คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คดีอาญา

การขอถอนฟ้องคดีอาชญาชั่วคราวนั้น เมื่อจำเลยถูกจับหรือถูกเรียกตัวเข้ามาเกี่ยวข้องในคดีแล้วย่อมอยู่ในดุลยพินิจความครบคุมของศาล แล้วแต่จะเห็นควรไม่อยู่ในอำนาจของโจทก์ที่ขอถอนได้ตามอำเภอใจ

ปล่อยโคให้เข้ากินข้าวกล้าของเขาเป็นผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ ค่าเขาฝากคนอื่น 2 คน แม้จะเป็นคนละคราวก็เป็นผิดฐานโฆษนาหมิ่นประมาท วิธีพิจารณาอาชญา ในคดีอาชญาย่อมให้โอกาศแก่จำเลยเปลี่ยนข้อต่อสู้ได้เต็มที่ ธรรมนูญศาล อำนาจศาลฎีกา เมื่อศาลอุทธรณ์ไม่ได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงให้แน่นอน ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจชี้ขาดข้อเท็จจริงเสียเองได้

คำรับสารภาพของจำเลยในคดีอาชญา ไม่เป็นเหตุให้ศาลรับฟังเสมอไป

คดีอาชญาซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลเดิมให้ปรับจำเลยอย่างเดียว แม้เงินค่าปรับเกินสองพันบาทก็ฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้ ผัวเมีย

การพิจารณาคดีส่วนแพ่งซึ่งคู่ความได้ว่ากล่าวเป็นทางอาชญากันแล้ว ศาลต้องฟังข้อเท็จจริงจากคำพิพากษาในคดีอาชญาแต่หลักนี้ไม่ใช้บังคับสำหรับผู้ที่มิได้เป็นคู่ความในคดีอาชญาด้วย อ้างฎีกาที่ 1056-1057 พ.ศ.2472 ค่าเสียหายไกลกว่าเหตุค่าใช้จ่ายที่โจทก์ต้องเสียไปในการฟ้องร้องคดีอาชญา นั้นจำเลยในคดีอาชญาไม่ต้องรับผิดชดให้เมื่อศาลสูงเห็นว่าศาลล่างงดสืบพะยานของคู่ความไม่ถูกต้องแล้ว ก็ต้องให้ศาลล่างสืบพะยานต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปความ ค่าธรรมเนียม

คำให้การ,หลักวินิจฉัย จำเลยในคดีอาชญาเมื่อให้การไว้หลายครั้งต้องฟังครั้งสุดท้ายเป็นยุติในคดีเรื่องฆ่าคนแม้โจทก์ไม่มีประจักษ์พะยานมีแต่คำรับสารภาพของจำเลยกับพะยานแวดล้อมกรณีประกอบก็ฟังลงโทษจำเลยได้

จำเลยต้องคำพิพากษา 2 สำนวน สำนวนหนึ่ง ๆ จำคุกไม่เกิน 6 เดือนแต่นับโทษต่อกัน จะถือว่าต้องโทษเกิน 6 เดือนตามมาตรา 73 ไม่ได้

พะยาน หน้าที่นำสืบในคดีอาชญานั้นโดยปกติตกอยู่แก่ฝ่ายโจทก์ผู้กล่าวหา แต่เมื่อโจทก์นำสืบแสดงได้ในเบื้องต้นว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดแล้ว ถ้าจำเลยกล่าวอ้างข้อยกเว้นแก้ตัวอย่างไรเป็นหน้าที่ของจำเลยต้องนำสืบให้สมข้อต่อสู้ คดีที่โจทก์หาว่าจำเลยยิงช้างของโจทก์ จำเลยรับว่ายิงจริงโจทก์ไม่จำเป็นต้องนำสืบว่าจำเลยมิได้กระทำโดยป้องกันแต่จำเลยมีหน้าที่ต้องนำสืบว่าได้ยิงโดยป้องกันตามข้อต่อสู้

คดีต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตามกฎหมายข้างบนนี้ย่อมกินความถึงคดีมีคำสั่งด้วยเพราะมีลักษณวิธีการดำเนินเช่นเดียวกับคำพิพากษาคดีที่ศาลเดิมไต่สวนพะยานชั้นมูลฟ้องแล้วเห็นว่าคดีไม่มีมูลจึงให้ยกฟ้องโจทก์นั้นถ้าเป็นคดีมีโทษต้องด้วยข้อห้ามของพระราชบัญญัติลักษณอุทธรณ์แล้วโจทก์อุทรธรณ์ในข้อเท็จจริงไม่ได้

มีกำหนดโทษจำคุกตั้งแต่ 3 เดือนถึง 5 ปี คู่ความอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงได้ไม่ได้ต้องห้ามตาม พ.ร.บ. อุทธรณ์มาตรา 3 เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าฟ้องอุทธรณ์ไม่ต้องห้ามแล้วก็มีอำนาจย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้ออุทธรณ์นั้นเสียใหม่ได้ตัดสิน ถ้ากรณีเกี่ยวเนื่องกัน เมื่อศาลฎีกาย้อนฎีกาย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยฎีกาข้อหนึ่งใหม่ก็มีอำนาจให้ลดรอฎีกาอีกข้อหนึ่งไว้วินิจฉัยในภายหลังได้