คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ทำร้ายร่างกาย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,834 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1292/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาและกรรมเดียวในการทำร้ายร่างกาย - การชนท้ายรถเพื่อหวังทำร้าย - การพิจารณาเจตนาฆ่าและไตร่ตรองไว้ก่อน
การที่พวกของจำเลยขับรถยนต์ชนท้ายรถจักรยานยนต์ที่ ส.ขับโดยมีโจทก์ร่วมนั่งซ้อนท้ายเป็นเหตุให้รถจักรยานยนต์ล้มลงแล้วพวกของจำเลยทั้งสองจึงหยุดรถแล้วลงไปใช้เหล็กท่อนเป็นอาวุธทำร้ายร่างกาย ส. และโจทก์ร่วม เห็นได้ว่าการใช้รถยนต์ชนท้ายรถจักรยานยนต์เพียงต้องการให้หยุดรถเพื่อที่จะได้ทำร้ายร่างกายเท่านั้นเมื่อปรากฏว่า ส. กระเด็นตกจากรถไปนั่งที่พื้นมีอาการจุกเสียด ส่วนโจทก์ร่วมไม่มีอาการบาดเจ็บลุกขึ้นยืนได้ แสดงว่าจำเลยทั้งสองมิได้มีเจตนาฆ่าเพราะหากมีเจตนาฆ่าก็น่าจะขับรถยนต์ชนอย่างแรง หรือขับรถยนต์กับ ส. และโจทก์ร่วมไปแล้ว โจทก์ฎีกาว่าหลังจากที่จำเลยทั้งสองกับพวกรุมทำร้ายร่างกายส. และโจทก์ร่วมแล้วพวกของจำเลยทั้งสองได้ขับรถยนต์เก๋งทับร่างของโจทก์ร่วมด้วย เมื่อข้อเท็จจริงดังกล่าวโจทก์มิได้บรรยายไว้ในคำฟ้อง จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคแรก จำเลยทั้งสองกับพวกเข้าไปรุมตี ส. และโจทก์ร่วมพร้อม ๆ กันเมื่อเห็น ส. ขับรถจักรยานยนต์มีโจทก์ร่วมนั่งซ้อนท้ายผ่านมามีการร้องท้าทาย ส.และโจทก์ร่วมให้ตีกันเมื่อส. กับพวกไม่สนใจและไม่ยอมหยุดรถจักรยานยนต์พวกของจำเลยทั้งสองจึงขับรถยนต์เก๋งไปชนท้ายรถจักรยานยนต์ล้มลง จากนั้นจำเลยทั้งสองกับพวกจึงเข้าไปกลุ้มรุมทำร้ายร่างกาย ส. และโจทก์ร่วม ดังนี้เป็นการกระทำครั้งหนึ่งคราวเดียวและมีเจตนาเดียวกันในการทำร้ายร่างกาย ส. และโจทก์ร่วม การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 857/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยายามกระทำชำเราเด็กหญิง และการทำร้ายร่างกายต่อเนื่อง ศาลพิจารณาความผิดแยกกรรม
ผู้เสียหายเป็นเด็กหญิงอายุ 8 ปี จำเลยใช้อวัยวะเพศของจำเลยใส่ไปที่ช่องขาใกล้อวัยวะเพศของผู้เสียหาย และได้กระทำการในลักษณะของการกระทำชำเรา ที่บริเวณรูทวารหนักของผู้เสียหายมีรอยช้ำแดงและที่ระหว่างช่องคลอดกับรูทวารหนักมีรอยถลอกเล็กน้อย อวัยวะเพศของจำเลยไม่ได้เข้าไปในอวัยวะเพศของผู้เสียหายคงอยู่บริเวณปากช่องคลอดของผู้เสียหายเท่านั้น ดังนั้นการกระทำของจำเลยจึงเป็นเพียงความผิดฐานพยายามกระทำชำเราเด็กหญิงอายุยังไม่เกิน 13 ปี
ทางพิจารณาไม่ปรากฏว่าการที่ผู้เสียหายขัดขืนไม่ยอมให้กระทำชำเรา จำเลยได้ชกต่อยและตบปากผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บอย่างไร คงได้ความว่าหลังจากจำเลยกระทำชำเราและจำเลยกับผู้เสียหายสวมใส่เสื้อผ้าแล้ว จำเลยได้ต่อยเตะจนผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัส การกระทำของจำเลยดังกล่าวมิได้กระทำต่อเนื่องกัน หากแต่ขาดตอนจากการกระทำชำเราแล้ว ดังนี้ แม้ผู้เสียหายจะได้รับอันตรายสาหัสก็มิใช่ผลโดยตรงจากการกระทำชำเราอันจะเป็นเหตุให้ผู้กระทำจะต้องได้รับโทษหนักขึ้นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 ทวิ
โจทก์บรรยายฟ้องเพียงว่าจำเลยกระทำผิดฐานกระทำชำเราผู้เสียหาย เป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัส ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277, 277 ทวิและ 297 แม้โจทก์จะอ้างมาตรา 297 มาด้วย แต่โจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดหลายกรรมจึงไม่ชัดเจนว่าโจทก์ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสไม่อาจลงโทษจำเลยฐานดังกล่าวได้เพราะเป็นการนอกเหนือจากฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 857/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิง, การทำร้ายร่างกายต่อเนื่อง, การนอกเหนือจากฟ้อง, ผลกระทบต่อโทษทางอาญา
