พบผลลัพธ์ทั้งหมด 546 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1884/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีแจ้งความเท็จ กรณีจำเลยแจ้งราคาซื้อขายต่ำกว่าความเป็นจริง โจทก์ผู้มอบอำนาจย่อมไม่มีอำนาจฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทำสัญญาขายที่ดินพร้อมด้วยตึกแถวให้จำเลยที่ 1 ห้องละ 80,000 บาท จำเลยที่ 1 มาขอให้โจทก์ทำหนังสือมอบอำนาจให้จำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนโอนขายให้จำเลยที่ 2 แล้ว จำเลยที่ 1 นำหนังสือมอบอำนาจนั้นไปแสดงแก่เจ้าพนักงานที่ดิน โดยจำเลยทั้งสองแจ้งความเท็จว่าโจทก์โอนขายให้ในราคา 40,000 บาทความจริงจำเลยที่ 1ขายให้จำเลยที่ 2 ในราคากว่า 80,000 บาท ทั้งนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมและค่าอากร อาจทำให้โจทก์เสียหายคืออาจถูกฟ้องฐานแจ้งความเท็จ อาจถูกเรียกค่าธรรมเนียมและค่าอากรแสตมป์ที่ขาดและถูกปรับหลายเท่า และอาจถูกฟ้องฐานหลีกเลี่ยงภาษีอากรด้วย ดังนี้ เห็นได้ว่าโจทก์มอบอำนาจให้จำเลยที่ 1 เป็นผู้โอนขายแทนเท่านั้น โจทก์ไม่ได้เป็นผู้แจ้งหรือร่วมรู้เห็นในการแจ้งว่าซื้อขายกันเป็นเงินเท่าใด ไม่ต้องรับผิดฐานแจ้งความเท็จนั้นการแจ้งราคาซื้อขายน้อยกว่าความจริง เป็นเหตุให้รัฐบาลขาดรายได้รัฐบาลก็เป็นผู้เสียหาย ไม่ใช่โจทก์ข้อที่ว่าโจทก์อาจถูกเรียกค่าธรรมเนียมและค่าอากรแสตมป์ที่ขาดและจะถูกปรับ ก็ปรากฏตามสัญญาซื้อขายระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้มีหน้าที่ชำระเมื่อตามข้อเท็จจริงเป็นการแจ้งของจำเลยที่ 1 และที่ 2โดยเฉพาะตัวแล้ว
โจทก์ก็ไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานร่วมกันแจ้งความเท็จ ศาลย่อมมีอำนาจยกฟ้องได้โดยไม่ต้องไต่สวนมูลฟ้อง
โจทก์ก็ไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานร่วมกันแจ้งความเท็จ ศาลย่อมมีอำนาจยกฟ้องได้โดยไม่ต้องไต่สวนมูลฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1511/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องแจ้งความเท็จ: ผู้เสียหายต้องเป็นผู้ได้รับความเสียหายโดยตรงจากเหตุแจ้งความ
จำเลยเช่ารถยนต์จากโจทก์เพื่อใช้เป็นรถยนต์แท็กซี่ขับรับจ้างแล้วเบียดบังยักยอกเอารถยนต์คันนั้นไปโดยเจตนาทุจริต แล้วนำความเท็จไปแจ้งต่อพนักงานสอบสวนว่ารถยนต์คันนั้นถูกคนร้ายชิงไป ดังนี้ โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรงในความผิดฐานแจ้งความเท็จ จึงเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยในความผิดฐานแจ้งความเท็จไม่ได้
ปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับอำนาจฟ้องนี้เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จะไม่มีการอุทธรณ์ในข้อนี้ ศาลอุทธรณ์ก็อาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคท้าย
ปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับอำนาจฟ้องนี้เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จะไม่มีการอุทธรณ์ในข้อนี้ ศาลอุทธรณ์ก็อาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคท้าย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1511/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องแจ้งความเท็จ: โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
