พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,483 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2007/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งระหว่างพิจารณาที่ไม่ทำให้คดีเสร็จสิ้น ยังคงมีสิทธิอุทธรณ์ตามกฎหมาย
คำสั่งศาลชั้นต้นที่ว่า 'คดีก่อนศาลสั่งจำหน่ายคดีโจทก์มีสิทธิฟ้องจำเลยที่ 1 ได้อีกไม่เป็นฟ้องซ้ำ ให้ดำเนินคดีสืบพยานโจทก์ไป' นั้น หาทำให้คดีเสร็จสำนวนไม่ เพราะศาลยังต้องทำการสืบพยานและพิพากษาชี้ขาดต่อไป เมื่อมีการอุทธรณ์คำสั่งนี้ จึงเป็นอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณา ซึ่งต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 196
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2007/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งระหว่างพิจารณาที่ไม่ทำให้คดีเสร็จสิ้นยังคงมีสิทธิอุทธรณ์ได้ตามกฎหมาย
คำสั่งศาลชั้นต้นที่ว่า "คดีก่อนศาลสั่งจำหน่ายคดีโจทก์มีสิทธิฟ้องจำเลยที่ 1 ได้อีกไม่เป็นฟ้องซ้ำ ให้ดำเนินคดีสืบพยานโจทก์ไป" นั้น หาทำให้คดีเสร็จสำนวนไม่ เพราะศาลยังต้องทำการสืบพยานและพิพากษาชี้ขาดต่อไป เมื่อมีการอุทธรณ์คำสั่งนี้ จึงเป็นอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณา ซึ่งต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 196
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2007/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งศาลระหว่างพิจารณาไม่ทำให้คดีเสร็จสิ้น การอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวจึงเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบ
คำสั่งศาลชั้นต้นที่ว่า 'คดีก่อนศาลสั่งจำหน่ายคดีโจทก์มีสิทธิฟ้องจำเลยที่ 1 ได้อีกไม่เป็นฟ้องซ้ำ. ให้ดำเนินคดีสืบพยานโจทก์ไป' นั้น หาทำให้คดีเสร็จสำนวนไม่. เพราะศาลยังต้องทำการสืบพยานและพิพากษาชี้ขาดต่อไป. เมื่อมีการอุทธรณ์คำสั่งนี้. จึงเป็นอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณา. ซึ่งต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 196.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1749/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่ส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยร่วมที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการให้การเป็นปรปักษ์ ถือเป็นเหตุให้ต้องยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
ในคดีที่มีคู่ความสามฝ่าย จำเลยร่วมให้การเป็นปรปักษ์กับจำเลย จำเลยได้ยกประเด็นที่ว่านี้อุทธรณ์ศาลชั้นต้นมิได้ส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยร่วม ศาลฎีกาจึงต้องยกคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์เสีย ให้ศาลชั้นต้นส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยร่วมเสียก่อน แล้วให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาและพิพากษาใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1749/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่ส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยร่วมที่มีส่วนได้เสียในประเด็นที่อุทธรณ์ ทำให้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ต้องถูกยก
ในคดีที่มีคู่ความสามฝ่าย จำเลยร่วมให้การเป็นปรปักษ์กับจำเลย จำเลยได้ยกประเด็นที่ว่านี้อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมิได้ส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยร่วม ศาลฎีกาจึงต้องยกคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์เสีย ให้ศาลชั้นต้นส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยร่วมเสียก่อน แล้วให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาและพิพากษาใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1749/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่ส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยร่วมที่มีส่วนได้เสียในประเด็นที่อุทธรณ์ ทำให้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นโมฆะ
