คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
อุทธรณ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,483 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 39/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์ข้อเท็จจริงต้องห้าม ศาลฎีกาแก้คำสั่งให้รับอุทธรณ์เฉพาะปัญหากฎหมาย
ศาลแขวงไต่สวนข้อมูลฟ้องแล้วเห็นว่าคดีไม่มีมูล พิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นเห็นว่าเป็นอุทธรณ์ข้อเท็จจริงต้องห้ามไม่รับ โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์เห็นดังศาลชั้นต้น ให้ยกคำร้อง โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาสั่งให้รับอุทธรณ์โจทก์ในข้อที่ว่า โจทก์จะอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 170 วรรค 1 ได้หรือไม่ เพราะเป็นปัญหาข้อกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 39/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์ข้อเท็จจริงต้องห้าม และการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับการรับอุทธรณ์
ศาลแขวงไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าคดีไม่มีมูล พิพากษายกฟ้องโจทก์อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นเห็นว่าเป็นอุทธรณ์ข้อเท็จจริงต้องห้ามไม่รับโจทก์อุทธรณ์คำสั่งศาลอุทธรณ์เห็นดังศาลชั้นต้นให้ยกคำร้องโจทก์ฎีกาศาลฎีกาสั่งให้รับอุทธรณ์โจทก์ในข้อที่ว่าโจทก์จะอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 170 วรรคหนึ่งได้หรือไม่เพราะเป็นปัญหาข้อกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 360/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอนุญาตอุทธรณ์ต้องมีเหตุผลรองรับตามกฎหมาย หากไม่มีถือว่าไม่อนุญาต
ผู้พิพากษาผู้พิจารณาคดีในศาลแขวงได้มีคำสั่งในคดีซึ่งต้องห้ามอุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวง ฯลฯ มาตรา 22 ว่า "รับเป็นอุทธรณ์โจทก์ร่วม สำเนาให้จำเลยแก้ใน 7 วัน" เพียงเท่านี้ยังไม่ถือว่าผู้พิพากษาผู้นั้นได้มีคำสั่งอนุญาตให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง เพราะว่าในคำสั่งมิได้ชี้แจงแสดงเหตุผลว่า ข้อความที่ตัดสินเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลอุทธรณ์และมีคำสั่งอนุญาตให้อุทธรณ์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 357/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งไม่อนุญาตระบุพยานเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา ไม่โต้แย้งสิทธิอุทธรณ์ฎีกาขาด
คำร้องขออนุญาตอ้างพยานหลักฐานและบัญชีระบุพยานนั้น หาใช่คำคู่ความที่ยื่นต่อศาลไม่ฉะนั้น คำสั่งศาลที่ไม่อนุญาตให้ระบุพยานจึงเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา เมื่อคู่ความไม่โต้แย้งไว้ก็ย่อมจะอุทธรณ์และฎีกาคำสั่งนั้นไม่ได้
คำสั่งศาลที่ไม่อนุญาตให้จำเลยเข้าสืบ ก็เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาเมื่อไม่โต้แย้งไว้ ก็ไม่มีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาเช่นกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 265/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดในการฎีกาประเด็นใหม่ และผลของการไม่มีหลักฐานสัญญาเช่าต่อการต่อสู้คดี
การที่ศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามอุทธรณ์นั้น ในชั้นฎีกาต้องถือว่าเป็นข้อเท็จจริงที่มิได้มีการยกขึ้นว่ากล่าวกันมาในชั้นศาลอุทธรณ์ จึงต้อห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249
จำเลยฎีกาตึกพิพาทเป็นเคหะอยู่ในความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ.2504 แต่มิได้ยกปัญหานี้ขึ้นว่ากล่าวในศาลชั้นต้น จึงต้องห้ามตามมาตรา 249 และเมื่อศาลฎีกาเห็นว่าไม่มีเหตุอันสมควรจะยกปัญหาดังกล่าวนี้ขึ้นวินิจฉัยตามมาตรา 142(5) ก็ไม่ยกขึ้นวินิจฉัยให้
เมื่อการเช่าอสังหาริมทรัพย์มิได้มีหลักฐานเป็นหนังสือ ผู้เช่าก็ไม่อาจยกสิทธิเกี่ยวกับสัญญาเช่าขึ้นเป็นข้อต่อสู้ผู้ให้เช่าได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 265/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้ามตามมาตรา 249 และสิทธิสัญญาเช่าไม่มีหลักฐาน
