พบผลลัพธ์ทั้งหมด 346 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 943/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นิติกรรมอำพรางสัญญากู้: เจตนาที่แท้จริงคือการลงทุนร่วมธุรกิจ
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้จากจำเลยตามหนังสือสัญญากู้จำเลยต่อสู้ว่าเป็นนิติกรรมอำพราง เมื่อคดีได้ความว่าความจริงเป้นเรื่องโจทก์จำเลยเข้าหุ้นส่วนกันในการแสดงลครเพื่อหาผลกำไร จำนวนเงินที่โจทก์จะมอบให้จำเลยไปซื้อหาและใช้จ่ายในการแสดงลครนั้นโจทก์ให้จำเลยทำหนังสือสัญญากู้โจทก์ไว้ เพื่อให้จำเลยเอาเงินไปใช้เพื่อประโยชน์ในการจัดการแสดงลครจริง ๆ และเพื่อป้องกันเจ้าหนี้อื่น ถ้าหากจำเลยจะไปก่อให้เกิดขึ้น มิให้มาฟ้องร้องโจทก์ในฐานเป็นหุ้นส่วน ดังนี้ สัญญากู้ดังกล่าวจึงเป็นนิติกรรมอำพราง ตกเป็นโมฆะ ตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 118.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 943/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นิติกรรมอำพรางสัญญาเงินกู้เพื่อปกปิดความเป็นหุ้นส่วน
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้จากจำเลยตามหนังสือสัญญากู้ จำเลยต่อสู้ว่า เป็นนิติกรรมอำพราง เมื่อคดีได้ความว่าความจริงเป็นเรื่องโจทก์จำเลยเข้าหุ้นส่วนกันในการแสดงละครเพื่อหาผลกำไร จำนวนเงินที่โจทก์จะมอบให้จำเลยไปซื้อหาและใช้จ่ายในการแสดงละครนั้นโจทก์ให้จำเลยทำหนังสือสัญญากู้โจทก์ไว้ เพื่อให้จำเลยเอาเงินไปใช้เพื่อประโยชน์ในการจัดการแสดงละครจริงๆ และเพื่อป้องกันเจ้าหนี้อื่นถ้าหากจำเลยจะไปก่อให้เกิดขึ้น มิให้มาฟ้องร้องโจทก์ในฐานเป็นหุ้นส่วน ดังนี้สัญญากู้ดังกล่าวจึงเป็นนิติกรรมอำพราง ตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 118
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 826/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเลิกห้างหุ้นส่วนและการกำหนดอำนาจศาล คดีเลิกหุ้นส่วนไม่จำต้องฟ้องทุกหุ้นส่วน ศาลมีอำนาจตามภูมิลำเนาของจำเลยบางส่วน
การที่ผู้เป็นหุ้นส่วนฟ้องเลิกหุ้นส่วนนั้น ไม่จำต้องฟ้องผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคน เพราะผู้เป็นหุ้นส่วนอื่นอาจร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์หรือจำเลยได้ ไม่มีทางเสียเปรียบหรือเสียหายแก่ผู้เป็นหุ้นส่วนอื่น ทั้งไม่มีบทกฎหมายบัญญัติบังคับให้ต้องฟ้องผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนด้วย
การฟ้องขอเลิกห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนนั้น แม้ทรัพย์สินที่พิพาทจะอยู่ที่จังหวัดพังงา และจำเลยคนหนึ่งมีภูมิลำเนาอยู่จังหวัดภูเก็ต แต่เมื่อจำเลยอื่นมีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดพระนครแล้ว ศาลก็ย่อมมีอำนาจที่จะใช้ดุลยพินิจอนุญาตให้โจทก์ฟ้องยังศาลในพระนครได้
