คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ต่อเนื่อง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 351 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 803/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนฟ้องคดีแพ่งเพื่อขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย ทำให้อายุความสะดุดหยุดต่อเนื่อง
เดิม ผู้ร้องขอรับชำระหนี้ฟ้องลูกหนี้(จำเลย) เป็นคดีแพ่งสามัญ(เรียกเงินตามเช็ค แล้วต่อมาลูกหนี้ถูกฟ้องและศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ด็ดขาดในคดีล้มละลาย ผู้ร้องขอรับชำระหนี้จึงขอถอนฟ้องคดีแพ่งโดยใช้ถ้อยคำว่า ถอนฟ้องเพื่อไปดำเนินการขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นั้น แสดงให้เห็นว่า ผู้ร้องขอรัรบชำระหนี้มิได้มีเจตนาที่จะถอนฟ้องไปเสียเลยโดยเด็ดขาดตามความหมายในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 174 ที่ว่า "คดีนั้นได้ถอนเสีย" อย่างไรก็ดี คดีแพ่งสามัญจะดำเนินไปหรือไม่ก็ตาม แม้ชนะคดีแล้ว ผู้ร้องขอรับชำระหนี้ก็ต้องไปขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายอยู่นั่นเอง และศาลก็ได้อนุญาตตามที่ผู้ร้องขอรับชำระหนี้แถลง เท่ากับเป็นการตั้งหลักฐานสิทธิเรียกร้องทางศาลโดยการฟ้องคดีแพ่งและขอพิสูจน์หนี้ในคดีล้มละลาย ต่อเนื่องเกี่ยวโยงกันเป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดต่อเนื่องกันไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 173 หาเป็นเหตุให้อายุความไม่สะดุดหยุดลงตามมาตรา 174 ไม่
(ประชุมใหญ่ ครื่งที่ 12/2508)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 607/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดถือครอบครองที่ดินต่อเนื่อง แม้มีอุปสรรคชั่วคราว ไม่ถือเป็นการสละการครอบครอง
ที่พิพาทเนื้อที่ 12 ไร่เศษ ไม่มีโฉนด เดิมเป็นของมารดาจำเลย มารดาจำเลยได้ยกที่พิพาทตีใช้หนี้เงินกู้ให้โจทก์ใน พ.ศ. 2494 โจทก์จึงจ้างคนถางที่พิพาทจนเตียนหมด แล้วใน พ.ศ. 2495 และ 2496 โจทก์ก็ทำนาและปลูกถั่วในที่พิพาท โดยทำนา 2 ไร่ ปลูกถั่ว 2 ไร่ นอกนั้นเป็นดอนน้ำไม่ถึง ปลูกอะไรไม่ได้ ดังนี้ ถือได้ว่าเป็นการยึดถือโดยเจตนาเป็นเจ้าของ โจทก์ย่อมได้สิทธิครอบครองที่พิพาทหมดทั้งแปลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1367 ในปีต่อ ๆ มาจนถึง พ.ศ. 2501 โจทก์และผู้ดูแลที่พิพาทแทนโจทก์ได้ปล่อยที่พิพาทว่างไว้เนื่องจากขาดน้ำ ทำผลประโยชน์ไม่ได้ จะถือว่าโจทก์สละเจตนาครอบครองหรือไม่ยึดถือที่พิพาทตามมาตรา 1377 วรรคแรกหาได้ไม่ ต้องถือว่ามีเหตุชั่วคราวมาขัดขวางมิให้โจทก์เข้ายึดถือทำประโยชน์ อันเข้าข้อยกเว้นตามมาตรา 1377 วรรค 2 การครอบครองของโจทก์จึงไม่สิ้นสุดลง
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 41/2505)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 261/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: ค่าเสียหายจากการละเมิดต่อเนื่อง แม้มีการเปลี่ยนแปลงค่าเสียหายรายวัน ก็ถือเป็นฟ้องซ้ำ
โจทก์เคยฟ้องจำเลยหาว่าละเมิดเข้ามาระเบิดเอาหินไปจากที่อันเป็ฯสิทธิของโจทก์ และเรียกค่าเสียหาย 140,000 บาท กับค่าเสียหายวันละ 840 บาท ตั้งแต่วันฟ้องไปจนกว่าจำเลยจะหยุดทำการระเบิดและขุดต่อยหิน ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีโดยจำเลยขาดนัดพิจารณา และจำเลยได้ขอให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีใหม่อยู่ โจทก์มาฟ้องจำเลยอีกสำนวนหนึ่งว่า จำเลยไม่ยอมออกไปจากที่พิพาทซึ่งโจทก์ชนะคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย 60,000 บาท กับค่าเสียหายวันละ 420 บาท นับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจำเลยจะสละการครอบครองรื้อถอนโรงเรือน สะพาน และวัตถุระเบิดออกไปจากที่พิพาท ดังนี้ ย่อมเป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144, 148