จำเลยเช่ารถยนต์จากโจทก์เพื่อใช้เป็นรถยนต์แท็กซี่ขับรับจ้าง แล้วเบียดบังยักยอกเอารถยนต์คันนั้นไปโดยเจตนา ทุจริต แล้วนำ ความเท็จไปแจ้งต่อพนักงานสอบสวนว่ารถยนต์คันนั้นถูกคนร้ายชิงไป ดังนี้ โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรงในความผิดฐานแจ้งความเท็จ จึงเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยในความผิดฐานแจ้งความเท็จไม่ได้
ปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับอำนาจฟ้องนี้เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จะไม่มีการอุทธรณ์ในข้อนี้ ศาลอุทธรณ์ก็อาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคท้าย
ปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับอำนาจฟ้องนี้เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จะไม่มีการอุทธรณ์ในข้อนี้ ศาลอุทธรณ์ก็อาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคท้าย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1360/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งความเท็จเรื่องภูมิลำเนาไม่ทำให้เกิดความเสียหายต่อผู้ขอเช่า หากการอนุมัติไม่ได้ขึ้นอยู่กับภูมิลำเนา
โจทก์จำเลยต่างยื่นคำร้องต่ออำเภอเพื่อขอเช่าที่พิพาทตามคำร้องของจำเลยระบุว่าจำเลยตั้งบ้านเรือนอยู่ที่บ้านเลขที่ 229 หมู่ที่ 5 ตำบลบัวชุมอำเภอไชยบาดาล จังหวัดลพบุรีโดยเช่าห้องของนายเฉื่อย คำทองแท้ และ จำเลยได้ครอบครองที่พิพาทมาก่อน พ.ศ. 2499 ซึ่งความจริงจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ที่ตำบลสระกรวด อำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์ นายอำเภออนุมัติให้จำเลยเช่าที่พิพาท แต่การที่นายอำเภอจะพิจารณาให้ผู้ใดเช่าที่ดินโครงการผังเมืองลำนารายณ์ซึ่งรวมถึงที่พิพาทรายนี้ด้วยนั้นนายอำเภอเป็นผู้มีอำนาจให้ผู้หนึ่งผู้ใดเช่าได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงว่าผู้ขอเช่าจะมีภูมิลำเนาอยู่ที่ใด ดังนั้น การที่จำเลยได้รับอนุมัติให้เป็นผู้เช่าและโจทก์ไม่ได้รับอนุมัติให้เช่านั้นจึงไม่ได้เป็นผลมาจากการที่จำเลยระบุในคำร้องว่าจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ที่ใด ความเสียหายของโจทก์มิได้สืบเนื่องมาจากข้อความอันเป็นเท็จนั้น โจทก์จึงมิใช่ผู้เสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 826-827/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อพิพาทหุ้นส่วนเลี้ยงไก่: ศาลตัดสินเรื่องหนี้ซื้อเชื่อและแจ้งความเท็จ ไม่พบละเมิด
โจทก์ฟ้องจำเลยด้วยเรื่องหุ้นส่วนเลี้ยงและขายไก่แบ่งปันกำไรกันขอให้พิพากษาบังคับจำเลยใช้ทุนคืนและจ่ายผลกำไร ทางพิจารณาข้อเท็จจริงฟังได้ไม่ใช่เรื่องเข้าหุ้นส่วน เป็นเรื่องจำเลยซื้อสินค้าเชื่อค้างชำระกันอยู่ พิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ค่าซื้อสินค้าเชื่อให้โจทก์ย่อมเป็นการพิพากษานอกฟ้องนอกประเด็น
