พบผลลัพธ์ทั้งหมด 638 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3256/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลื่อนคดีเนื่องจากทนายจำเลยป่วย และการพิจารณาเหตุผลที่ศาลชั้นต้นใช้ดุลพินิจผิดพลาดในการอนุญาต/ไม่อนุญาตเลื่อนคดี
วันนัดสืบพยานจำเลยนัดแรก จำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอ้างเหตุพยานไม่มาศาล พร้อมกับแถลงว่าในนัดหน้าจะสืบพยานเท่าที่มาให้เสร็จในนัดเดียว ไม่ติดใจสืบพยานที่ไม่มาและจะไม่ขอเลื่อนคดีอีก ศาลอนุญาตให้เลื่อนคดีไป ครั้นถึงวันนัดทนายจำเลยไม่มาศาล แต่ได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอ้างเหตุทนายจำเลยป่วยมีใบรับรองแพทย์มาแสดง โดยไม่ได้อ้างว่าพยานจำเลยป่วย โจทก์คัดค้านเพียงว่าในนัดที่แล้วจำเลยแถลงว่าไม่ติดใจสืบพยานหากไม่มีพยานมาศาล ไม่ได้คัดค้านโดยตรงว่าทนายจำเลยไม่ป่วย หรือคำร้องของทนายจำเลยไม่เป็นความจริงจึงน่าเชื่อว่าทนายจำเลยป่วยจริง นับได้ว่ากรณีมีความจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงเสียได้ มีเหตุสมควรอนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดี.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3256/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลื่อนคดีเนื่องจากทนายจำเลยป่วย: ศาลต้องพิจารณาจากเหตุผลที่จำเลยขอเลื่อนจริง และโจทก์ไม่ได้โต้แย้ง
วันนัดสืบพยานจำเลยนัดแรก จำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอ้างเหตุพยานไม่มาศาล พร้อมกับแถลงว่าในนัดหน้าจะสืบพยานเท่าที่มาให้เสร็จในนัดเดียว ไม่ติดใจสืบพยานที่ไม่มาและจะไม่ขอเลื่อนคดีอีก ศาลอนุญาตให้เลื่อนคดีไป ครั้นถึงวันนัดทนายจำเลยไม่มาศาล แต่ได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอ้างเหตุทนายจำเลยป่วยมีใบรับรองแพทย์มาแสดง โดยไม่ได้อ้างว่าพยานจำเลยป่วย โจทก์คัดค้านเพียงว่าในนัดที่แล้วจำเลยแถลงว่าไม่ติดใจสืบพยานหากไม่มีพยานมาศาล ไม่ได้คัดค้านโดยตรงว่าทนายจำเลยไม่ป่วย หรือคำร้องของทนายจำเลยไม่เป็นความจริงจึงน่าเชื่อว่าทนายจำเลยป่วยจริง นับได้ว่ากรณีมีความจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงเสียได้ มีเหตุสมควรอนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดี.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3181/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างลูกจ้างทดลองงาน: ศาลต้องวินิจฉัยเหตุผลความจำเป็นและความเพียงพอในการเลิกจ้าง
ลูกจ้างที่ทดลองปฏิบัติงานเป็นลูกจ้างประจำ แต่หาใช่ลูกจ้างประจำสมบูรณ์อันจะพึงมีสิทธิตามกฎหมายเยี่ยงลูกจ้างประจำโดยทั่วไปไม่ เพราะนายจ้างมีสิทธิเลิกจ้างเสียได้ในระหว่างทดลองปฏิบัติงานโดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า
ศาลแรงงานกลางมิได้วินิจฉัยว่าเหตุผลที่การทดลองปฏิบัติหน้าที่ของโจทก์ไม่เป็นที่พอใจเกิดแต่เหตุอันใด พฤติการณ์เป็นอย่างใด มีความจำเป็นแท้จริง และเพียงพอแก่การเลิกจ้างหรือไม่ การที่ศาลแรงงานกลางพิพากษาว่าจำเลยมีสิทธิเลิกจ้างโจทก์ จึงเป็นการมิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยการพิจารณา ว่าด้วยคำพิพากษาและคำสั่ง มีเหตุอันสมควรที่จะให้ศาลแรงงานกลางพิจารณาในประเด็นนี้ใหม่.
