พบผลลัพธ์ทั้งหมด 479 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2975/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในเงินค่าใช้สอยล่วงหน้า: การเบิกจ่ายโดยไม่มีเงื่อนไขผูกพัน ไม่ถือเป็นการยักยอก
จำเลยเป็นผู้จัดการฝ่ายส่งออกของโจทก์ได้เบิกเงินค่าใช้สอยล่วงหน้าเป็นค่าเดินทางไปติดต่อธุรกิจต่างประเทศจากโจทก์รวม56ครั้งเงินที่เบิกไปนี้จำเลยมีสิทธิครอบครองใช้จ่ายได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องขออนุมัติจากโจทก์ทั้งโจทก์มิได้กำหนดการจ่ายไว้เป็นที่แน่นอนสุดแล้วแต่จำเลยจะเห็นสมควรใช้จ่ายอย่างใดแล้วนำหลักฐานมาหักหนี้ในทางบัญชีกับโจทก์ในภายหลังกรรมสิทธิ์ในเงินดังกล่าวจึงตกเป็นของจำเลยตั้งแต่ขณะที่ได้รับไปจากโจทก์หาใช่จำเลยครอบครองเงินดังกล่าวไว้แทนโจทก์ไม่ดังนั้นแม้ต่อมาจำเลยออกจากบริษัทโจทก์และส่งหลักฐานการใช้จ่ายเบิกเงินล่วงหน้าได้เพียงบางส่วนเงินที่เหลือไม่มีหลักฐานมาแสดงก็ตามโจทก์ก็ชอบที่จะเรียกร้องทางแพ่งเอาแก่จำเลยกรณีไม่มีมูลความผิดทางอาญาฐานยักยอก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2892/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการฎีกาในคดีทุนทรัพย์น้อยกว่า 50,000 บาท และข้อยกเว้นการใช้เงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยเมื่อผู้เอาประกันเป็นฝ่ายผิด
ข้อตกลงระหว่างโจทก์ที่ 2 กับจำเลยที่ 1 ตามรายงานประจำวันของสถานีตำรวจภูธรอำเภอลาดหลุมแก้วไม่เป็นสัญญาระงับข้อพิพาทที่เกิดขึ้นให้เสร็จสิ้นไปทีเดียว ยังมีเงื่อนไขให้ไปตกลงค่าเสียหายกับจำเลยที่ 3 ผู้รับประกันภัยอีก จึงมิใช่สัญญาประนีประนอมยอมความ
การที่ผู้เอาประกันปฏิบัติผิดเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัยไปตกลงชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ที่ 2 โดยไม่ได้รับความยินยอมจากจำเลยที่ 3 ผู้รับประกันภัยในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยเป็นฝ่ายผิดดังเช่นคดีนี้ ผู้รับประกันจะยกเอาเงื่อนไขดังกล่าวมาใช้บังคับไม่ได้ เพราะถึงอย่างไรผู้รับประกันภัยก็จะต้องจ่ายค่าสินไหมทดแทนอย่างแน่นอนอยู่แล้ว จุดประสงค์ของการกำหนดเงื่อนไขตามข้อตกลงดังกล่าวก็เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ผู้เอาประกันภัยไปตกลงชดใช้ค่าเสียหายหรือค่าสินไหมทดแทนให้แก่บุคคลภายนอกในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยเป็นฝ่ายถูกเท่านั้น
คดีมีทุนทรัพย์ที่โจทก์ที่ 1(ผู้รับช่วงสิทธิ) เรียกร้องไม่เกิน 50,000 บาท และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นจำเลยจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่6) พ.ศ.2518 มาตรา 6ข้อที่จำเลยที่ 2 ที่ 3 ฎีกาว่า ค่าเสียหายของโจทก์ที่ 1จำนวน 23,495 บาท ไม่ใช่ค่าเสียหายที่ถูกต้อง เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยให้
ค่าขาดผลประโยชน์และค่าเสื่อมราคารถของโจทก์ที่ 2 ก็ถือได้ว่าเป็นความเสียหายของโจทก์ที่ 2 ที่เนื่องมาจากอุบัติเหตุอันเกิดจากการใช้รถยนต์ในระหว่างระยะเวลาประกันภัยซึ่งจำเลยที่ 3 ผู้รับประกันภัยต้องรับผิด