การที่ศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามอุทธรณ์นั้นในชั้นฎีกาต้องถือว่าเป็นข้อเท็จจริงที่มิได้มีการยกขึ้นว่ากล่าวกันมาในชั้นศาลอุทธรณ์ จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249
จำเลยฎีกาว่า ตึกพิพาทเป็นเคหะอยู่ในความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ.2504 แต่มิได้ยกปัญหานี้ขึ้นว่ากล่าวในศาลชั้นต้น จึงต้องห้ามตามมาตรา 249 และเมื่อศาลฎีกาเห็นว่าไม่มีเหตุอันสมควรจะยกปัญหาดังกล่าวนี้ขึ้นวินิจฉัย มาตรา 142(5) ก็ไม่ยกขึ้นวินิจฉัยให้
เมื่อการเช่าอสังหาริมทรัพย์มิได้มีหลักฐานเป็นหนังสือผู้เช่าก็ไม่อาจยกสิทธิเกี่ยวกับสัญญาเช่าขึ้นเป็นข้อต่อสู้ผู้ให้เช่าได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1460/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจทนายความในการดำเนินคดีล้มละลายแทนเจ้าหนี้: การมอบอำนาจครอบคลุมถึงการอุทธรณ์ฎีกา
คดีล้มละลาย การที่เจ้าหนี้มอบอำนาจให้ทนายความเป็นผู้ยื่นคำขอรับชำระหนี้แทน และให้มีสิทธิออกเสียงในที่ประชุมเจ้าหนี้ ประนีประนอมยอมความ รับเงิน ตลอดจนทำการอื่นใดที่เกี่ยวกับคดีล้มละลายเรื่องใดเรื่องหนึ่งนั้น ทนายผู้รับมอบอำนาจย่อมมีสิทธิที่จะดำเนินคดีแทนเจ้าหนี้คนนั้นได้ตลอดไปจนถึงชั้นอุทธรณ์ฎีกาคำสั่งศาลด้วย เพราะเป็นเรื่องของกระบวนพิจารณาที่สืบต่อจากการยื่นคำขอรับชำระหนี้นั้นเอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1361/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อุทธรณ์ข้อเท็จจริงในศาลแขวงต้องห้าม การยกข้อเท็จจริงใหม่ในชั้นฎีกา
ศาลแขวงพิพากษายกฟ้องโดยฟังว่าจำเลยไม่มีเจตนากระทำผิด โจทก์อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกาว่าจำเลยมีเจตนาทุจริต ดังนี้ เมื่ออุทธรณ์โจทก์เป็นอุทธรณ์ข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯ มาตรา 22 แล้ว โจทก์จึงยกข้อเท็จจริงขึ้นว่ากล่าวในชั้นฎีกาไม่ได้ โดยถือว่าเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นอุทธรณ์โดยชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 15 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 249 ฎีกาโจทกืเป็นฎีกาในข้อเท็จจริงจึงต้องห้าม ยกฎีกาโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1354/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการอุทธรณ์ฎีกา, อายุความละเมิด, ความสามารถในการฟ้อง, และความรับผิดกรรมการสหกรณ์
ข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายที่จะยกขึ้นอ้างอิงในฎีกา จะต้องกล่าวไว้โดยชัดแจ้งในฎีกา และต้องเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในชั้นอุทธรณ์ มิฉะนั้นจะเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิดขาดอายุความเมื่อพ้นปีหนึงนับแต่วันที่ผู้ต้องเสียหายรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน ฯลฯผู้เสียหายมีสิทธิฟ้องผู้ละเมิดภายใน 1 ปีนับแต่วันรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน
เมื่อจำเลยมิได้คัดค้านการที่โจทก์ไม่มีหนังสืออนุญาตของสามีให้โจทก์ฟ้องคดีมาแสดงในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยจะอ้างเหตุที่โจทก์ไม่มีหนังสืออนุญาตดังกล่าวมาอุทธรณ์ฎีกาขอให้ยกฟ้องโจทก์มิได้ และจำเลยก็จะยกข้อบกพร่องของโจทก์เช่นนี้ขึ้นมาเป็นเหตุขอให้ยกฟ้องหาได้ไม่ นอกจากจะร้องขอให้ศาลสอบสวนและมีคำสั่งให้โจทก์แก้ไขข้อบกพร่องเสียให้บริบูรณ์เท่านั้น
ในชั้นพิจารณาของศาลฎีกา โจทก์ซึ่งเป็นหญิงมีสามีได้ยื่นหนังสืออนุญาตของสามีโจทก์ต่อศาล ศาลรับไว้ถือว่าโจทก์ได้แก้ไขข้อบกพร่องในเรื่องความสามารถของโจทก์แล้ว จำเลยจะอ้างว่าทำให้จำเลยเสียเปรียบไม่ได้
กรรมการสหกรณ์ลงมติให้กระทำการนอกขอบวัตถุประสงค์ของสหกรณ์ กรรมการก็ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1224/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการอุทธรณ์ข้อเท็จจริง และอำนาจศาลอุทธรณ์ในการวินิจฉัยข้อเท็จจริงใหม่
การที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงต่างกันนั้น จะถือว่าศาลชั้นต้นวินิจฉัยข้อเท็จจริงผิดกฎหมายหาได้ไม่ และเมื่อคดีต้องห้ามไม่ให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ทั้งคู่ความก็มิได้กล่าวอ้างมาในฟ้องอุทธรณ์ด้วยแล้ว ศาลอุทธรณ์ย่อมไม่มีอำนาจหยิบยกข้อเท็จจริงขึ้นวินิจฉัยได้
of 349