การฟ้องขอเลิกห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนนั้น แม้ทรัพย์สินที่พิพาทจะอยู่ที่จังหวัดพังงา และจำเลยคนหนึ่งมีภูมิลำเนาอยู่จังหวัดภูเก็ต แต่เมื่อจำเลยอื่นมีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดพระนครแล้ว ศาลก็ย่อมมีอำนาจที่จะใช้ดุลยพินิจอนุญาตให้โจทก์ฟ้องยังศาลในพระนครได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 546/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์รวมในสวนยาง & การโอนสิทธิหุ้นส่วน: สิทธิสมบูรณ์ต้องจดทะเบียน
การรวมทุนกันประกอบกิจการมีและทำสวนยาง อีกนัยหนึ่งก็คือการร่วมกันมีที่ดินสวนยางหรือทำเป็นสวนยาง เพื่อแสวงหาดอกผลธรรมดาจากสวนยางนั้น แม้จะเรียกว่าห้างหุ้นส่วนสามัญ(โดยมิได้จดทะเบียน)ก็ตามความสัมพันธ์เช่นนี้ จะต้องบังคับตามกฎหมายอันว่าด้วยกรรมสิทธิ์รวมในอสังหาริมทรัพย์นั้น จะบังคับตามกฎหมายเรื่องหุ้นส่วนแต่อย่างเดียวไม่ได้เพราะทรัพย์สินอันเป็นประธานที่ผู้เป็นหุ้นส่วนมีอยู่ร่วมกันคือที่ดินสวนยางและส่วนของหุ้นส่วนในเรื่องนี้ก็คือส่วนหนึ่งในสิทธิแห่งการเป็นเจ้าของรวมในสวนยาง อันเป็นอสังหาริมทรัพย์จะมีตราจองหรือไม่ ก็ย่อมเป็นสิทธิในอสังหาริมทรัพย์เช่นเดียวกัน แม้ผู้เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งจะมีสิทธิทำนิติกรรมจำหน่ายส่วนของตนได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1361 ก็ตาม แต่ก็ต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ จึงจะสมบูรณ์
ถ้าผู้ได้รับซื้อสิทธิของผู้เป็นหุ้นส่วนไว้โดยเพียงแต่ทำสัญญากันเป็นหนังสือเท่านั้น แล้วภายหลังผู้เป็นหุ้นส่วนนั้นได้ขายสิทธินั้นไปแก่ผู้รับซื้อคนใหม่โดยทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนกันโดยสุจริตแล้ว ดังนี้ ผู้รับซื้อคนแรกก็ย่อมจะฟ้องบังคับให้ผู้เป็นหุ้นส่วน ซึ่งขายสิทธินั้นแก่ตน โอนสิทธิที่ขายให้แก่ตนไม่ได้
เป็นผู้รับมอบอำนาจจากจำเลยให้เข้าสู้คดีในฐานะเป็นตัวแทนจำเลยแล้วภายหลังตนเองได้ร้องสอดเข้ามาในคดีในฐานะตัวเอง ดังนี้ ถ้าเป็นการร้องสอดเข้ามาเพื่อให้มีผลยกฟ้องแล้ว ศาลก็พอบังคับได้ แต่ถ้าเป็นการร้องสอดเข้ามาเพื่อที่จะให้ศาลบังคับตัวเองในฐานะเป็นตัวแทนจำเลยนั้น ศาลจะบังคับให้ หาได้ไม่ เพราะเป็นเรื่องที่ประโยชน์ของตัวแทนขัดกับประโยชน์ของตัวการอันเป็นกรณีที่ตัวแทนไม่อาจทำแทนได้
ถ้าผู้ได้รับซื้อสิทธิของผู้เป็นหุ้นส่วนไว้โดยเพียงแต่ทำสัญญากันเป็นหนังสือเท่านั้น แล้วภายหลังผู้เป็นหุ้นส่วนนั้นได้ขายสิทธินั้นไปแก่ผู้รับซื้อคนใหม่โดยทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนกันโดยสุจริตแล้ว ดังนี้ ผู้รับซื้อคนแรกก็ย่อมจะฟ้องบังคับให้ผู้เป็นหุ้นส่วน ซึ่งขายสิทธินั้นแก่ตน โอนสิทธิที่ขายให้แก่ตนไม่ได้