การที่ผู้เอาประกันปฏิบัติผิดเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัยไปตกลงชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ที่ 2 โดยไม่ได้รับความยินยอมจากจำเลยที่ 3 ผู้รับประกันภัยในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยเป็นฝ่ายผิดดังเช่นคดีนี้ ผู้รับประกันจะยกเอาเงื่อนไขดังกล่าวมาใช้บังคับไม่ได้ เพราะถึงอย่างไรผู้รับประกันภัยก็จะต้องจ่ายค่าสินไหมทดแทนอย่างแน่นอนอยู่แล้ว จุดประสงค์ของการกำหนดเงื่อนไขตามข้อตกลงดังกล่าวก็เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ผู้เอาประกันภัยไปตกลงชดใช้ค่าเสียหายหรือค่าสินไหมทดแทนให้แก่บุคคลภายนอกในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยเป็นฝ่ายถูกเท่านั้น
คดีมีทุนทรัพย์ที่โจทก์ที่ 1(ผู้รับช่วงสิทธิ) เรียกร้องไม่เกิน 50,000 บาท และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นจำเลยจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่6) พ.ศ.2518 มาตรา 6ข้อที่จำเลยที่ 2 ที่ 3 ฎีกาว่า ค่าเสียหายของโจทก์ที่ 1จำนวน 23,495 บาท ไม่ใช่ค่าเสียหายที่ถูกต้อง เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยให้
ค่าขาดผลประโยชน์และค่าเสื่อมราคารถของโจทก์ที่ 2 ก็ถือได้ว่าเป็นความเสียหายของโจทก์ที่ 2 ที่เนื่องมาจากอุบัติเหตุอันเกิดจากการใช้รถยนต์ในระหว่างระยะเวลาประกันภัยซึ่งจำเลยที่ 3 ผู้รับประกันภัยต้องรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2832/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประกันภัยค้ำจุน: ผู้รับประกันภัยต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอก แม้ผู้เอาประกันภัยไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข
สัญญาประกันภัยค้ำจุนมีเงื่อนไขกำหนดให้ผู้รับประกันภัยร่วมรับผิดกับผู้เอาประกันภัยก็ต่อเมื่อผู้เอาประกันภัยได้นำหลักฐานมาแสดงแก่ผู้รับประกันภัยว่าขณะเกิดเหตุคนขับรถยนต์ได้รับใบอนุญาตขับรถยนต์ถูกต้องตามกฎหมาย แต่เงื่อนไขดังกล่าวตามสัญญามิได้ระบุชัดแจ้งว่า ให้ผู้รับประกันภัยหลุดพ้นจากความรับผิดตามสัญญาดังนั้นหากผู้เอาประกันภัยจะปฏิบัติผิดเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัยอย่างไร หรือไม่ก็เป็นเรื่องที่ผู้รับประกันภัยจะว่ากล่าวเอาแก่ผู้เอาประกันภัยผู้เป็นคู่สัญญา แต่จะยกเหตุแห่งการผิดเงื่อนไขดังกล่าวมาอ้างเพื่อปฏิเสธความรับผิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกและมีสิทธิได้รับประโยชน์ตามสัญญาระหว่างผู้เอาประกันภัยและผู้รับประกันภัยหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2832/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประกันภัยค้ำจุน: ผู้รับประกันภัยต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอก แม้ผู้เอาประกันภัยไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข