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 261/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: ค่าเสียหายจากการละเมิดต่อเนื่อง โจทก์เรียกค่าเสียหายจากละเมิดเดิมซ้ำไม่ได้
โจทก์เคยฟ้องจำเลยหาว่าละเมิดเข้ามาระเบิดเอาหินไปจากที่อันเป็นสิทธิของโจทก์ และเรียกค่าเสียหาย 140,000 บาทกับค่าเสียหายวันละ 840 บาท ตั้งแต่วันฟ้องไปจนกว่าจำเลยจะหยุดทำการระเบิดและขุดต่อยหิน ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีโดยจำเลยขาดนัดพิจารณา และจำเลยได้ขอให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีใหม่อยู่ โจทก์มาฟ้องจำเลยอีกสำนวนหนึ่งว่า จำเลยไม่ยอมออกไปจากที่พิพาท ซึ่งโจทก์ชนะคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย 60,000 บาท กับค่าเสียหายวันละ 420 บาท นับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจำเลยจะสละการครอบครองรื้อถอนโรงเรือน สะพานและวัตถุระเบิดออกไปจากที่พิพาทดังนี้ย่อมเป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 144,148

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1730/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดหลายกรรม: ฉุดคร่าและข่มขืนกระทำชำเรา แม้ต่อเนื่องกันก็เป็นคนละกรรมได้
จำเลยฉุดคร่าผู้เสียหายจากทางเดิน นำเข้าป่าข้างทางห่างทางเดิน 7-8 วา แล้วร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายในป่านั้น เป็นการกระทำอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน
มาตรา 281 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ไม่ใช่บทลงโทษ ไม่จำต้องยกขึ้นปรับบทลงโทษจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1730/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดหลายกรรมต่างกัน: ฉุดคร่าและข่มขืน แม้ต่อเนื่องกันก็เป็นคนละกรรมได้
จำเลยฉุดคร่าผู้เสียหายจากทางเดินนำเข้าป่าข้างทางห่างทางเดิน 7-8 วา แล้วร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายในป่านั้น เป็นการกระทำอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน
มาตรา 281 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ไม่ใช่บทลงโทษ ไม่จำต้องยกขึ้นปรับบทลงโทษ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1311/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้มาซึ่งภารจำยอมโดยการใช้ทางต่อเนื่องเกิน 10 ปี แม้ใช้เฉพาะช่วงเวลาที่ทำนา การปิดกั้นทางเป็นเหตุละเมิด
โจทก์ได้ใช้ทางพิพาทของจำเลยเป็นทางเดินผ่านทุกปีเมื่อสิ้นฤดูทำนา เป็นเวลาเกินกว่า 10 ปี ภาระจำยอมย่อมเกิดขึ้นเป็นคุณแก่ที่ดินของโจทก์แล้ว แม้โจทก์จะมิได้ใช้ทางพิพาทในฤดูทำนาก็ตาม ก็หาทำให้การใช้ทางนั้นขาดตอนไม่ติดต่อกันได้ไม่ จำเลยจะปิดกั้นหรือขุดบ่อ ทำให้โจทก์ไม่สามารถใช้ทางดังกล่าวหาได้ไม่ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 11/2506)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 412/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปล้นทรัพย์ด้วยอาวุธปืนและการยิงเพื่อข่มขู่ยับยั้งการติดตามของผู้เสียหายต่อเนื่องจากการปล้น
การที่จำเลยปล้นทรัพย์และยิงปืนทางท้ายขบวนเกวียนหลังจากบอกให้พวกผู้เสียหายขับเกวียนไปได้ นั้น เป็นการยิงปืนเพื่อขู่ขวัญมิให้พวกเจ้าทรัพย์ติดตามต่อสู้ เห็นได้ว่า เหตุการณ์ยังคงต่อเนื่องกับการปล้นอยู่ จำเลยมีความผิดตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 340 วรรค 4
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 9/2504)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 412/2504

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปล้นทรัพย์ด้วยอาวุธปืนและการยิงเพื่อข่มขู่ต่อเนื่องจากการปล้น ถือเป็นความผิดตามมาตรา 340 วรรคสี่
การที่จำเลยปล้นทรัพย์และยิงปืนทางท้ายขบวนเกวียนหลังจากบอกให้พวกผู้เสียหายขับเกวียนไปได้ นั้น เป็นการยิงปืนเพื่อขู่ขวัญมิให้พวกเจ้าทรัพย์ติดตามต่อสู้เห็นได้ว่าเหตุการณ์ยังคงต่อเนื่องกับการปล้นอยู่จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคสี่ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 9/2504)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 701/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้มาซึ่งภารจำยอมโดยการใช้ทางต่อเนื่องเกิน 10 ปี และสิทธิของเจ้าของที่ดินร่วม
โจทก์ใช้ทางรายพิพาทมาเกินกว่า 10 ปีแล้ว ทางรายพิพาทย่อมตกอยู่ในภารจำยอม จำเลยจะปิดเสียมิได้ โจทก์ชอบที่จะให้จำเลยหลายคนซึ่งเป็นเจ้าของร่วมกันในที่ที่ทางพิพาทไปจดทะเบียนภารจำยอมให้แก่โจทก์ได้
of 36