกี่ยวกับการพบเห็นชาย 4 คน ขัดกันในสาระสำคัญเป็นการไม่ชอบเพราะเหตุใด ควรถือว่าเป็นพลความคือไม่ใช่ข้อสาระสำคัญด้วยเหตุใดข้อที่เกี่ยวกับของกลางและรายละเอียดส่วนใหญ่ ศาลอุทธรณ์ควรต้องยกขึ้นวินิจฉัยเพราะเหตุใด รายละเอียดส่วนใดยกขึ้นวินิจฉัยแล้วผลจะเป็นอย่างไร ข้อที่ว่าพยานโจทก์ต่างเบิกความตรงกันก็มิได้ระบุว่าพยานชื่อใดบ้าง เบิกความตรงกันในข้อใดควรรับฟังหรือไม่ ด้วยเหตุผลอย่างไร อีกทั้งข้อความตามฎีกาโจทก์ที่ว่า คดีมีพยานหลักฐานพอยื่นฎีกาได้ ก็คล้ายเป็นข้อความที่โจทก์เสนอความเห็นของตนต่อผู้บังคับบัญชาของโจทก์ ข้อความที่ว่า ศาลชั้นต้นอยู่ใกล้ชิดกับพยานที่เบิกความ โจทก์ก็ไม่ระบุชัดแจ้งว่าศาลชั้นต้นอยู่ใกล้ชิดกับพยานอย่างไร เพราะเหตุใดจึงจะรับฟังได้ว่า จำเลยได้กระทำผิดตามฟ้อง ฎีกาของโจทก์จึงเป็นฎีกาที่มิได้คัดค้านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์เป็นฎีกาที่ไม่ชอบตาม ป.วิ.อ.มาตรา 216
ฎีกาของโจทก์มิได้มีข้อความระบุเลยว่า ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าคำเบิกความของพยานโจทก์เกี่ยวกับการพบเห็นชาย 4 คน ขัดกันในสาระสำคัญเป็นการไม่ชอบเพราะเหตุใด ควรถือว่าเป็นพลความคือไม่ใช่ข้อสาระสำคัญด้วยเหตุใดข้อที่เกี่ยวกับของกลางและรายละเอียดส่วนใหญ่ ศาลอุทธรณ์ควรต้องยกขึ้นวินิจฉัยเพราะเหตุใด รายละเอียดส่วนใดยกขึ้นวินิจฉัยแล้วผลจะเป็นอย่างไร ข้อที่ว่าพยานโจทก์ต่างเบิกความตรงกันก็มิได้ระบุว่าพยานชื่อใดบ้าง เบิกความตรงกันในข้อใดควรรับฟังหรือไม่ ด้วยเหตุผลอย่างไร อีกทั้งข้อความตามฎีกาโจทก์ที่ว่า คดีมีพยานหลักฐานพอยื่นฎีกาได้ ก็คล้ายเป็นข้อความที่โจทก์เสนอความเห็นของตนต่อผู้บังคับบัญชาของโจทก์ ข้อความที่ว่า ศาลชั้นต้นอยู่ใกล้ชิดกับพยานที่เบิกความ โจทก์ก็ไม่ระบุชัดแจ้งว่าศาลชั้นต้นอยู่ใกล้ชิดกับพยานอย่างไร เพราะเหตุใดจึงจะรับฟังได้ว่า จำเลยได้กระทำผิดตามฟ้อง ฎีกาของโจทก์จึงเป็นฎีกาที่มิได้คัดค้านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์เป็นฎีกาที่ไม่ชอบตาม ป.วิ.อ.มาตรา 216
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2828/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่ชอบตามมาตรา 216 คพพ. เหตุไม่อ้างเหตุผลคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์อย่างชัดเจน
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 216 ฎีกาต้องมีข้อความคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยอ้างเหตุว่า การที่ศาลอุทธรณ์รับฟังข้อเท็จจริงหรือไม่รับฟังข้อเท็จจริงข้อใดนั้นชอบหรือไม่ชอบเพราะเหตุใดควรรับฟังข้อเท็จจริงอย่างไร
ฎีกาของโจทก์มิได้มีข้อความระบุเลยว่า ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าคำเบิกความของพยานโจทก์เกี่ยวกับการพบเห็นชาย 4 คน ขัดกันในสาระสำคัญเป็นการไม่ชอบเพราะเหตุใด ควรถือว่าเป็นพลความคือไม่ใช่ข้อสาระสำคัญด้วยเหตุใด ข้อที่เกี่ยวกับของกลางและรายละเอียดส่วนใหญ่ ศาลอุทธรณ์ควรต้องยกขึ้นวินิจฉัยเพราะเหตุใด รายละเอียดส่วนใดยกขึ้นวินิจฉัยแล้วผลจะเป็นอย่างไร ข้อที่ว่าพยานโจทก์ต่างเบิกความตรงกันก็มิได้ระบุว่าพยานชื่อใดบ้าง เบิกความตรงกันในข้อใด ควรรับฟังหรือไม่ ด้วยเหตุผลอย่างไร อีกทั้งข้อความตามฎีกาโจทก์ที่ว่า คดีมีพยานหลักฐานพอยื่นฎีกาได้ก็คล้ายเป็นข้อความที่โจทก์เสนอความเห็นของตนต่อผู้บังคับบัญชาของโจทก์ข้อความที่ว่า ศาลชั้นต้นอยู่ใกล้ชิดกับพยานที่เบิกความ โจทก์ก็ไม่ระบุชัดแจ้งว่าศาลชั้นต้นอยู่ใกล้ชิดกับพยานอย่างไร เพราะเหตุใดจึงจะรับฟังได้ว่า จำเลยได้กระทำผิดตามฟ้อง ฎีกาของโจทก์จึงเป็นฎีกาที่มิได้คัดค้านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์เป็นฎีกาที่ไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 216