เป็นผู้รับมอบอำนาจจากจำเลยให้เข้าสู้คดีในฐานะเป็นตัวแทนจำเลยแล้วภายหลังตนเองได้ร้องสอดเข้ามาในคดีในฐานะตัวเอง ดังนี้ ถ้าเป็นการร้องสอดเข้ามาเพื่อให้มีผลยกฟ้องแล้ว ศาลก็พอบังคับได้ แต่ถ้าเป็นการร้องสอดเข้ามาเพื่อที่จะให้ศาลบังคับตัวเองในฐานะเป็นตัวแทนจำเลยนั้น ศาลจะบังคับให้ หาได้ไม่ เพราะเป็นเรื่องที่ประโยชน์ของตัวแทนขัดกับประโยชน์ของตัวการอันเป็นกรณีที่ตัวแทนไม่อาจทำแทนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 119/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเข้าหุ้นซื้อสลากและการแบ่งเงินรางวัล
เข้าหุ้นกันซื้อสลากกินแบ่งที่ออกโดยชอบด้วยกฎหมายนั้น เมื่อสลากนั้นถูกรางวัล ผู้เข้าหุ้นย่อมมีอำนาจฟ้องขอแบ่งเงินรางวัลจากผู้เป็นหุ้นส่วนที่ไปรับเงินรางวัลมาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 334/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกห้างหุ้นส่วนโดยความตกลงของผู้เป็นหุ้นส่วน ไม่ขัดต่อกฎหมายหรือศีลธรรม
เหตุเลิกหุ้นส่วนตามมาตรา 1055 นั้นเป็นเหตุเลิกห้างหุ้นส่วนอันมิใช่โดยความตกลงของผู้เป็นหุ้นส่วน
การที่ผู้เป็นหุ้นส่วนตกลงกันเลิกห้างหุ้นส่วน ไม่เป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนหรือขัดต่อศีลธรรมอย่างไร ผู้เป็นหุ้นส่วนจึงตกลงกันเลิกห้างหุ้นส่วนต่อกันได้
การที่ผู้เป็นหุ้นส่วนตกลงกันเลิกห้างหุ้นส่วน ไม่เป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนหรือขัดต่อศีลธรรมอย่างไร ผู้เป็นหุ้นส่วนจึงตกลงกันเลิกห้างหุ้นส่วนต่อกันได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 258/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความแตกต่างระหว่างเจ้าของร่วมกับหุ้นส่วน และผลกระทบต่อการฟ้องแบ่งทรัพย์สิน
"เจ้าของร่วม" กับ "หุ้นส่วน" ต่างกันในข้อสำคัญที่ว่าการเข้าร่วมกันเพื่อกระทำกิจการด้วยประสงค์จะแบ่งปันกำไรอันจะพึงได้แก่กิจการที่ทำนั้นหรือไม่ ถ้าไม่ประสงค์เช่นนั้นก็ไม่ใช้หุ้นส่วน เป็นแต่เจ้าของร่วมแต่ถ้าประสงค์จะแบ่งปันกำไรเช่นว่านั้น ก็เป็นหุ้นส่วนและเป็นเจ้าของร่วมด้วยในตัว
โจทก์ฟ้องขอแบ่งทรัพย์สินและกิจการของ "แม่น้ำมอเตอร์โบ๊ต" โดยอ้างว่าเป็นเจ้าของร่วมกันกับจำเลย แต่บรรยายฟ้องมาในในรูปว่า โจทก์จำเลยเป็นหุ้นส่วนร่วมกัน จึงเท่ากับเป็นการฟ้องขอแบ่งทรัพย์สินในหุ้นส่วน ซึ่งจะทำได้ก็ต่อเมื่อเลิกหุ้นส่วนเสียก่อนโจทก์ไม่ได้ฟ้องขอให้เลิกหุ้นส่วนศาลจึงต้องพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ฟ้องขอแบ่งทรัพย์สินและกิจการของ "แม่น้ำมอเตอร์โบ๊ต" โดยอ้างว่าเป็นเจ้าของร่วมกันกับจำเลย แต่บรรยายฟ้องมาในในรูปว่า