คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ฆ่า

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 467 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 849/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฆ่าโดยเจตนา แต่ไม่ไตร่ตรองไว้ก่อน: พฤติการณ์สำคัญในการพิจารณาความผิดฐานฆ่า
จำเลยที่ 1 เป็นผู้ใหญ่บ้านเคยมีสาเหตุกับผู้ตายจำเลยที่ 1 หาพรรคพวกไปแกล้งจับผู้ตาย หาว่ากระทำความผิดอาญาโดยที่ผู้ตายเองก็เป็นผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าร่วมกับพวกหลอกลวงเอาเงินจากพ่อค้าและราษฎรไปอยู่เหมือนกัน จำเลยที่ 1 กับพวกเอาโซ่มัดผู้ตาย เอาผู้ตายไปล่ามโซ่ไว้ใต้ถุนบ้านแล้วจำเลยที่ 1-2-3-4 กับพวกเอาตัวผู้ตายออกจากบ้านไป บอกว่าจะเอาตัวไปส่งจังหวัดในคืนวันเกิดเหตุผู้ตายพยายามขัดขืนไม่ยอมไปจำเลยกับพวกเอาโซ่ลากคอผู้ตายไปแล้วร่วมกันฆ่าผู้ตายในระหว่างทางเห็นได้ว่าเมื่อตอนที่จำเลยกับพวกนำตัวผู้ตายออกจากบ้านไปนั้นจำเลยกับพวกอาจจะยังไม่มีเจตนาจะฆ่าผู้ตายแต่การที่กลับมาเปลี่ยนใจฆ่าผู้ตายน่าจะเป็นเพราะผู้ตายพยายามขัดขืนไม่ยอมไปก็ได้พฤติการณ์ยังไม่พอฟังว่าเป็นการฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 846/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฆ่าโดยบันดาลโทสะจากคำพูดดูถูกเหยียดหยาม ศาลฎีกายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
จำเลยเป็นหญิงมีภาระต้องเลี้ยงตัวเอง เลี้ยงน้องให้ได้รับการศึกษาชั้นมหาวิทยาลัย และส่งเงินเลี้ยงบิดามารดา.จำเลยรักใคร่ได้เสียกับผู้ตายจนจำเลยตั้งครรภ์ ผู้ตายก็ตีตนออกห่าง ไม่ยอมพบ. จำเลยโทรศัพท์ไปหลายครั้งก็ไม่ยอมพูดด้วย. วันเกิดเหตุจำเลยได้ไปคอยพบผู้ตายและพูดเรื่องที่จำเลยมีครรภ์. ผู้ตายว่าจำเลยว่า บอกให้เอาออกก็ไม่เอาออก. ผู้ตายไม่ยอมรับว่าเป็นพ่อเด็ก.ทั้งยังว่าจำเลยว่า อยากหน้าด้านไปหาผู้ตายเองและว่าพ่อแม่จำเลยไม่สั่งสอนให้ดี. อันเป็นการดูถูกเหยียดหยามกดขี่ข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม. จำเลยใช้ปืนยิงผู้ตายในขณะนั้น เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 382/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตัวการร่วมและผู้สนับสนุนการฆ่า: การพิจารณาเจตนาและความร่วมมือในการกระทำผิด
จำเลยที่ 1 ทะเลาะกับผู้ตายอยู่ริมรั้วจำเลยที่2 ถือมีดพร้าวิ่งลงจากบ้านพร้อมกับร้องว่าฟันให้ตายๆการแสดงออกด้วยกิริยาและคำพูดของจำเลยที่ 2 ส่อแสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 2 มีเจตนาจะฆ่าผู้ตาย ฉะนั้น เมื่อจำเลยที่ 1 คว้ามีดพร้าจากมือจำเลยที่ 2 แหวกรั้วเข้าไปฟันผู้ตายถึงแก่ความตาย จึงเป็นการกระทำที่สมเจตนาของจำเลยที่ 2 เมื่อจำเลยที่ 1 ฟันผู้ตายแล้วได้โยนมีดพร้าข้ามรั้วมาให้จำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ก็เป็นผู้พามีดพร้าวิ่งหนีไปการกระทำของจำเลยที่ 2ดังกล่าวแล้วจึงถือได้ว่าเป็นการร่วมมือกับจำเลยที่ 1 ฆ่าผู้ตายจำเลยที่ 2 จึงมีความผิดฐานเป็นตัวการร่วมกับจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83
จำเลยที่ 3 ได้วิ่งมาและพูดยุยงให้จำเลยที่ 1 ฟันผู้ตายให้ตายหลังจากจำเลยที่ 1 ลงมือทำร้ายผู้ตายได้ 1 แผล จึงเห็นได้ว่าจำเลยที่ 3 มิได้เป็นผู้ก่อให้จำเลยที่ 1 กระทำผิด เพราะจำเลยที่ 1 ได้เริ่มลงมือกระทำผิดไปแล้ว คำยุยงของจำเลยที่ 3 จึงเป็นเพียงสนับสนุนเร้าใจให้จำเลยที่ 1 มุ่งกระทำร้ายต่อผู้ตายให้ถึงตายหนักแน่นยิ่งขึ้นเท่านั้นการกระทำของจำเลยที่3 จึงฟังได้เพียงว่าเป็นการสนับสนุนให้จำเลยที่ 1 กระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 382/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตัวการร่วมและผู้สนับสนุนการฆ่า: การกระทำที่แสดงเจตนาและส่งเสริมการกระทำผิด