ฎีกาของโจทก์มิได้มีข้อความระบุเลยว่า ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าคำเบิกความของพยานโจทก์เกี่ยวกับการพบเห็นชาย 4 คน ขัดกันในสาระสำคัญเป็นการไม่ชอบเพราะเหตุใด ควรถือว่าเป็นพลความคือไม่ใช่ข้อสาระสำคัญด้วยเหตุใด ข้อที่เกี่ยวกับของกลางและรายละเอียดส่วนใหญ่ ศาลอุทธรณ์ควรต้องยกขึ้นวินิจฉัยเพราะเหตุใด รายละเอียดส่วนใดยกขึ้นวินิจฉัยแล้วผลจะเป็นอย่างไร ข้อที่ว่าพยานโจทก์ต่างเบิกความตรงกันก็มิได้ระบุว่าพยานชื่อใดบ้าง เบิกความตรงกันในข้อใด ควรรับฟังหรือไม่ ด้วยเหตุผลอย่างไร อีกทั้งข้อความตามฎีกาโจทก์ที่ว่า คดีมีพยานหลักฐานพอยื่นฎีกาได้ก็คล้ายเป็นข้อความที่โจทก์เสนอความเห็นของตนต่อผู้บังคับบัญชาของโจทก์ข้อความที่ว่า ศาลชั้นต้นอยู่ใกล้ชิดกับพยานที่เบิกความ โจทก์ก็ไม่ระบุชัดแจ้งว่าศาลชั้นต้นอยู่ใกล้ชิดกับพยานอย่างไร เพราะเหตุใดจึงจะรับฟังได้ว่า จำเลยได้กระทำผิดตามฟ้อง ฎีกาของโจทก์จึงเป็นฎีกาที่มิได้คัดค้านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์เป็นฎีกาที่ไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 216
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2790/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเนื่องจากไม่วางค่าธรรมเนียม ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยมิชอบ ทำให้ไม่มีสิทธิฎีกา
จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ยื่นอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณาและคำพิพากษาศาลชั้นต้นพร้อมกับยื่นคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้อง หากจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ประสงค์จะอุทธรณ์ให้นำเงินค่าธรรมเนียมมาวางศาลภายในกำหนด 15 วัน นับแต่วันอ่านคำสั่ง จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 วางเงินค่าธรรมเนียมศาลจำนวน 200 บาทสำหรับอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณาภายในกำหนดเวลาที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่ง การที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 อุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาเพิกถอนคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นและให้สืบพยานจำเลยที่ 1 และที่ 2 ต่อไป จำเลยที่ 1และที่ 2 จะต้องนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งมาวางศาลตาม ป.วิ.พ.มาตรา 229 เมื่อจำเลยที่ 1 และที่ 2 ไม่นำเงินค่าธรรมเนียมมาวางศาลพร้อมอุทธรณ์ดังกล่าว จึงเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลอุทธรณ์ชอบที่จะปฏิเสธไม่รับวินิจฉัยให้ การที่ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณาของจำเลยที่ 1 และที่ 2 จึงเป็นการมิชอบ และถือไม่ได้ว่าเป็นข้อที่ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ จำเลยที่ 1 ที่ 2 จึงไม่มีสิทธิฎีกาต่อมา ตามป.วิ.พ.มาตรา 249 วรรคหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2750/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเนื่องจากผู้เรียงไม่ใช่ทนายความ และการฎีกาเรื่องโทษก่อนศาลอุทธรณ์พิจารณา
คำฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยได้ลงลายมือชื่อผู้เรียงโดย ธ. ซึ่งเป็นบุคคลที่ไม่ได้จดทะเบียนและไม่ได้รับใบอนุญาตให้เป็นทนายความ อีกทั้งไม่ได้เป็นบุคคลที่ได้รับการยกเว้น และตามพระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ. 2528 มาตรา 33 ผู้เรียงหรือแต่งฟ้องอุทธรณ์ จะต้องเป็นการกระทำของทนายความที่ได้รับอนุญาตหรือของตัวความเองอันเป็นการเฉพาะตัว ไม่อาจตั้งตัวแทน หรือไม่อาจอนุญาตให้ผู้ใดผู้หนึ่งช่วยเหลือได้ คำฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่ครบองค์ประกอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 215 ประกอบด้วยมาตรา 158(7) ศาลอุทธรณ์ชอบที่จะยกอุทธรณ์ของจำเลยโดยไม่อาจจะสั่งให้แก้ไขได้ ตามนัยแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 215 ประกอบด้วยมาตรา 161 วรรคหนึ่ง