สัญญาประกันภัยค้ำจุนมีเงื่อนไขกำหนดให้ผู้รับประกันภัยร่วมรับผิดกับผู้เอาประกันภัยก็ต่อเมื่อผู้เอาประกันภัยได้นำหลักฐานมาแสดงแก่ผู้รับประกันภัยว่าขณะเกิดเหตุคนขับรถยนต์ได้รับใบอนุญาตขับรถยนต์ถูกต้องตามกฎหมาย แต่เงื่อนไขดังกล่าวตามสัญญามิได้ระบุชัดแจ้งว่า ให้ผู้รับประกันภัยหลุดพ้นจากความรับผิดตามสัญญาดังนั้นหากผู้เอาประกันภัยจะปฏิบัติผิดเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัยอย่างไร หรือไม่ก็เป็นเรื่องที่ผู้รับประกันภัยจะว่ากล่าวเอาแก่ผู้เอาประกันภัยผู้เป็นคู่สัญญา แต่จะยกเหตุแห่งการผิดเงื่อนไขดังกล่าวมาอ้างเพื่อปฏิเสธความรับผิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกและมีสิทธิได้รับประโยชน์ตามสัญญาระหว่างผู้เอาประกันภัยและผู้รับประกันภัยหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2832/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประกันภัยค้ำจุน: เงื่อนไขการรับผิดชอบต่อบุคคลภายนอก ผู้รับประกันภัยต้องรับผิดแม้ผู้เอาประกันภัยไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข
สัญญาประกันภัยค้ำจุนมีเงื่อนไขกำหนดให้ผู้รับประกันภัยร่วมรับผิดกับผู้เอาประกันภัยก็ต่อเมื่อผู้เอาประกันภัยได้นำหลักฐานมาแสดงแก่ผู้รับประกันภัยว่าขณะเกิดเหตุคนขับรถยนต์ได้รับใบอนุญาตขับรถยนต์ถูกต้องตามกฎหมายแต่เงื่อนไขดังกล่าวตามสัญญามิได้ระบุชัดแจ้งว่าให้ผู้รับประกันภัยหลุดพ้นจากความรับผิดตามสัญญาดังนั้นหากผู้เอาประกันภัยจะปฏิบัติผิดเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัยอย่างไรหรือไม่ก็เป็นเรื่องที่ผู้รับประกันภัยจะว่ากล่าวเอาแก่ผู้เอาประกันภัยผู้เป็นคู่สัญญาแต่จะยกเหตุแห่งการผิดเงื่อนไขดังกล่าวมาอ้างเพื่อปฏิเสธความรับผิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกและมีสิทธิได้รับประโยชน์ตามสัญญาระหว่างผู้เอาประกันภัยและผู้รับประกันภัยหาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2572/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้รถบรรทุกที่เอาประกันภัยเพื่อกิจการค้าขายของผู้เอาประกันภัย แม้เป็นการบรรทุกสินค้าขากลับเพื่อไม่ให้เสียเที่ยว ก็ไม่ถือเป็นการใช้รถผิดเงื่อนไข
แม้กรมธรรม์ประกันภัยจะจำกัดความรับผิดในกรณีนำรถบรรทุกที่เอาประกันภัยไปรับจ้างบรรทุกก็ตามแต่การที่ผู้เอาประกันภัยนำรถดังกล่าวบรรทุกสินค้าของตนไปส่งลูกค้าแล้วขากลับได้รับจ้างบรรทุกสินค้าอื่นกลับเพื่อไม่ให้เสียเที่ยวและเกิดเหตุขึ้นยังไม่พอถือว่าผู้เอาประกันภัยนำรถไปใช้ผิดเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัยเพราะยังเป็นการใช้รถในกิจการค้าขายของผู้เอาประกันภัยซึ่งมีอาชีพค้าขายและมีรถยนต์ไว้บรรทุกสินค้า.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2124/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความมีเงื่อนไข ไม่ถือเป็นการยอมความในคดีอาญา
คู่ความทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันในคดีแพ่งเกี่ยวกับเช็คที่ฟ้องจำเลยในคดีอาญาว่า จำเลยยอมผ่อนชำระเงินตามเช็คพิพาทให้แก่โจทก์เดือนละ 5,000 บาท หากจำเลยชำระเงินดังกล่าวให้แก่โจทก์ครบถ้วนแล้ว โจทก์ก็จะถอนฟ้องคดีอาญา แต่จำเลยไม่ชำระเงินให้แก่โจทก์ ดังนี้ ในสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวไม่มีข้อความใดที่แสดงว่าโจทก์ตกลงสละสิทธิในการดำเนินคดีอาญากับจำเลยในทันที แต่กลับมีเงื่อนไขที่จำเลยจะต้องผ่อนชำระเงินตามเช็คพิพาทให้แก่โจทก์จนครบถ้วนเสียก่อน เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขดังกล่าว โจทก์จึงไม่มีความผูกพันที่จะต้องถอนฟ้องคดีอาญาตามที่ตกลง กรณีหามีผลเป็นการยอมความในคดีอาญาแต่อย่างใดไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2124/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความที่มีเงื่อนไข ไม่ถือเป็นการยอมความในคดีอาญา