เมื่อพฤติการณ์ที่จำเลยไปแจ้งความต่อเจ้าพนักงานให้ดำเนินคดีอาญาแก่โจทก์ จำเลยได้กระทำไปโดยเชื่อว่าตนมีสิทธิและใช้สิทธิของตนโดยชอบด้วยกฎหมาย และยังไม่ได้ความว่าจำเลยจงใจแกล้งให้โจทก์เสียหาย กรณียังไม่เป็นละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420
เมื่อพฤติการณ์ที่จำเลยไปแจ้งความต่อเจ้าพนักงานให้ดำเนินคดีอาญาแก่โจทก์ จำเลยได้กระทำไปโดยเชื่อว่าตนมีสิทธิและใช้สิทธิของตนโดยชอบด้วยกฎหมาย และยังไม่ได้ความว่าจำเลยจงใจแกล้งให้โจทก์เสียหาย กรณียังไม่เป็นละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 826-827/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อพิพาทหุ้นส่วนเลี้ยงไก่ - การแจ้งความเท็จ - ความรับผิดทางละเมิด - สินเชื่อค้า
โจทก์ฟ้องจำเลยด้วยเรื่องหุ้นส่วนเลี้ยงและขายไก่แบ่งปันกำไรกันขอให้พิพากษาบังคับจำเลยใช้ทุนคืนและจ่ายผลกำไร ทางพิจารณาข้อเท็จจริงฟังได้ไม่ใช่เรื่องเข้าหุ้นส่วน เป็นเรื่องจำเลยซื้อสินค้าเชื่อค้างชำระกันอยู่ พิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ค่าซื้อสินค้าเชื่อให้โจทก์ ย่อมเป็นการพิพากษานอกฟ้องนอกประเด็น
เมื่อพฤติการณ์ที่จำเลยไปแจ้งความต่อเจ้าพนักงานให้ดำเนินคดีอาญาแก่โจทก์ จำเลยได้กระทำไปโดยเชื่อว่าตนมีสิทธิและใช้สิทธิของตนโดยชอบด้วยกฎหมาย และยังไม่ได้ความว่าจำเลยจงใจแกล้งให้โจทก์เสียหาย กรณียังไม่เป็นละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420
เมื่อพฤติการณ์ที่จำเลยไปแจ้งความต่อเจ้าพนักงานให้ดำเนินคดีอาญาแก่โจทก์ จำเลยได้กระทำไปโดยเชื่อว่าตนมีสิทธิและใช้สิทธิของตนโดยชอบด้วยกฎหมาย และยังไม่ได้ความว่าจำเลยจงใจแกล้งให้โจทก์เสียหาย กรณียังไม่เป็นละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2056/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แจ้งความเท็จเกี่ยวกับทายาทและพินัยกรรมต่อเจ้าพนักงานที่ดิน ทำให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่น
การที่จำเลยระบุชื่อคนอื่น ๆ ว่าเป็นทายาทต่อเจ้าพนักงานที่ดินแต่ไม่ได้ระบุชื่อโจทก์ว่าเป็นทายาททั้ง ๆ ที่จำเลยทราบว่าโจทก์เป็นทายาทและจำเลยได้รับรองบัญชีเครือญาติ ซึ่งจำเลยได้แจ้งไว้ (โดยที่ไม่มีชื่อโจทก์เป็นทายาท) ทั้งแจ้งว่าเจ้ามรดกไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้ซึ่งความจริงมีพินัยกรรมเป็นเหตุให้เจ้าพนักงานที่ดินประกาศโฆษณาไปตามที่จำเลยแจ้งนั้น แล้วลงชื่อบุคคลที่จำเลยแจ้งเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดินมรดก แม้ที่ดินโฉนดดังกล่าวนั้นตามพินัยกรรมจะมิได้ตกแก่ทายาทอื่น นอกจากผู้ที่จำเลยระบุชื่อก็ตาม แต่ก็ไม่ตรงกับความเป็นจริง ถือได้ว่าอยู่ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนได้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 267
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2056/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานที่ดินเกี่ยวกับทายาทและพินัยกรรม ทำให้เจ้าพนักงานออกโฉนดที่ดินผิดพลาด เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 267