จำเลยที่ 1 ทะเลาะกับผู้ตายอยู่ริมรั้ว. จำเลยที่2 ถือมีดพร้าวิ่งลงจากบ้านพร้อมกับร้องว่าฟันให้ตายๆ.การแสดงออกด้วยกิริยาและคำพูดของจำเลยที่ 2 ส่อแสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 2 มีเจตนาจะฆ่าผู้ตาย. ฉะนั้น เมื่อจำเลยที่ 1 คว้ามีดพร้าจากมือจำเลยที่ 2 แหวกรั้วเข้าไปฟันผู้ตายถึงแก่ความตาย. จึงเป็นการกระทำที่สมเจตนาของจำเลยที่ 2. เมื่อจำเลยที่ 1 ฟันผู้ตายแล้ว.ได้โยนมีดพร้าข้ามรั้วมาให้จำเลยที่ 2. จำเลยที่ 2 ก็เป็นผู้พามีดพร้าวิ่งหนีไป. การกระทำของจำเลยที่ 2ดังกล่าวแล้วจึงถือได้ว่าเป็นการร่วมมือกับจำเลยที่ 1ฆ่าผู้ตาย. จำเลยที่ 2 จึงมีความผิดฐานเป็นตัวการร่วมกับจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83.
จำเลยที่ 3 ได้วิ่งมาและพูดยุยงให้จำเลยที่ 1 ฟันผู้ตายให้ตาย.หลังจากจำเลยที่ 1 ลงมือทำร้ายผู้ตายได้1 แผล. จึงเห็นได้ว่าจำเลยที่ 3 มิได้เป็นผู้ก่อให้จำเลยที่ 1 กระทำผิด. เพราะจำเลยที่ 1 ได้เริ่มลงมือกระทำผิดไปแล้ว. คำยุยงของจำเลยที่ 3 จึงเป็นเพียงสนับสนุนเร้าใจให้จำเลยที่ 1 มุ่งกระทำร้ายต่อผู้ตายให้ถึงตายหนักแน่นยิ่งขึ้นเท่านั้น. การกระทำของจำเลยที่3 จึงฟังได้เพียงว่าเป็นการสนับสนุนให้จำเลยที่ 1กระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1411/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน แม้ถูกทำร้ายก่อนหน้า ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย
หลังจากที่จำเลยถูกบุตรผู้ตายฟันเอาแล้ว เวลาล่วงเลยไปประมาณ 30 นาที จำเลยจึงหวนกลับมาใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย ระหว่างทางจำเลยพูดว่า จะต้องฆ่ามันให้ตายสักคนหนึ่ง ไม่พ่อก็ลูก เห็นได้ว่าจำเลยมีความเคียดแค้นคุกรุ่นอยู่ในใจตลอดมา แล้วกลับมาใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1411/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนจากความโกรธแค้น การกระทำหลังถูกทำร้ายไม่ถือเป็นการป้องกันตัว
หลังจากที่จำเลยถูกบุตรผู้ตายฟันเอาแล้ว. เวลาล่วงเลยไปประมาณ 30 นาที จำเลยจึงหวนกลับมาใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย. ระหว่างทางจำเลยพูดว่า. จะต้องฆ่ามันให้ตายสักคนหนึ่ง. ไม่พ่อก็ลูก.เห็นได้ว่าจำเลยมีความเคียดแค้นคุกรุ่นอยู่ในใจตลอดมา. แล้วกลับมาใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย. การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำโดยไตร่ตรองไว้ก่อน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1182/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาในการกระทำความผิดฐานฆ่า: การเปลี่ยนแปลงเป้าหมายการกระทำไม่ถือเป็นข้อเท็จจริงต่างจากฟ้อง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยบังอาจใช้อาวุธปืนยิงนายทองหล่อ เขียนกันให้ถึงแก่ความตาย แต่นายทองหล่อรู้ตัวและหลบบังนายรอดหรือบุญรอด หุ่นเสือ กระสุนปืน จึงพลาดไปถูกนายรอดถึงแก่ความตาย แต่ทางพิจารณาฟังได้ว่า จำเลยมิได้เจตนาฆ่านายทองหล่อ หากเจตนาฆ่านายรอด กระสุนปืนที่จำเลยใช้ยิงก็ถูกนายรอถึงแก่ความตายจำเลยมีความผิดฐานฆ่านายรอดหรือบุญรอด หุ่นเสือ ตายโดยเจตนา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288
กรณีเช่นนี้ ถือไม่ได้ว่าข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาแตกต่างกันข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้อง อันเป็นเหตุให้ศาลต้องพิพากษาฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1182/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าและการเปลี่ยนแปลงเป้าหมายการกระทำความผิดทางอาญา
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยบังอาจใช้อาวุธปืนยิงนายทองหล่อเขียนกันให้ถึงแก่ความตาย. แต่นายทองหล่อรู้ตัวและหลบบังนายรอดหรือบุญรอด หุ่นเสือ กระสุนปืนจึงพลาดไปถูกนายรอดถึงแก่ความตาย. แต่ทางพิจารณาฟังได้ว่า. จำเลยมิได้เจตนาฆ่านายทองหล่อ. หากเจตนาฆ่านายรอด กระสุนปืนที่จำเลยใช้ยิงก็ถูกนายรอดถึงแก่ความตายจำเลยมีความผิดฐานฆ่านายรอดหรือบุญรอด หุ่นเสือ ตายโดยเจตนา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา288.