ฎีกาของจำเลยเรื่องให้ลงโทษจำเลยสถานเบาหรือรอการลงโทษจำเลย เมื่อยังไม่ได้รับการพิจารณาจากศาลอุทธรณ์ จำเลยจึงไม่มีสิทธิที่จะฎีกาในข้อดังกล่าวได้ เป็นการต้องห้ามหรือไม่ต้องด้วยองค์ประกอบแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 216 วรรคหนึ่งแม้ศาลชั้นต้นจะได้สั่งรับฎีกาของจำเลยข้อนี้มา ศาลฎีกาก็ไม่รับวินิจฉัยให้
ฎีกาของจำเลยเรื่องให้ลงโทษจำเลยสถานเบาหรือรอการลงโทษจำเลย เมื่อยังไม่ได้รับการพิจารณาจากศาลอุทธรณ์ จำเลยจึงไม่มีสิทธิที่จะฎีกาในข้อดังกล่าวได้ เป็นการต้องห้ามหรือไม่ต้องด้วยองค์ประกอบแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 216 วรรคหนึ่งแม้ศาลชั้นต้นจะได้สั่งรับฎีกาของจำเลยข้อนี้มา ศาลฎีกาก็ไม่รับวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 268/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรอการลงโทษจำคุก แม้เคยมีโทษคดีก่อนที่ไม่ใช่ความผิดตามกฎหมายฉบับเดียวกัน ศาลอุทธรณ์ชอบที่จะไม่รอการลงโทษ
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 มิได้บัญญัติเป็นข้อยกเว้นไว้ด้วยว่าหากการกระทำความผิดในคดีก่อนและคดีหลังมิใช่ความผิดต่อกฎหมายฉบับเดียวกัน แม้ผู้นั้นได้รับโทษจำคุกในคดีก่อน ศาลยังอาจพิพากษารอการลงโทษจำคุกคดีหลังได้ เมื่อปรากฏว่าคดีก่อนจำเลยได้รับโทษจำคุก การที่ศาลอุทธรณ์ไม่รอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยโดยให้เหตุผลว่า กรณีของจำเลยไม่อาจรอการลงโทษได้ จึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2483/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่รับวินิจฉัยหลังศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาสิ้นสุดคดีผิดสัญญาประกัน เนื่องจากประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 119
ในคดีผิดสัญญาประกันต่อศาล ศาลชั้นต้นสั่งปรับผู้ประกันผู้ประกันนำตัวจำเลยมาส่งศาลและยื่นคำร้องขอลดค่าปรับ ศาลชั้นต้นนัดไต่สวน ถึงวันนัดผู้ประกันไม่ไปศาล ศาลชั้นต้นสั่งว่าผู้ประกันไม่ติดใจขอลดค่าปรับและจำหน่ายคดี ต่อมาผู้ประกันยื่นคำร้องขอลดค่าปรับเข้ามาใหม่ ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์เป็นที่สุด ผู้ประกันจะฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ต่อไปอีกไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 119
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2395/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้าม: โต้แย้งดุลพินิจศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ในการรับฟังพยานหลักฐานคดีจำหน่ายยาเสพติด
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายจำคุก 6 ปี ฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนอันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายจำคุก 5 ปี ลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลงหนึ่งในสาม คงจำคุกจำเลยมีกำหนด 7 ปี 4 เดือน ซึ่งมีผลเท่ากับศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลยในความผิดกระทงแรกมีกำหนด 4 ปี ในความผิดกระทงหลังมีกำหนด 3 ปี 4 เดือน กำหนดโทษจำคุกในแต่ละกระทงไม่เกิน 5 ปี เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง
ฎีกาของจำเลยอ้างว่าคำเบิกความของพยานโจทก์มีข้อแตกต่างขัดแย้งกันเองเป็นพิรุธและขัดต่อเหตุผลไม่น่าเชื่อถือ เป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง
ฎีกาของจำเลยอ้างว่าคำเบิกความของพยานโจทก์มีข้อแตกต่างขัดแย้งกันเองเป็นพิรุธและขัดต่อเหตุผลไม่น่าเชื่อถือ เป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2174/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อุทธรณ์ไม่ชอบเมื่อไม่วางค่าธรรมเนียม ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยชอบแล้ว
จำเลยอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษากลับคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นและให้สืบพยานต่อไป เท่ากับให้ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและให้สืบพยานต่อไป จึงต้องนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษาหรือคำสั่งมาวางศาลพร้อมอุทธรณ์ตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 กำหนดให้เป็นหน้าที่ของผู้อุทธรณ์ต้องปฏิบัติขณะยื่นอุทธรณ์ เมื่อจำเลยไม่นำเงินค่าธรรมเนียมดังกล่าวมาวางศาลพร้อมอุทธรณ์ เป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยโดยไม่ให้โอกาสจำเลยเงินค่าธรรมเนียมที่ต้องใช้แทนโจทก์มาวางจึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2112/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้ามในปัญหาข้อเท็จจริง: แก้ไขโทษและริบของกลาง ศาลอุทธรณ์แก้คำพิพากษาเล็กน้อย
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเฉพาะโทษและแก้เฉพาะเรื่องของกลางจากไม่ริบเป็นริบรถยนต์บรรทุกและรถพ่วงของกลางอันเป็นการแก้ไขเล็กน้อย และยังคงลงโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี จึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามมาตรา 218 วรรคหนึ่ง แห่ง ป.วิ.อ. ที่จำเลยฎีกาขอให้ลงโทษสถานเบาและไม่ริบรถยนต์บรรทุกและรถพ่วงของกลางอันเป็นการฎีกาโต้เถียงดุลพินิจในการลงโทษของศาลอุทธรณ์ภาค 2 จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามตามบทบัญญัติดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1753/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่อุทธรณ์คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ตามมาตรา 307 วรรคสองหลังศาลชั้นต้นรับฎีกา
จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอให้ตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการอสังหาริมทรัพย์แทนการขายทอดตลาดที่ดินซึ่งเป็นทรัพย์จำนองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 307 ในระหว่างการไต่สวน จำเลยขอเลื่อนคดีหลายครั้ง จนครั้งสุดท้ายศาลชั้นต้นเห็นว่าพฤติการณ์ของจำเลยส่อแสดงว่าจะประวิงการบังคับคดี จึงไม่อนุญาตให้เลื่อนการไต่สวนต่อไปอีก และมีคำสั่งให้ยกคำร้องของจำเลย คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวเท่ากับศาลชั้นต้นได้พิจารณาในเนื้อหาของคำร้องแล้วว่าไม่มีเหตุที่จะอนุญาตตามคำร้องของจำเลยคำสั่งของศาลชั้นต้นตามมาตรานี้จำเลยย่อมอุทธรณ์ไปยังศาลอุทธรณ์ได้ แต่เมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่งหรือคำพิพากษาอย่างใดแล้ว คำสั่งหรือคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 307 วรรคสองซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ 18) พ.ศ. 2542มาตรา 14
ศาลชั้นต้นมิได้สั่งในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียม ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้อง
ศาลชั้นต้นมิได้สั่งในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียม ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้อง