ศาลแรงงานกลางมิได้วินิจฉัยว่าเหตุผลที่การทดลองปฏิบัติหน้าที่ของโจทก์ไม่เป็นที่พอใจเกิดแต่เหตุอันใด พฤติการณ์เป็นอย่างใด มีความจำเป็นแท้จริง และเพียงพอแก่การเลิกจ้างหรือไม่ การที่ศาลแรงงานกลางพิพากษาว่าจำเลยมีสิทธิเลิกจ้างโจทก์ จึงเป็นการมิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยการพิจารณา ว่าด้วยคำพิพากษาและคำสั่ง มีเหตุอันสมควรที่จะให้ศาลแรงงานกลางพิจารณาในประเด็นนี้ใหม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 295/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลดโทษจากคำรับสารภาพชั้นจับกุมที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา และการพิจารณาโทษฐานฆ่าผู้อื่นโดยคำนึงถึงเหตุผลและความน่าเห็นใจ
ศาลอุทธรณ์เพียงแต่พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ลดโทษแก่จำเลยในแต่ละกระทงความผิด และให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินกระทงละห้าปี เป็นการแก้ไขเล็กน้อย โจทก์ฎีกาขออย่าให้ลดโทษให้แก่จำเลย เป็นฎีกาดุลพินิจของศาลซึ่งเป็นปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
จำเลยรับสารภาพชั้นจับกุมเพราะจำนนต่อหลักฐานแต่ในชั้นสอบสวนและในชั้นพิจารณาให้การปฏิเสธ ดังนี้คำรับในชั้นจับกุมของจำเลยจึงไม่เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาไม่มีเหตุที่จะลดโทษให้แก่จำเลย.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
จำเลยรับสารภาพชั้นจับกุมเพราะจำนนต่อหลักฐานแต่ในชั้นสอบสวนและในชั้นพิจารณาให้การปฏิเสธ ดังนี้คำรับในชั้นจับกุมของจำเลยจึงไม่เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาไม่มีเหตุที่จะลดโทษให้แก่จำเลย.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2900/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายระยะเวลาอุทธรณ์: เหตุผลความจำเป็นและผลกระทบต่อรูปคดี
ข้ออ้างของทนายจำเลยในการขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ที่ว่า จำเลยไม่นำหนังสือรับรองที่ใช้ประกอบคำอุทธรณ์มาให้ทนายจำเลยกับอ้างประโยชน์แห่งความยุติธรรม และมิได้ทำให้โจทก์เสียเปรียบในรูปคดีนั้น มิใช่พฤติการณ์พิเศษที่ศาลจะสั่งขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ประกอบกับ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 194/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างลูกจ้างต้องพิจารณาเหตุผลความจำเป็น หากลูกจ้างมีเหตุผลอันสมควร แม้ขาดงาน ก็ไม่ถือเป็นการละทิ้งหน้าที่
โจทก์ไม่ได้ไปทำงานตามปกติเป็นเวลา 3 วันติดต่อกันเนื่องจากถูกวันแรกบุตรของโจทก์ป่วยมากจำเป็นที่โจทก์ต้องคอยดูแลส่วนอีกสองวันต่อมานั้นปรากฏว่าฝนตกมาก น้ำท่วมถนนสายที่โจทก์จะต้องเดินทางไปทำงานและโทรศัพท์เสียหายมาก โจทก์อยู่ไกลจากสถานที่ทำงาน ไม่สามารถเดินทางไปทำงานและแจ้งให้จำเลยทราบทางโทรศัพท์ได้ จึงเป็นเรื่องที่โจทก์ไม่ได้ไปทำงานตามปกติเนื่องจากมีเหตุจำเป็น ถือได้ว่าเป็นกรณีมีเหตุอันสมควรมิใช่การละทิ้งหน้าที่เป็นเวลาสามวันทำงานติดต่อกันโดยไม่มีเหตุผลอันสมควรตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลย เมื่อจำเลยเลิกจ้างโจทก์จึงต้องจ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์.
เมื่อโจทก์มาทำงานแล้วได้ทราบว่า ผู้จัดการฝ่ายบุคคลมีคำสั่งให้โจทก์ไปพบ แต่โจทก์ไม่ยอมไปพบนั้น แม้จะเป็นการขัดคำสั่งของนายจ้างก็ตาม แต่ก็ยังถือไม่ได้ว่าเป็นกรณีที่ร้ายแรง เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยได้เคยตักเตือนโจทก์เป็นหนังสือแล้ว จำเลยจะเลิกจ้างโจทก์โดยไม่จ่ายค่าชดเชยหาได้ไม่.