ผู้เสียหายเป็นเด็กหญิงอายุ 8 ปี จำเลยใช้อวัยวะเพศของจำเลยใส่ไปที่ช่องขาใกล้อวัยวะเพศของผู้เสียหาย และได้กระทำการในลักษณะของการกระทำชำเรา ที่บริเวณรูทวารหนักของผู้เสียหายมีรอยช้ำแดงและที่ระหว่างช่องคลอดกับรูทวารหนักมีรอยถลอกเล็กน้อย อวัยวะเพศของจำเลยไม่ได้เข้าไปในอวัยวะเพศของผู้เสียหายคงอยู่บริเวณปากช่องคลอดของผู้เสียหายเท่านั้น ดังนั้น การกระทำของจำเลยจึงเป็นเพียงความผิดฐานพยายามกระทำชำเราเด็กหญิงอายุยังไม่เกิน 13 ปี ทางพิจารณาไม่ปรากฏว่าการที่ผู้เสียหายขัดขืนไม่ยอมให้กระทำชำเรา จำเลยได้ชกต่อยและตบปากผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บอย่างไรคงได้ความว่าหลังจากจำเลยกระทำชำเราและจำเลยกับผู้เสียหายสวมใส่เสื้อผ้าแล้ว จำเลยได้ต่อยเตะจนผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสการกระทำของจำเลยดังกล่าวมิได้กระทำต่อเนื่องกัน หากแต่ขาดตอนจากการกระทำชำเราแล้ว ดังนี้ แม้ผู้เสียหายจะได้รับอันตรายสาหัสก็มิใช่ผลโดยตรงจากการกระทำชำเราอันจะเป็นเหตุให้ผู้กระทำจะต้องได้รับโทษหนักขึ้นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 ทวิ โจทก์บรรยายฟ้องเพียงว่าจำเลยกระทำผิดฐานกระทำชำเราผู้เสียหายเป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัส ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277,277 ทวิ, และ 297 แม้โจทก์จะอ้างมาตรา 297 มาด้วย แต่โจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดหลายกรรมจึงไม่ชัดเจนว่าโจทก์ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส ไม่อาจลงโทษจำเลยฐานดังกล่าวได้เพราะเป็นการนอกเหนือจากฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 752/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย: การใช้ความรุนแรงเพื่อช่วยเหลือภริยาจากการถูกทำร้าย
โจทก์กอดปล้ำภริยาจำเลย จำเลยใช้ไม้ตีโจทก์เพื่อช่วยภริยาจำเลยมิให้โจทก์ใช้กำลังประทุษร้ายกอดปล้ำภริยาจำเลยต่อไปเพียง1 ครั้ง เป็นการกระทำพอสมควรแก่เหตุ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 752/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกายโดยมีเหตุป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย: การช่วยเหลือภริยาจากการถูกโจทก์กอดปล้ำ
โจทก์กอดปล้ำภริยาจำเลย จำเลยใช้ไม้ตีโจทก์ 1 ครั้งเพื่อช่วยภริยาจำเลยมิให้โจทก์ใช้กำลังประทุษร้ายกอดปล้ำภริยาจำเลยต่อไป เป็นการกระทำพอสมควรแก่เหตุ จึงเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 708/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายเล็กน้อยโดยเจ้าพนักงานตำรวจ ศาลฎีกาวินิจฉัยความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 391
จำเลยเพียงแต่ใช้มือทำร้ายผู้เสียหายและบาดแผลที่ผู้เสียหายได้รับเพียงแต่ช้ำบวมที่หัวคิ้วขวาเท่านั้นไม่มีโลหิตออก ทั้งการที่แพทย์ลงความเห็นว่าบาดแผลจะหายภายใน 10 วัน นั้น ก็เป็นแต่การคาดคะเน บาดแผลดังกล่าวอาจจะหายภายในเวลาไม่ถึง 10 วันก็ได้ พิเคราะห์ถึงการกระทำของจำเลยและบาดแผลที่ผู้เสียหายได้รับประกอบด้วย แสดงว่าจำเลย คงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 663/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาประมาทเลินเล่อจากการใช้อาวุธปืน ศาลฎีกาแก้ไขโทษจากพยายามฆ่าเป็นทำร้ายร่างกายโดยประมาท
