พบผลลัพธ์ทั้งหมด 507 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1102/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรอการลงโทษในคดีความผิดหลายกระทง ศาลมีอำนาจพิจารณาโทษจำคุกในแต่ละกระทงเพื่อพิจารณาการรอการลงโทษได้
จำเลยถูกลงโทษจำคุกในความผิดหลายกระทงในคดีเดียวกันการรอการลงโทษต้องพิจารณาถึงโทษจำคุกในความผิดแต่ละกระทงศาลพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 3 กระทง โทษจำคุกแต่ละกระทงไม่เกิน 2 ปี ศาลรอการลงโทษได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 789/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษหลายกระทงและความสามารถในการรอการลงโทษเมื่อแต่ละกระทงมีโทษไม่เกิน 2 ปี
โจทก์ฟ้องจำเลยว่ากระทำผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกันกล่าวคือ ฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน ฐานมีลูกระเบิดฐานพกพาอาวุธปืน และฐานยิงปืนในหมู่บ้าน แต่ละกระทงนั้นเป็นความผิดอยู่ในตัว ซึ่งโจทก์สามารถแยกฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยเป็นคดีละกระทงได้ เมื่อโทษจำคุกที่ศาลลงแก่จำเลยแต่ละกระทงไม่เกินกระทงละ 2 ปี จึงเท่ากับว่าศาลพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยเป็นคดีๆ ไปตามกระทงความผิดที่โจทก์รวมฟ้องมาไม่เกินคดีละ 2 ปี ศาลย่อมมีอำนาจใช้ดุลพินิจรอการลงโทษจำคุกแก่จำเลยได้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1594/2523)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 505/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำกัดสิทธิฎีกาในคดีอาญาที่มีโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี แม้มีการแก้โทษไม่รอการลงโทษ
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยฐานมีอาวุธปืน จำคุก 1 ปี และปรับ 2,000 บาท ฐานพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะ จำคุก 6 เดือนและปรับ 500 บาท ฐานยิงปืนในหมู่บ้าน ปรับ 250 บาท ฐานขัดขวางเจ้าพนักงาน จำคุก 2 เดือน และปรับ 500 บาท รวมจำคุก 1 ปี 8 เดือน และปรับ 3,250 บาทและให้รอการลงโทษจำเลยไว้ภายในกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้ลงโทษจำเลยฐานมีอาวุธปืน จำคุก 6 เดือนฐานพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะจำคุก 3 เดือนฐานยิงปืนในหมู่บ้าน ปรับ 250 บาท ฐานขัดขวางเจ้าพนักงานจำคุก 1 เดือน รวมจำคุก 10 เดือน ปรับ 250 บาทโดยไม่รอการลงโทษ เป็นความผิด 4 กระทง แต่ละกระทง ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินหนึ่งปี และปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท แม้ศาลอุทธรณ์จะแก้เป็นไม่รอการลงโทษ จำเลยก็ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2517 มาตรา 6
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2826/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 กรณีศาลอุทธรณ์แก้ไขโทษจำคุกโดยไม่รอการลงโทษ
จำเลยถูกฟ้องว่ากระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้ฯศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยมีกำหนด 1 ปี ปรับ 5,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี แม้ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ลงโทษจำคุกจำเลยไปทันทีโดยไม่รอการลงโทษ แต่ศาลอุทธรณ์ยังคงลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินหนึ่งปีและปรับไม่เกินหมื่นบาท จำเลยต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 219
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2826/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้ามในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 กรณีศาลอุทธรณ์แก้โทษจำคุก
จำเลยถูกฟ้องว่ากระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้ฯศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยมีกำหนด 1 ปี ปรับ5,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปีแม้ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ลงโทษจำคุกจำเลยไปทันทีโดยไม่รอการลงโทษ แต่ศาลอุทธรณ์ยังคงลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินหนึ่งปีและปรับไม่เกินหมื่นบาท จำเลยต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 891/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงโทษจำคุกและผลกระทบต่อการฎีกาในคดีอาวุธปืน
ศาลชั้นต้น พิพากษา ว่า จำเลย มี ความผิด 2 กระทง รวม โทษ แต่ละ กระทง และ ลด แล้ว คง จำคุก 6 เดือน ปรับ 1,500 บาท รอการลงโทษ จำคุก ไว้ 2 ปี ศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้ เป็น จำคุก 6 เดือน โดย ไม่รอการลงโทษ ดังนี้ ต้องห้าม ฎีกา ใน ปัญหาข้อเท็จจริง ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 647/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษจำเลยในความผิดซ้ำเกี่ยวกับยาเสพติด และการจำแนกประเภทของยาเสพติดให้โทษ