ในคดีที่มีคู่ความสามฝ่าย จำเลยร่วมให้การเป็นปรปักษ์กับจำเลย. จำเลยได้ยกประเด็นที่ว่านี้อุทธรณ์.ศาลชั้นต้นมิได้ส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยร่วม. ศาลฎีกาจึงต้องยกคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์เสีย. ให้ศาลชั้นต้นส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยร่วมเสียก่อน. แล้วให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาและพิพากษาใหม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 169/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งระหว่างพิจารณาและการสิทธิในการโต้แย้ง/อุทธรณ์ รวมถึงสิทธิในการเบิกความของจำเลย
คำสั่งระหว่างพิจารณา คู่ความจะต้องโต้แย้งคำสั่งนั้นไว้เสียก่อน จึงจะอุทธรณ์คำสั่งนั้นได้ในภายหลังแต่ศาลต้องให้คู่ความมีโอกาสและมีเวลาพอสมควรที่จะโต้แย้งคำสั่งนั้นได้
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่ให้จำเลยอ้างตนเองเป็นพยานและนัดตัดสินในวันรุ่งขึ้น ดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยไม่มีเวลาที่จะโต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นได้แม้จำเลยไม่ได้โต้แย้งคำสั่งของศาลชั้นต้น ก็มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งนั้นได้
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ในวันสืบพยานโจทก์จำเลยไม่ได้มาศาล คงมาแต่ทนายจำเลย เมื่อสืบพยานโจทก์แล้วทนายจำเลยย่อมมีสิทธิขอเลื่อนคดีเพื่อให้โอกาสจำเลยสาบานตนให้การเป็นพยานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 199 วรรคสอง ได้ แม้จำเลยจะไม่ได้ยื่นคำร้องขอยื่นคำให้การ
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่ให้จำเลยอ้างตนเองเป็นพยานและนัดตัดสินในวันรุ่งขึ้น ดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยไม่มีเวลาที่จะโต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นได้แม้จำเลยไม่ได้โต้แย้งคำสั่งของศาลชั้นต้น ก็มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งนั้นได้
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ในวันสืบพยานโจทก์จำเลยไม่ได้มาศาล คงมาแต่ทนายจำเลย เมื่อสืบพยานโจทก์แล้วทนายจำเลยย่อมมีสิทธิขอเลื่อนคดีเพื่อให้โอกาสจำเลยสาบานตนให้การเป็นพยานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 199 วรรคสอง ได้ แม้จำเลยจะไม่ได้ยื่นคำร้องขอยื่นคำให้การ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1504/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อุทธรณ์ที่ไม่มีประโยชน์ ศาลมีอำนาจจำหน่ายคดีได้ แม้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาแล้ว
อุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมายข้อใดที่ไม่เป็นสารแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย หรือไม่เป็นข้อแพ้ชนะ หรือไม่เป็นประโยชน์แก่คดีของผู้อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ข้อนั้น และถ้าศาลอุทธรณ์เห็นว่า อุทธรณ์ทุกข้อไม่มีประโยชน์ที่จะวินิจฉัยต่อไปแล้ว ก็มีอำนาจที่จะไม่วินิจฉัยอุทธรณ์นั้นทั้งหมดได้
จำเลยฎีกาว่า ศาลชั้นต้นไม่มีอำนาจสั่งบังคับคดีในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นออกหมายจับจำเลยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และเกินคำขอของโจทก์ เมื่อปรากฏว่าจำเลยได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาและคำบังคับของศาลชั้นต้นเสร็จสิ้นไปแล้ว และศาลชั้นต้นได้งดหมายจับนั้นแล้ว ทั้งไม่มีกรณีที่จะต้องบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาหรือคำบังคับของศาลต่อไปอีก ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายของจำเลยจึงไม่มีประโยชน์แก่คดี ศาลฎีกาย่อมพิพากษาให้ยกฎีกานั้นโดยไม่ต้องวินิจฉัย
จำเลยฎีกาว่า ศาลชั้นต้นไม่มีอำนาจสั่งบังคับคดีในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นออกหมายจับจำเลยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และเกินคำขอของโจทก์ เมื่อปรากฏว่าจำเลยได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาและคำบังคับของศาลชั้นต้นเสร็จสิ้นไปแล้ว และศาลชั้นต้นได้งดหมายจับนั้นแล้ว ทั้งไม่มีกรณีที่จะต้องบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาหรือคำบังคับของศาลต่อไปอีก ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายของจำเลยจึงไม่มีประโยชน์แก่คดี ศาลฎีกาย่อมพิพากษาให้ยกฎีกานั้นโดยไม่ต้องวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1504/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อุทธรณ์ที่ไม่มีประโยชน์ ศาลมีอำนาจจำหน่ายคดีได้ และการบังคับคดีสิ้นสุดแล้วไม่ต้องวินิจฉัย
อุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมายข้อใดที่ไม่เป็นสารแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย หรือไม่เป็นข้อแพ้ชนะ หรือไม่เป็นประโยชน์แก่คดีของผู้อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ข้อนั้น และถ้าศาลอุทธรณ์เห็นว่า อุทธรณ์ทุกข้อไม่มีประโยชน์ที่จะวินิจฉัยต่อไปแล้ว ก็มีอำนาจที่จะไม่วินิจฉัยอุทธรณ์นั้นทั้งหมดได้
จำเลยฎีกาว่า ศาลชั้นต้นไม่มีอำนาจสั่งบังคับคดีในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นออกหมายจับจำเลยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และเกินคำขอของโจทก์ เมื่อปรากฏว่าจำเลยได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาและคำบังคับของศาลชั้นต้นเสร็จสิ้นไปแล้ว และศาลชั้นต้นได้งดหมายจับนั้นแล้ว ทั้งไม่มีกรณีที่จะต้องบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาหรือคำบังคับของศาลต่อไปอีก ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายของจำเลยจึงไม่มีประโยชน์แก่คดี ศาลฎีกาย่อมพิพากษาให้ยกฎีกานั้นโดยไม่ต้องวินิจฉัย
จำเลยฎีกาว่า ศาลชั้นต้นไม่มีอำนาจสั่งบังคับคดีในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นออกหมายจับจำเลยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และเกินคำขอของโจทก์ เมื่อปรากฏว่าจำเลยได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาและคำบังคับของศาลชั้นต้นเสร็จสิ้นไปแล้ว และศาลชั้นต้นได้งดหมายจับนั้นแล้ว ทั้งไม่มีกรณีที่จะต้องบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาหรือคำบังคับของศาลต่อไปอีก ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายของจำเลยจึงไม่มีประโยชน์แก่คดี ศาลฎีกาย่อมพิพากษาให้ยกฎีกานั้นโดยไม่ต้องวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1504/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อุทธรณ์ที่ไม่มีประโยชน์ ศาลมีอำนาจจำหน่ายคดีได้ และไม่ต้องวินิจฉัยหากจำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาแล้ว
อุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมายข้อใดที่ไม่เป็นสารแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย. หรือไม่เป็นข้อแพ้ชนะ. หรือไม่เป็นประโยชน์แก่คดีของผู้อุทธรณ์. ศาลอุทธรณ์ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ข้อนั้น. และถ้าศาลอุทธรณ์เห็นว่า อุทธรณ์ทุกข้อไม่มีประโยชน์ที่จะวินิจฉัยต่อไปแล้ว. ก็มีอำนาจที่จะไม่วินิจฉัยอุทธรณ์นั้นทั้งหมดได้.
จำเลยฎีกาว่า. ศาลชั้นต้นไม่มีอำนาจสั่งบังคับคดีในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์. ศาลชั้นต้นออกหมายจับจำเลยไม่ชอบด้วยกฎหมาย. และเกินคำขอของโจทก์. เมื่อปรากฏว่าจำเลยได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาและคำบังคับของศาลชั้นต้นเสร็จสิ้นไปแล้ว. และศาลชั้นต้นได้งดหมายจับนั้นแล้ว. ทั้งไม่มีกรณีที่จะต้องบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาหรือคำบังคับของศาลต่อไปอีก. ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายของจำเลยจึงไม่มีประโยชน์แก่คดี. ศาลฎีกาย่อมพิพากษาให้ยกฎีกานั้น.โดยไม่ต้องวินิจฉัย.
จำเลยฎีกาว่า. ศาลชั้นต้นไม่มีอำนาจสั่งบังคับคดีในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์. ศาลชั้นต้นออกหมายจับจำเลยไม่ชอบด้วยกฎหมาย. และเกินคำขอของโจทก์. เมื่อปรากฏว่าจำเลยได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาและคำบังคับของศาลชั้นต้นเสร็จสิ้นไปแล้ว. และศาลชั้นต้นได้งดหมายจับนั้นแล้ว. ทั้งไม่มีกรณีที่จะต้องบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาหรือคำบังคับของศาลต่อไปอีก. ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายของจำเลยจึงไม่มีประโยชน์แก่คดี. ศาลฎีกาย่อมพิพากษาให้ยกฎีกานั้น.โดยไม่ต้องวินิจฉัย.