ศาลอุทธรณ์ พิพากษาลงโทษจำเลยในข้อหาพยายามฆ่า และข้อหาตามพระราชบัญญัติ อาวุธปืนฯ โดยเพียงแก้ไขระบุวรรคสำหรับความผิดตาม พระราชบัญญัติ อาวุธปืนฯ ถือว่าเป็นการแก้ไขเล็กน้อยและลงโทษจำคุกจำเลยแต่ละกระทงไม่เกินห้าปี คดีจึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 วรรคหนึ่ง แม้ปัญหาตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยพยายามฆ่าผู้เสียหายตามคำฟ้องหรือไม่ จะเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งต้องห้ามมิให้ฎีกาก็ตาม แต่ถ้าศาลฎีกาเห็นว่าพยานหลักฐานในสำนวนฟังไม่ได้ว่าจำเลยพยายามฆ่าผู้เสียหาย ซึ่งมีผลให้การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิด ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจหยิบยกปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามฎีกานั้นขึ้นวินิจฉัย และพิพากษายกฟ้องได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185 ประกอบด้วยมาตรา 215 และ 225 โจทก์ฟ้องว่าจำเลยพยายามฆ่าผู้เสียหาย ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสศาลลงโทษจำเลยตามที่พิจารณาได้ความได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 658/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยใช้อาวุธปืนข่มขู่ ผู้เสียหายตกจากบ้านบาดเจ็บ ถือเป็นผลจากการกระทำของจำเลย
จำเลยจะใช้อาวุธปืนจะยิงผู้เสียหาย ผู้เสียหายกระโดดจากบ้านล้มลงมีบาดแผล ถือเป็นผลสืบเนื่องจากการกระทำของจำเลย จำเลยจึงมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายและจิตใจ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4969/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย: การพิจารณาเจตนาและเหตุแห่งการกระทำ
ผู้ตายบอกแก่ภรรยาว่าถูกจำเลยใช้มีดพร้าตีที่ศีรษะ ขณะนั้นยังมีสติและพูดคุยกับภรรยาได้ประมาณ 2-3 นาที ผู้ตายจึงบอกให้ภรรยานำผู้ตายส่งโรงพยาบาล เนื่องจากผู้ตายคงรู้อาการของตัวเองว่าหนักมากต้องการที่จะไปพบแพทย์เพื่อให้ช่วยเหลือ แสดงว่าผู้ตายคงรู้ตัวว่าอาการของตนน่าจะถึงแก่ความตายได้ ถ้อยคำของผู้ตายที่บอกแก่ภรรยาจึงรับฟังได้ จำเลยใช้มีดพร้าตีศีรษะผู้ตายเพียงครั้งเดียวโดยแรง เนื่องจากโกรธที่ผู้ตายหาบหญ้ามาโดนศีรษะเมื่อปรากฏว่าจำเลยใช้สันมีดพร้าตีแสดงว่าจำเลยมีเจตนาเพียงทำร้ายร่างกายผู้ตายเท่านั้น แต่เมื่อผู้ตายถึงแก่ความตาย จำเลยจึงมีความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา290 วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 487/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานทำร้ายร่างกายสาหัสจากการเข้าใจผิด ศาลฎีกาตัดสินว่าไม่มีเจตนาฆ่า
จำเลยใช้มีดฟันผู้เสียหายโดยสำคัญผิดว่า ผู้เสียหายเป็นค. ซึ่งมีเหตุวิวาทกันมาก่อน จำเลยจึงถือเอาความสำคัญผิดขึ้นมาเป็นข้อแก้ตัวให้พ้นผิดหาได้ไม่ ต้องถือว่าจำเลยมีเจตนากระทำต่อ ค. เช่นใดก็ต้องรับผิดในผลของการกระทำที่เกิดขึ้นแก่ผู้เสียหายเช่นนั้น จำเลยมึนเมาสุราและโมโหจากเหตุการณ์ที่ถูก ค. ทำร้ายจึงหาไม้ดักทำร้าย ค. แต่พบมีดโต้เสียก่อน จึงหยิบฉวยเอาตามอารมณ์โกรธในขณะนั้นโดยมิได้ตระเตรียมไว้ล่วงหน้า เมื่อพบผู้เสียหาย และ ค. ก็เงื้อมีดขึ้นฟันผู้เสียหายลงไปตรง ๆ มิได้เจาะจงตำแหน่งที่จะฟัน เป็นการฟันเพียงครั้งเดียว พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่า จำเลยมีเจตนาทำร้ายเท่านั้น หามีเจตนาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนไม่ ที่ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บง่ามมือซ้ายฉีกเกือบขาด อาจเป็นเพราะร่างกายส่วนนั้นไม่มีส่วนแข็งหรือกระดูกป้องกันคมมีดได้ จำเลยต้องรับผิดเพียงฐานทำร้ายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส
of 184