โจทก์จำเลยเป็นหุ้นส่วนร่วมกัน จึงเท่ากับเป็นการฟ้องขอแบ่งทรัพย์สินในหุ้นส่วน ซึ่งจะทำได้ก็ต่อเมื่อเลิกหุ้นส่วนเสียก่อนโจทก์ไม่ได้ฟ้องขอให้เลิกหุ้นส่วนศาลจึงต้องพิพากษายกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 258/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของร่วม vs. หุ้นส่วน: ความแตกต่างและการฟ้องแบ่งทรัพย์สิน
'เจ้าของร่วม' กับ 'หุ้นส่วน'ต่างกันในข้อสำคัญที่ว่าการเข้าร่วมกันเพื่อกระทำกิจการด้วยประสงค์จะแบ่งปันกำไรอันจะพึงได้แก่กิจการที่ทำนั้นหรือไม่ถ้าไม่ประสงค์เช่นนั้นก็ไม่ใช่หุ้นส่วน เป็นแต่เจ้าของร่วมแต่ถ้าประสงค์จะแบ่งปันกำไรเช่นว่านั้น ก็เป็นหุ้นส่วนและเป็นเจ้าของร่วมด้วยในตัว
โจทก์ฟ้องขอแบ่งทรัพย์สินและกิจการของ'แม่น้ำมอเตอร์โบ๊ต'โดยอ้างว่าเป็นเจ้าของร่วมกันกับจำเลย แต่บรรยายฟ้องมาในรูปว่า โจทก์จำเลยเป็นหุ้นส่วนร่วมกัน จึงเท่ากับเป็นการฟ้องขอแบ่งทรัพย์สินในหุ้นส่วนซึ่งจะทำได้ก็ต่อเมื่อเลิกหุ้นส่วนเสียก่อนโจทก์ไม่ได้ฟ้องขอให้เลิกหุ้นส่วนศาลจึงต้องพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ฟ้องขอแบ่งทรัพย์สินและกิจการของ'แม่น้ำมอเตอร์โบ๊ต'โดยอ้างว่าเป็นเจ้าของร่วมกันกับจำเลย แต่บรรยายฟ้องมาในรูปว่า โจทก์จำเลยเป็นหุ้นส่วนร่วมกัน จึงเท่ากับเป็นการฟ้องขอแบ่งทรัพย์สินในหุ้นส่วนซึ่งจะทำได้ก็ต่อเมื่อเลิกหุ้นส่วนเสียก่อนโจทก์ไม่ได้ฟ้องขอให้เลิกหุ้นส่วนศาลจึงต้องพิพากษายกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 236/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องซื้อขายหุ้นส่วน: การที่โจทก์ไม่ได้พิสูจน์ความเป็นหุ้นส่วนหรือเจ้าของตึก ทำให้ไม่มีอำนาจฟ้อง
โจทก์ฟ้องอ้างว่า โจทก์กับจีนพวกแซ่ลิ้มเข้าหุ้นส่วนกันซื้อตึกไว้ แต่การนำสืบไม่ได้ความว่าโจทก์เป็นหุ้นส่วน หรือหากจะเป็นหุ้นส่วนจริงก็ไม่ได้ความว่า โจทก์ยังคงเป็นเจ้าของตึกรายนี้ แม้เพียงเป็นผู้ครอบครองตึก ก็ไม่ได้ความ ดังนี้โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจะแสดงว่าตึกนี้เป็นของจีนพวกแซ่ลิ้ม หรือจะให้ห้ามจำเลยไม่ให้เกี่ยวข้องกับตึกรายนี้ หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 236/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องซื้อตึกร่วม - หุ้นส่วน - การครอบครอง
โจทก์ฟ้องอ้างว่า โจทก์กับจีนพวกแซ่ลิ้มเข้าหุ้นส่วนกันซื้อตึกไว้แต่การนำสืบไม่ได้ความว่าโจทก์เป็นหุ้นส่วน หรือหากจะเป็นหุ้นส่วนจริงก็ไม่ได้ความว่าโจทก์ยังคงเป็นเจ้าของตึกรายนี้ แม้เพียงเป็นผู้ครอบครองตึกก็ไม่ได้ความดังนี้โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจะแสดงว่าตึกนี้เป็นของจีนพวกแซ่ลิ้มหรือจะให้ห้ามจำเลยไม่ให้เกี่ยวข้องกับตึกรายนี้หาได้ไม่