เมื่อโจทก์มาทำงานแล้วได้ทราบว่า ผู้จัดการฝ่ายบุคคลมีคำสั่งให้โจทก์ไปพบ แต่โจทก์ไม่ยอมไปพบนั้น แม้จะเป็นการขัดคำสั่งของนายจ้างก็ตาม แต่ก็ยังถือไม่ได้ว่าเป็นกรณีที่ร้ายแรง เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยได้เคยตักเตือนโจทก์เป็นหนังสือแล้ว จำเลยจะเลิกจ้างโจทก์โดยไม่จ่ายค่าชดเชยหาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1681/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ต้องมีเหตุผลชัดเจน หากเป็นเพียงการกล่าวอ้างลอยๆ ไม่มีหลักฐานสนับสนุน ศาลไม่รับฟัง
ปัญหาที่ว่าคำร้องขอของจำเลยเป็นคำขอให้พิจารณาใหม่ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 208 หรือไม่ เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน คำร้องขอของจำเลยกล่าวเพียงว่าจำเลยมีพยานหลักฐานที่จะต่อสู้คดี มีทางชนะคดีของโจทก์ได้ เป็นเพียงการชี้แจงข้อเท็จจริงให้ศาลทราบ มิใช่ข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลชั้นต้น จึงไม่ต้องด้วยบทบัญญัติแห่ง ป.วิ.พ. มาตรา 208 วรรคท้าย ที่จะให้มีการพิจารณาคดีใหม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1681/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ต้องมีเหตุผลชัดเจนและมีเหตุอันสมควร มิใช่เพียงการอ้างว่าจะชนะคดี
ปัญหาที่ว่าคำร้องขอของจำเลยเป็นคำขอให้พิจารณาใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 หรือไม่ เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน
คำร้องขอของจำเลยกล่าวเพียงว่าจำเลยมีพยานหลักฐานที่จะต่อสู้คดี มีทางชนะคดีของโจทก์ได้ เป็นเพียงการชี้แจงข้อเท็จจริงให้ศาลทราบ มิใช่ข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลชั้นต้น จึงไม่ต้องด้วยบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคท้าย ที่จะให้มีการพิจารณาคดีใหม่.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำร้องขอของจำเลยกล่าวเพียงว่าจำเลยมีพยานหลักฐานที่จะต่อสู้คดี มีทางชนะคดีของโจทก์ได้ เป็นเพียงการชี้แจงข้อเท็จจริงให้ศาลทราบ มิใช่ข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลชั้นต้น จึงไม่ต้องด้วยบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคท้าย ที่จะให้มีการพิจารณาคดีใหม่.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1611/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุเกษียณพนักงานรัฐวิสาหกิจไม่ได้ผูกมัดการจ้างตลอดไป นายจ้างเลิกจ้างได้หากมีเหตุ
พระราชบัญญัติ คุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ พุทธศักราช 2518 ไม่ได้บังคับให้นายจ้างซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจจะต้องจ้างลูกจ้างซึ่งเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจตลอดไปจนกว่าลูกจ้างจะมีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ ดังนั้น ในระหว่างการจ้างหากมีเหตุการณ์อันใดเกิดขึ้นที่นายจ้างจำเป็นต้องเลิกจ้างคนใดแล้ว นายจ้างย่อมแสดงเจตนาเลิกจ้างก่อนที่ลูกจ้างจะมีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ได้เสมอ.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1321/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประวิงคดีด้วยการขอเลื่อนนัดสืบพยานโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร ศาลมีอำนาจตัดพยานและดำเนินกระบวนการต่อไปได้
จำเลยมีหน้าที่นำสืบก่อน ครั้นถึงวันนัดสืบพยานจำเลย ทนายจำเลยขอเลื่อนคดีอ้างว่าป่วยเป็นไข้หวัด ศาลอนุญาตให้เลื่อนคดีแต่กำชับไว้ว่านัดหน้าให้จำเลยนำพยานมาสืบ เมื่อถึงวันนัดสืบพยานครั้งต่อมา ทนายจำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอีกอ้างเหตุว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 ติดกิจธุระสำคัญที่ต่างจังหวัด ไม่สามารถกลับมาทันเวลาศาลนัดได้โดยทนายจำเลยไม่สามารถแถลงให้ศาลทราบได้ว่าไปกิจธุระอะไรที่จังหวัดใด จำเลยยื่นบัญชีพยานระบุตัวจำเลยที่ 2 ที่ 3 กับพยานอื่นอีกหนึ่งปากเท่านั้น ทั้งศาลได้กำหนดวันนัดสืบพยานจำเลยไว้ล่วงหน้านานพอสมควรหากติดธุระจริง พยานจำเลยคนใดคนหนึ่งจะต้องมาศาลได้ ดังนี้ถือไม่ได้ว่าจำเลยมีเหตุจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงเสียได้ พฤติการณ์ของจำเลยทั้งสามเป็นการประวิงคดี.