การที่จำเลยระบุชื่อคนอื่น ๆ ว่าเป็นทายาทต่อเจ้าพนักงานที่ดินแต่ไม่ได้ระบุชื่อโจทก์ว่าเป็นทายาททั้ง ๆ ที่จำเลยทราบว่าโจทก์เป็นทายาทและจำเลยได้รับรองบัญชีเครือญาติ ซึ่งจำเลยได้แจ้งไว้ (โดยที่ไม่มีชื่อโจทก์เป็นทายาท) ทั้งแจ้งว่าเจ้ามรดกไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้ซึ่งความจริงมีพินัยกรรมเป็นเหตุให้เจ้าพนักงานที่ดินประกาศโฆษณาไปตามที่จำเลยแจ้งนั้น แล้วลงชื่อบุคคลที่จำเลยแจ้งเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดินมรดก แม้ที่ดินโฉนดดังกล่าวนั้นตามพินัยกรรมจะมิได้ตกแก่ทายาทอื่น นอกจากผู้ที่จำเลยระบุชื่อก็ตาม แต่ก็ไม่ตรงกับความเป็นจริง ถือได้ว่าอยู่ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนได้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 267
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1373/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งความเท็จที่ไม่เกี่ยวข้องกับโจทก์ และการขอรับมรดกโดยอ้างความเป็นภริยาโดยพฤตินัย ไม่ทำให้โจทก์เสียหาย
ความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 นั้น แม้ข้อความที่แจ้งจะเป็นเท็จแต่มิได้เกี่ยวข้องพาดพิงถึงโจทก์ ก็ไม่อาจทำให้โจทก์เสียหาย โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4)
การที่จำเลยซึ่งเป็นภริยาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ยื่นคำร้องขอรับมรดกโดยอ้างว่าเป็นภริยาของผู้ตายนั้น แม้โดยนิตินัยจำเลยจะไม่ใช่แต่โดยพฤตินัยจำเลยเป็นภริยาของผู้ตายยังถือไม่ได้ว่าจำเลยแจ้งข้อความอันเป็นเท็จทำให้โจทก์ผู้เป็นทายาทเสียหาย
การที่จำเลยซึ่งเป็นภริยาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ยื่นคำร้องขอรับมรดกโดยอ้างว่าเป็นภริยาของผู้ตายนั้น แม้โดยนิตินัยจำเลยจะไม่ใช่แต่โดยพฤตินัยจำเลยเป็นภริยาของผู้ตายยังถือไม่ได้ว่าจำเลยแจ้งข้อความอันเป็นเท็จทำให้โจทก์ผู้เป็นทายาทเสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1373/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งความเท็จและการขอรับมรดก หากไม่ทำให้ผู้อื่นเสียหาย ไม่ถือเป็นความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จ
ความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 นั้น แม้ข้อความที่แจ้งจะเป็นเท็จแต่มิได้เกี่ยวข้องพาดพิงถึงโจทก์ ก็ไม่อาจทำให้โจทก์เสียหาย โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4)
การที่จำเลยซึ่งเป็นภริยาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ยื่นคำร้องขอรับมรดกโดยอ้างว่าเป็นภริยาของผู้ตายนั้น แม้โดยนิตินัยจำเลยจะไม่ใช่ แต่โดยพฤตินัยจำเลยเป็นภริยาของผู้ตายยังถือไม่ได้ว่าจำเลยแจ้งข้อความอันเป็นเท็จทำให้โจทก์ผู้เป็นทายาทเสียหาย
การที่จำเลยซึ่งเป็นภริยาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ยื่นคำร้องขอรับมรดกโดยอ้างว่าเป็นภริยาของผู้ตายนั้น แม้โดยนิตินัยจำเลยจะไม่ใช่ แต่โดยพฤตินัยจำเลยเป็นภริยาของผู้ตายยังถือไม่ได้ว่าจำเลยแจ้งข้อความอันเป็นเท็จทำให้โจทก์ผู้เป็นทายาทเสียหาย