พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,483 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 876/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่ชอบเมื่ออ้างคำอุทธรณ์แทนฎีกาชัดเจน และสัญญาประนีประนอมยอมความผูกพันจำเลย
ฎีกาของจำเลยที่กล่าวเพียงว่า "จำเลยขอถือคำอุทธรณ์ของจำเลยเป็นส่วนหนึ่งของฎีกา" ไม่เป็นฎีกาที่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 แม้ต่อมาจำเลยจะได้ยื่นคำแถลงการณ์บรรยายโต้แย้งคำพยานโจทก์ว่าเบิกความแตกต่างกันก็ไม่ทำให้ฎีกาโดยย่อนั้นกลายเป็นฎีกาโดยชัดแจ้งขึ้นมา
บันทึกที่มีใจความว่า "1 โจทก์ยืนยันว่าถ้าจำเลยนำหลักฐานการซื้อขายมาแสดงได้ ก็จะไม่เกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาทต่อไป 2. จำเลยยืนยันว่าได้ซื้อขายมีหลักฐานเป็นหนังสือทำที่บ้านกำนันกาศ จะนำหลักฐานมาแสดง ถ้าไม่สามารถนำมาแสดงได้ยอมคืนที่ดินให้โจทก์โดยไม่เรียกร้องค่าตอบแทนใดๆ ทั้งสิ้น" เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850
บันทึกที่มีใจความว่า "1 โจทก์ยืนยันว่าถ้าจำเลยนำหลักฐานการซื้อขายมาแสดงได้ ก็จะไม่เกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาทต่อไป 2. จำเลยยืนยันว่าได้ซื้อขายมีหลักฐานเป็นหนังสือทำที่บ้านกำนันกาศ จะนำหลักฐานมาแสดง ถ้าไม่สามารถนำมาแสดงได้ยอมคืนที่ดินให้โจทก์โดยไม่เรียกร้องค่าตอบแทนใดๆ ทั้งสิ้น" เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 875/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์คำสั่งไม่รับจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า: สิทธิและกระบวนการทางกฎหมาย
เมื่อนายทะเบียนเครื่องหมายการค้าสั่งไม่รับจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า เพราะเหตุว่าเครื่องหมายนั้นคล้ายกับเครื่องหมายซึ่งผู้อื่นได้จดทะเบียนไว้แล้ว จนนับได้ว่าเป็นการลวงสาธารณชน เป็นการใช้อำนาจตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2474 มาตรา 16 ดังนั้น ถ้าผู้ขอจดทะเบียนไม่พอใจคำสั่งต้องอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการเครื่องหมายการค้าภายใน 90 วัน ตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2474 มาตรา 16 วรรค 2 จะมาฟ้องนายทะเบียนเครื่องหมายการค้าต่อศาลไม่ได้
หมายเหตุ เดินตามแนวคำพิพากษาฎีกาที่ 470/2509 ซึ่งตัดสินโดยมติที่ประชุมใหญ่.
หมายเหตุ เดินตามแนวคำพิพากษาฎีกาที่ 470/2509 ซึ่งตัดสินโดยมติที่ประชุมใหญ่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 866/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีและการส่งสำเนาอุทธรณ์แก่คู่ความที่เกี่ยวข้องกับสินบริคณห์
โจทก์นำยึดทรัพย์สินของจำเลยซึ่งเป็นสินบริคณห์ระหว่างจำเลยกับภริยา ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของภริยาจำเลยอีกคดีหนึ่งร้องขอให้แยกสินบริคณห์ที่ยึดออกเป็นส่วนของภริยาจำเลย ศาลอนุญาต โจทก์จึงขอให้ศาลยึดทรัพย์สินส่วนของภริยานี้อีก อ้างว่าหนี้ระหว่างโจทก์จำเลยเป็นหนี้ร่วม เมื่อศาลสั่งประการใดแล้ว หากโจทก์อุทธรณ์คำสั่งศาล ศาลต้องสั่งให้ส่งสำเนาอุทธรณ์ให้แก่ผู้ร้องซึ่งเป็นจำเลยอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 235 ด้วย หากศาลชั้นต้นมิได้สั่งเช่นนั้น และเมื่อศาลอุทธรณ์วินิจฉัยคดีไป ศาลฎีกาก็สั่งให้ยกคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์และให้ศาลชั้นต้นดำเนินการส่งสำเนาอุทธรณ์ให้แก่ผู้ร้องเสียใหม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 866/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งสำเนาอุทธรณ์ให้คู่ความที่เกี่ยวข้องในคดีบังคับคดี การไม่ปฏิบัติตามมาตรา 235 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