คำว่าพระราชบัญญัตินี้ (ตามมาตรา 97) ย่อมมีความหมายว่าหมายถึงพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ ก่อนคดีนี้จำเลยเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดฐานมีและเสพยาเสพติดให้โทษโดยไม่รับอนุญาตและต่อมาจำเลยได้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้อีกในเวลา 5 ปี นับแต่วันพ้นโทษ การเพิ่มโทษจึงต้องเพิ่มอีกกึ่งหนึ่ของโทษที่ศาลกำหนดสำหรับความผิดครั้งหลังตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 ซึ่งแม้จะได้ยกเลิกพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฉบับก่อน ๆ แล้วก็ตาม
เฮโรอีนหรือเกลือของเฮโรอีนตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 4 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2465 เป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ส่วนมาตรา 76 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 นั้นใช้กับยาเสพติดให้โทษในประเภท 5
เฮโรอีนหรือเกลือของเฮโรอีนตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 4 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2465 เป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ส่วนมาตรา 76 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 นั้นใช้กับยาเสพติดให้โทษในประเภท 5
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3076/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษการพนัน: 'พ้นโทษ' หมายถึงการได้รับโทษจริง ไม่ใช่รอการลงโทษ
พระราชบัญญัติกาพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 14 ทวิ บัญญัติว่า "ผู้ใดกระทำความผิดต้องระวางโทษตามพระราชบัญญัตินี้ เมื่อพ้นโทษแล้วยังไม่ครบกำหนด 3 ปี กระทำความผิดต่อพระราชบัญญัตินี้อีก
(1) ถ้าโทษซึ่งกำหนดไว้สำหรับความผิดที่ได้กระทำครั้งหลังเป็นโทษจำคุกและปรับให้วางโทษทวีคูณ
(2) ถ้าโทษซึ่งกำหนดไว้สำหรับความผิดที่กระทำครั้งหลังเป็นโทษจำคุกและปรับให้วางโทษทั้งจำทั้งปรับ"
คำว่าพ้นโทษตามบทบัญญัติของมาตราดังกล่าว คือพ้นโทษที่ได้รับจริงๆ ในคดีก่อนนั่นเอง เมื่อในคดีก่อนจำเลยไม่ได้รับโทษจำคุก จึงไม่วันพ้นโทษจำคุกที่จะถือเอาเป็นเกณฑ์ในการเพิ่มโทษจำเลยได้
เพียงศาลรอการลงโทษจำคุกไว้ก็ไม่ใช่โทษซึ่งครบกำหนดตามที่รอไว้แล้วจะได้เป็นการพ้นโทษไปได้ในตัว กรณีจึงถือไม่ได้ว่าจำเลยพ้นโทษแล้วมากระทำความผิดอีก จึงเพิ่มโทษจำเลยไม่ได้ (วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้ง 7/2522)
(1) ถ้าโทษซึ่งกำหนดไว้สำหรับความผิดที่ได้กระทำครั้งหลังเป็นโทษจำคุกและปรับให้วางโทษทวีคูณ
(2) ถ้าโทษซึ่งกำหนดไว้สำหรับความผิดที่กระทำครั้งหลังเป็นโทษจำคุกและปรับให้วางโทษทั้งจำทั้งปรับ"
คำว่าพ้นโทษตามบทบัญญัติของมาตราดังกล่าว คือพ้นโทษที่ได้รับจริงๆ ในคดีก่อนนั่นเอง เมื่อในคดีก่อนจำเลยไม่ได้รับโทษจำคุก จึงไม่วันพ้นโทษจำคุกที่จะถือเอาเป็นเกณฑ์ในการเพิ่มโทษจำเลยได้
เพียงศาลรอการลงโทษจำคุกไว้ก็ไม่ใช่โทษซึ่งครบกำหนดตามที่รอไว้แล้วจะได้เป็นการพ้นโทษไปได้ในตัว กรณีจึงถือไม่ได้ว่าจำเลยพ้นโทษแล้วมากระทำความผิดอีก จึงเพิ่มโทษจำเลยไม่ได้ (วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้ง 7/2522)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1989/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรอการลงโทษในคดีที่มีกระทงความผิดหลายกระทง ศาลมีดุลพินิจพิจารณาโทษแต่ละกระทงได้
ในกรณีผู้กระทำความผิดถูกลงโทษจำคุกหลายกระทงในคดีเดียวกัน การพิจารณาว่าจะรอการลงโทษได้หรือไม่ ต้องพิจารณาถึงโทษจำคุกในความผิดแต่ละกระทงที่ศาลลงแก่ผู้นั้น คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 3 กระทง โทษจำคุกแต่ละกระทงไม่เกิน กว่า 2 ปี จึงอยู่ในดุลยพินิจของศาลอุทธรณ์ที่จะรอการลงโทษให้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1989/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรอการลงโทษคดีจำคุกหลายกระทง ต้องพิจารณาโทษแต่ละกระทง หากไม่เกิน 2 ปี ศาลมีอำนาจรอการลงโทษได้
ในกรณีผู้กระทำความผิดถูกลงโทษจำคุกหลายกระทงในคดีเดียวกัน การพิจารณาว่าจะรอการลงโทษได้หรือไม่ต้องพิจารณาถึงโทษจำคุกในความผิดแต่ละกระทงที่ศาลลงแก่ผู้นั้นคดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 3 กระทง โทษจำคุกแต่ละกระทงไม่เกินกว่า 2 ปี จึงอยู่ในดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ที่จะรอการลงโทษให้ได้