คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
อาวุธปืน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,022 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1707/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาคดีอาวุธปืน: การลงโทษฐานครอบครองอาวุธปืนต่างกระบอกจากที่ใช้ในการกระทำผิด
อาวุธปืนที่ยึดได้จากจำเลยที่ 3 เป็นอาวุธปืนคนละกระบอกกับที่จำเลยที่ 3 ใช้ในการกระทำผิดในวันเกิดเหตุ ซึ่งตามฟ้องโจทก์มิได้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 3 ฐานมีอาวุธปืนกระบอกที่ยึดได้นี้แต่อย่างใด จึงลงโทษจำเลยที่ 3 ฐานมีอาวุธปืนดังกล่าวไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1707/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษฐานมีอาวุธปืนต้องพิจารณาอาวุธที่ใช้ในการกระทำผิด ไม่ใช่อาวุธที่ยึดได้ภายหลัง
อาวุธปืนที่ยึดได้จากจำเลยที่ 3 เป็นอาวุธปืนคนละกระบอก กับที่จำเลยที่ 3 ใช้ในการกระทำผิดในวันเกิดเหตุ ซึ่งตามฟ้องโจทก์มิได้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 3 ฐานมีอาวุธปืนกระบอกที่ยึดได้นี้แต่อย่างใดจึงลงโทษจำเลยที่ 3 ฐานมีอาวุธปืนดังกล่าวไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาตไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1619/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาโทษคดีอาวุธปืน: เหตุบรรเทาโทษ, พฤติการณ์, และการให้โอกาสกลับตัว
ขณะที่จำเลยถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมและยึดอาวุธปืนและกระสุนปืนไว้เป็นของกลางนั้น ไม่มีพฤติการณ์ใดส่อแสดงว่าจำเลยพาอาวุธปืนและกระสุนปืนดังกล่าวเพื่อจะใช้ในการกระทำผิด หรือเพื่อจะก่อเหตุร้ายขึ้น ทั้งกระสุนปืนที่บรรจุอยู่กับอาวุธปืนก็มีอยู่เพียงนัดเดียว ความผิดของจำเลยจึงไม่ร้ายแรงนัก เมื่อจำเลยไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อนประกอบกับเคยได้กระทำคุณงานความดีโดยเข้าร่วมกับกลุ่มหนุ่มสาวพัฒนาหมู่บ้านของจำเลยจนได้รับรางวัลดีเด่นของหมู่บ้านจึงมีเหตุอันควรปรานี ที่จะให้รอการลงโทษจำเลยไว้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1410/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชิงทรัพย์โดยมีอาวุธปืนและการเพิ่มโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 ตรี
โจทก์ฎีกาว่า จำเลยชิงทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิดขอให้ลงโทษหนักขึ้น ปรากฏว่าขณะจำเลยกระทำผิดมิได้ใช้ยานพาหนะเจ้าพนักงานจับจำเลยได้ภายหลังความผิดสำเร็จแล้วขณะจำเลยใช้ยานพาหนะ ศาลอุทธรณ์มิได้ลงโทษหนักขึ้นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 ตรี ด้วยเหตุดังกล่าวจึงชอบแล้ว แต่การที่จำเลยกระทำผิดโดยมีอาวุธปืน กรณีจึงต้องลงโทษหนักขึ้นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 ตรี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1410/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ชิงทรัพย์โดยมีอาวุธปืน: การเพิ่มโทษตามมาตรา 340 ตรี
จำเลยขอเงินผู้เสียหาย 1,000 บาท ผู้เสียหายว่าไม่มี จำเลยจึงชี้ไปที่สร้อยคอของผู้เสียหายพร้อมกับเปิดชายเสื้อให้ดูอาวุธปืนสั้นที่เหน็บอยู่ที่เอวจำเลย จากนั้นจำเลยก็กระชากสร้อยคอผู้เสียหายหลุดติดมือไป ผู้เสียหายแย่งคืนได้ จำเลยจึงมีความผิดฐานชิงทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคสอง โดยมีอาวุธปืน กรณีจึงต้องระวางโทษหนักขึ้นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 ตรี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 140/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถือครองอาวุธปืนของผู้อื่นโดยไม่มีเจตนาครอบครองร่วม ไม่ถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน
คืนเกิดเหตุ ป. ยืนอยู่ริมถนนข้างทาง จำเลยถืออาวุธปืนของกลางซึ่งเป็นของ ป. เมื่อเจ้าพนักงานตำรวจส่องไฟสปอทไลท์จำเลยส่งอาวุธปืนคืน ป. และ ป. โยนอาวุธปืนทิ้งไปที่ป่าหญ้าข้างทาง การที่จำเลยถืออาวุธปืนในมือในขณะที่ ป. ยืนอยู่ ณ ที่นั้นถือไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาร่วมกับ ป. กระทำผิด จำเลยไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 7,8 ทวิ และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 37

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1368/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกายกฟ้องคดีพยายามฆ่าและอาวุธปืน เหตุพยานหลักฐานโจทก์มีข้อสงสัย ไม่น่าเชื่อถือ
ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยมิได้กระทำผิดฐานพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยเปิดเผยหรือโดยไม่มีเหตุสมควร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371เป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 และพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 8 ทวิ,72 ทวิ แต่ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ซึ่งเป็นบทหนักให้จำคุก 6 เดือนและศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 ให้ปรับ 100 บาท ซึ่งเป็นการแก้ไขเล็กน้อยและโทษจำคุกไม่เกินห้าปีจึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำผิดฐานพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจพิพากษายกฟ้องไปถึงความผิดฐานพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตที่ยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยจำเลยต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185 ประกอบมาตรา 215 และมาตรา 225 เพราะเป็นข้อเท็จจริงอันเดียวเกี่ยวพันกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1341/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดพยายามฆ่า, ฆ่าผู้อื่น, และมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลฎีกายืนตามคำพิพากษาชั้นต้นและอุทธรณ์
คดีสำหรับจำเลยที่ 2 ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษฐานพยายามฆ่าผู้อื่น พยายามฆ่าเจ้าพนักงาน มีอาวุธปืนและพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกตลอดชีวิต โจทก์ โจทก์ร่วมทั้งสองและจำเลยที่ 2ไม่อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นจึงส่งสำนวนให้ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิจารณาและศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ย่อมถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245 วรรคสอง คดีสำหรับจำเลยที่ 1 ฐานมีอาวุธปืนและพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกกระทงละไม่เกินห้าปี ต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่งที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่าไม่ได้กระทำผิดในข้อหาดังกล่าวนั้นเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1294/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แจ้งความเท็จเกี่ยวกับอาวุธปืนและบทลงโทษที่ถูกต้องตามประมวลกฎหมายอาญา
ในชั้นอุทธรณ์จำเลยอุทธรณ์ว่ามิได้กระทำความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตขึ้นมาด้วยแต่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 มิได้วินิจฉัยปัญหาข้อนี้ แม้ศาลอุทธรณ์ภาค 2ยังมิได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงตามอุทธรณ์ของจำเลย แต่เมื่อโจทก์จำเลยสืบพยานมาจนสิ้นกระแสความแล้ว ศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยข้อเท็จจริงไปได้ โดยไม่ต้องย้อนสำนวนให้ศาลอุทธรณ์ภาค 2วินิจฉัยก่อน จำเลยแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานสอบสวนซึ่งอาจทำให้ผู้เสียหายได้รับความเสียหายเพื่อแกล้งให้ผู้เสียหายต้องรับโทษ เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 172 ประกอบ มาตรา 174 วรรคสอง ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่าผิดมาตรา 172,181(1) แล้วลงโทษตาม มาตรา 181(1) ไม่ถูกต้องเพราะคำว่า "เป็นการกระทำในกรณีแห่งข้อหาว่า ผู้ใดกระทำความผิดที่มีระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีขึ้นไป" ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 181(1) หมายความว่ากรณีแห่งข้อหาว่าผู้ใดกระทำความผิดจะต้องมีอัตราโทษขั้นต่ำจำคุกสามปี แต่คดีนี้จำเลยแจ้งความเท็จว่าผู้เสียหายมีและพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตซึ่งมีระวางโทษจำคุก ตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี โทษขั้นต่ำไม่ถึงสามปี จำเลยจึงไม่ผิดมาตรา 181(1) แม้โจทก์จำเลยไม่ได้อุทธรณ์ฎีกาในปัญหานี้ แต่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาปรับบทการลงโทษจำเลยให้ถูกต้อง โดยไม่กำหนดโทษให้สูงขึ้นอีกได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1274/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ความผิดฐานมีอาวุธปืนฯ โจทก์ต้องพิสูจน์จำเลยไม่มีใบอนุญาต
ความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ เมื่อโจทก์มิได้นำสืบให้ได้ความชัดว่าอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่จำเลยใช้ในการกระทำความผิด จำเลยมิได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ให้มีและใช้ได้ตามกฎหมาย ทั้งคดีไม่ได้อาวุธปืนดังกล่าวมาเป็นของกลางประกอบกับโจทก์มิได้นำสืบถึงรายละเอียดเกี่ยวกับอาวุธปืนที่จำเลยใช้ในการกระทำความผิด จำเลยจึงไม่จำเป็นต้องนำสืบหักล้างดังนั้นแม้จำเลยจะไม่ได้นำสืบปฏิเสธว่าอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวจำเลยได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน ก็ไม่อาจลงโทษจำเลยในความผิดฐานนี้ได้
of 103