โจทก์นำยึดทรัพย์สินของจำเลยซึ่งเป็นสินบริคณห์ระหว่างจำเลยกับภริยา ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของภริยาจำเลยอีกคดีหนึ่งร้องขอให้แยกสินบริคณห์ที่ยึดออกเป็นส่วนของภริยาจำเลย ศาลอนุญาต โจทก์จึงขอให้ศาลยึดทรัพย์สินส่วนของภริยานี้อีก อ้างว่าหนี้ระหว่างโจทก์จำเลยเป็นหนี้ร่วม เมื่อศาลสั่งประการใดแล้ว หากโจทก์อุทธรณ์คำสั่งศาลศาลต้องสั่งให้ส่งสำเนาอุทธรณ์ให้แก่ผู้ร้องซึ่งเป็นจำเลยอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 235 ด้วย หากศาลชั้นต้นมิได้สั่งเช่นนั้น และเมื่อศาลอุทธรณ์วินิจฉัยคดีไป ศาลฎีกาก็สั่งให้ยกคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ และให้ศาลชั้นต้นดำเนินการส่งสำเนาอุทธรณ์ให้แก่ผู้ร้องเสียใหม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 842/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นอุทธรณ์ต้องเป็นไปตามรูปแบบที่กฎหมายกำหนด การไม่ยื่นเองหรือมอบอำนาจทำให้ศาลไม่รับอุทธรณ์
การที่โจทก์ไม่ได้นำอุทธรณ์มายื่นด้วยตนเองและมิได้มอบอำนาจให้บุคคลอื่นมายื่นแทนนั้น ศาลสั่งรับอุทธรณ์ของโจทก์ไว้ไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 842/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นอุทธรณ์ที่มิได้เป็นไปตามรูปแบบที่กฎหมายกำหนด ศาลมีสิทธิไม่รับอุทธรณ์ได้
การที่โจทก์ไม่ได้นำอุทธรณ์มายื่นด้วยตนเอง และมิได้มอบอำนาจให้บุคคลอื่นมายื่นแทนนั้น ศาลสั่งรับอุทธรณ์ของโจทก์ไว้ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 832/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เหตุผลที่ไม่เชื่อพยานส่งผลถึงจำเลยที่ไม่ยื่นอุทธรณ์หรือไม่: ศาลฎีกาตัดสินว่าไม่
ในกรณีที่ศาลอุทธรณ์ไม่เชื่อคำพยานโจทก์และปล่อยจำเลยอื่นที่อุทธรณ์ แต่จำเลยนี้ถูกฟ้องในข้อหาเดียวกันมิได้อุทธรณ์ จำเลยนี้จะฎีกาว่าควรจะปล่อยจำเลยนี้ผู้ที่มิได้อุทธรณ์นั้นด้วย ย่อมไม่ได้เพราะปัญหาที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไม่เชื่อพยานโจทก์และปล่อยจำเลยอื่นที่ยื่นอุทธรณ์ขึ้นมานั้น เป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริงตามที่พยานเบิกความพาดพิงถึงจำเลยที่อุทธรณ์ขึ้นมาเป็นคน ๆ ไป ทั้งยังมีคำรับสารภาพของจำเลยแต่ละคนอีกด้วย ดังนี้ จึงมิใช่เป็นเหตุในส่วนลักษณะคดี.
หมายเหตุ โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้ง 4 ฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยทั้ง 4 ฐานรับของโจร จำเลยที่ 2, 3, 4 อุทธรณ์ จำเลยที่ 1 ไม่อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องปล่อยจำเลยที่ 2, 3, 4 ดังนี้ จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า ควรพิพากษาปล่อยจำเลยที่ 1 ด้วยเพราะเป็นเหตุในลักษณะคดี เช่นนี้ ศาลฎีการับวินิจฉัยให้.
หมายเหตุ โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้ง 4 ฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยทั้ง 4 ฐานรับของโจร จำเลยที่ 2, 3, 4 อุทธรณ์ จำเลยที่ 1 ไม่อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องปล่อยจำเลยที่ 2, 3, 4 ดังนี้ จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า ควรพิพากษาปล่อยจำเลยที่ 1 ด้วยเพราะเป็นเหตุในลักษณะคดี เช่นนี้ ศาลฎีการับวินิจฉัยให้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 825/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขสิทธิครอบครองที่ดินในชั้นอุทธรณ์: ข้อจำกัดในการฎีกา
โจทก์ฟ้องขอให้แสดงสิทธิครอบครองที่ดินทุนทรัพย์ 3,100 บาท ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองเพียงครึ่งหนึ่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองที่ดินทั้งหมด ดังนี้ ถือว่าเป็นการแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248.