โจทก์จำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันในคดีแพ่งว่าหากจำเลยชำระเงินตามเช็คพิพาทให้แก่โจทก์ครบถ้วนแล้วโจทก์ก็จะถอนฟ้องคดีอาญาที่โจทก์ฟ้องจำเลยเกี่ยวกับเช็คพิพาทนั้นสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวไม่มีข้อความใดที่แสดงว่าโจทก์ตกลงสละสิทธิดำเนินคดีอาญากับจำเลยในทันทีแต่กลับมีเงื่อนไขที่จำเลยจะต้องปฏิบัติต่อโจทก์เสียก่อนโจทก์จึงจะถอนฟ้องคดีอาญาเมื่อจำเลยมิได้ชำระเงินให้แก่โจทก์ตามสัญญาสิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ยังไม่ระงับไป.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2124/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความคดีแพ่ง ไม่ตัดสิทธิฟ้องคดีอาญา หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข
คู่ความทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันในคดีแพ่งเกี่ยวกับเช็คที่ฟ้องจำเลยในคดีอาญาว่าจำเลยยอมผ่อนชำระเงินตามเช็คพิพาทให้แก่โจทก์เดือนละ5,000บาทหากจำเลยชำระเงินดังกล่าวให้แก่โจทก์ครบถ้วนแล้วโจทก์ก็จะถอนฟ้องคดีอาญาแต่จำเลยไม่ชำระเงินให้แก่โจทก์ดังนี้ในสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวไม่มีข้อความใดที่แสดงว่าโจทก์ตกลงสละสิทธิในการดำเนินคดีอาญากับจำเลยในทันทีแต่กลับมีเงื่อนไขที่จำเลยจะต้องผ่อนชำระเงินตามเช็คพิพาทให้แก่โจทก์จนครบถ้วนเสียก่อนเมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขดังกล่าวโจทก์จึงไม่มีความผูกพันที่จะต้องถอนฟ้องคดีอาญาตามที่ตกลงกรณีหามีผลเป็นการยอมความในคดีอาญาแต่อย่างใดไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1950/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจดทะเบียนสมรสข้ามสัญชาติ: หน้าที่การพิสูจน์ความสามารถและเงื่อนไขการสมรส
การที่ผู้ร้องทั้งสองซึ่งเป็นบุคคลสัญชาติญวนร้องขอต่อศาลให้สั่งนายอำเภอในฐานะนายทะเบียนครอบครัวจดทะเบียนสมรสให้แก่ผู้ร้องทั้งสองนั้นแม้ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการขัดกันแห่งกฎหมาย พุทธศักราช 2481 มาตรา 10 และมาตรา 19 จะบัญญัติว่าความสามารถของบุคคลและเงื่อนไขแห่งการสมรสให้เป็นไปตามกฎหมายสัญชาติของบุคคลนั้น ๆ ก็ตาม แต่ตามมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวผู้ร้องก็หาได้มีหน้าที่พิสูจน์ถึงความสามารถและเงื่อนไขดังกล่าวแต่เพียงฝ่ายเดียวไม่และเมื่อไม่มีฝ่ายใดนำสืบว่าตามกฎหมายสัญชาติของผู้ร้องในเรื่องนี้มีอยู่อย่างไร จึงต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เมื่อปรากฏว่าผู้ร้องทั้งสองมีเงื่อนไขที่จะทำการสมรสได้ครบถ้วนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์แล้ว นายอำเภอก็ไม่ชอบที่จะปฏิเสธไม่ยอมจดทะเบียนสมรสให้ผู้ร้องทั้งสอง.