กรณีเช่นนี้ ถือไม่ได้ว่าข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในทางพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้อง. อันเป็นเหตุให้ศาลต้องพิพากษายกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1048/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำร้าย vs. เจตนาฆ่า: การประเมินจากพฤติการณ์และบาดแผล
จำเลยโต้เถียงทะเลากับผู้เสียหายก่อนแล้วผู้เสียหายใช้ของแข็งตีศีรษะจำเลย 1 ที จำเลยไปหยิบมีดโต้วิ่งเข้าหาผู้เสียหาย ผู้เสียหายวิ่งหนี จำเลยไล่ตาม ผู้เสียหายหกล้ม จำเลยตามทันก็ใช้มีดโต้ฟันผู้เสียหายมีบาดแผล 2 แห่ง คือ ที่ข้อศอกซ้ายและที่ไหล่ขวาแห่งละแผล แล้วจำเลยก็กลับไปเองโดยไม่ได้ทำร้ายซ้ำเติมอีก ดั้งนี้แสดงว่าจำเลยได้ฟันผู้เสียหายโดยฉุกละหุก เนื่องจากผู้เสียหายตีศีรษะจำเลยแตก แม้อาวุธมีดที่จำเลยใช้ฟันผู้เสียหายจะเป็นมีดที่ใหญ่ยาวถึงศอกเศษ อันอาจทำให้ผู้เสียหายถึงตายได้ก็ดี แต่จำเลยก็ใช้ฟันผู้เสียหาย 2 แผลในที่ไม่สำคัญเท่านั้น แล้วจำเลยก็หยุดยั้งและกลับไปเอง ทั้งที่จำเลยมีโอกาสที่จะฟันผู้เสียหายซ้ำในที่สำคัญ ๆ ให้ถึงตายได้ บาดแผลที่ผู้เสียหายได้รับก็รักษาหายภายในเวลาหนึ่งเดือน เพียงเท่านี้จึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยฟันทำร้ายผู้เสียหายโดยมีเจตนาฆ่า คงฟังได้เพียงว่าจำเลยมีเจตนาทำร้ายผู้เสียหายเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1048/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำร้าย vs. เจตนาฆ่า: การพิจารณาจากพฤติการณ์และการกระทำหลังทำร้าย
จำเลยโต้เถียงทะเลาะกับผู้เสียหายก่อนแล้วผู้เสียหายใช้ของแข็งตีศีรษะจำเลย 1 ที จำเลยไปหยิบมีดโต้วิ่งเข้าหาผู้เสียหาย ผู้เสียหายวิ่งหนี จำเลยไล่ตาม ผู้เสียหายหกล้ม จำเลยตามทันก็ใช้มีดโต้ฟันผู้เสียหายมีบาดแผล 2 แห่ง คือ ที่ข้อศอกซ้ายและที่ไหล่ขวาแห่งละแผล แล้วจำเลยก็กลับไปเองโดยไม่ได้ทำร้ายซ้ำเติมอีก ดังนี้แสดงว่าจำเลยได้ฟันผู้เสียหายโดยฉุกละหุกเนื่องจากผู้เสียหายตีศีรษะจำเลยแตก แม้อาวุธมีดที่จำเลยใช้ฟันผู้เสียหายจะเป็นมีดที่ใหญ่ยาวถึงศอกเศษอันอาจทำให้ผู้เสียหายถึงตายได้ก็ดี แต่จำเลยก็ใช้ฟันผู้เสียหายเพียง 2 แผลในที่ไม่สำคัญเท่านั้น แล้วจำเลยก็หยุดยั้งและกลับไปเอง ทั้งที่จำเลยมีโอกาสที่จะฟันผู้เสียหายซ้ำในที่สำคัญๆให้ถึงตายได้ บาดแผลที่ผู้เสียหายได้รับก็รักษาหายภายในเวลาหนึ่งเดือนเพียงเท่านี้จึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยฟันทำร้ายผู้เสียหายโดยมีเจตนาฆ่า คงฟังได้เพียงว่าจำเลยมีเจตนาทำร้ายผู้เสียหายเท่านั้น
of 47