(อ้างฎีกาที่ 497/2500)
(อ้างฎีกาที่ 497/2500)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 470/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์คำสั่งนายทะเบียนเครื่องหมายการค้าต้องทำตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด ห้ามฟ้องศาลโดยตรง
ในกรณีตามมาตรา 19 แห่งพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2504 ถ้าโจทก์ไม่พอใจในคำวินิจฉัยหรือคำสั่งของนายทะเบียนโจทก์จะต้องอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการเครื่องหมายการค้าภายใน 90 วัน นับแต่วันที่โจทก์ผู้ขอจดทะเบียนทราบคำสั่งของนายทะเบียน เมื่อคณะกรรมการเครื่องหมายการค้าวินิจฉัยหรือสั่งอย่างใดแล้ว คำวินิจฉัยหรือคำสั่งนั้นเป็นที่สุด ฉะนั้น เมื่อกฎหมายได้กำหนดวิธีการอุทธรณ์คัดค้านคำวินิจฉัยหรือคำสั่งของนายทะเบียนเครื่องหมายการค้าสำหรับในกรณีนี้ไว้แล้ว โจทก์จะเลือกไปดำเนินการคัดค้านโดยวิธีอื่น เช่น โดยฟ้องคดีต่อศาล หาได้ไม่
สิทธิอุทธรณ์ตามมาตรา 16 และ 19 หมายถึงว่าเป็นสิทธิที่จะอุทธรณ์หรือไม่อุทธรณ์ก็ได้ และกฎหมายกำหนดวิธีการที่จะอุทธรณ์ต่อใครอย่างไรไว้ ฉะนั้น เมื่อจะอุทธรณ์ก็ต้องปฏิบัติตามวิธีการนั้น ถ้ากฎหมายจะให้โจทก์มีสิทธิเลือกอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการเครื่องหมายการค้า หรือจะนำคดีไปสู่ศาลก็ได้ ก็จะบัญญัติไว้ดังในมาตรา 22.
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 9/2509)
สิทธิอุทธรณ์ตามมาตรา 16 และ 19 หมายถึงว่าเป็นสิทธิที่จะอุทธรณ์หรือไม่อุทธรณ์ก็ได้ และกฎหมายกำหนดวิธีการที่จะอุทธรณ์ต่อใครอย่างไรไว้ ฉะนั้น เมื่อจะอุทธรณ์ก็ต้องปฏิบัติตามวิธีการนั้น ถ้ากฎหมายจะให้โจทก์มีสิทธิเลือกอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการเครื่องหมายการค้า หรือจะนำคดีไปสู่ศาลก็ได้ ก็จะบัญญัติไว้ดังในมาตรา 22.
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 9/2509)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 470/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์คำวินิจฉัยนายทะเบียนเครื่องหมายการค้า: ต้องใช้วิธีการตามที่กฎหมายกำหนด
ตามมาตรา 19 แห่งพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2504 ถ้าโจทก์ไม่พอใจในคำวินิจฉัยหรือคำสั่งของนายทะเบียนโจทก์จะต้องอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการเครื่องหมายการค้าภายใน 90 วันนับแต่วันที่โจทก์ผู้ขอจดทะเบียนทราบคำสั่งของนายทะเบียนเมื่อคณะกรรมการเครื่องหมายการค้าวินิจฉัยหรือสั่งอย่างใดแล้ว คำวินิจฉัยหรือคำสั่งนั้นเป็นที่สุด ฉะนั้นเมื่อกฎหมายได้กำหนดวิธีการอุทธรณ์คัดค้านคำวินิจฉัยหรือคำสั่งของนายทะเบียนเครื่องหมายการค้าสำหรับในกรณีนี้ไว้แล้ว โจทก์จะเลือกไปดำเนินการคัดค้านโดยวิธีอื่นเช่น โดยฟ้องคดีต่อศาลหาได้ไม่
สิทธิอุทธรณ์ตามมาตรา 16 และ 19 หมายถึงว่าเป็นสิทธิที่จะอุทธรณ์หรือไม่อุทธรณ์ก็ได้ และกฎหมายกำหนดวิธีการที่จะอุทธรณ์ต่อใครอย่างไรไว้ ฉะนั้น เมื่อจะอุทธรณ์ก็ต้องปฏิบัติตามวิธีการนั้นถ้ากฎหมายจะให้โจทก์มีสิทธิเลือกอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการเครื่องหมายการค้าหรือจะนำคดีไปสู่ศาลก็ได้ ก็จะบัญญัติไว้ดังในมาตรา 22
สิทธิอุทธรณ์ตามมาตรา 16 และ 19 หมายถึงว่าเป็นสิทธิที่จะอุทธรณ์หรือไม่อุทธรณ์ก็ได้ และกฎหมายกำหนดวิธีการที่จะอุทธรณ์ต่อใครอย่างไรไว้ ฉะนั้น เมื่อจะอุทธรณ์ก็ต้องปฏิบัติตามวิธีการนั้นถ้ากฎหมายจะให้โจทก์มีสิทธิเลือกอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการเครื่องหมายการค้าหรือจะนำคดีไปสู่ศาลก็ได้ ก็จะบัญญัติไว้ดังในมาตรา 22