พบผลลัพธ์ทั้งหมด 869 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 959/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพยายามฆ่าโดยไม่มีเจตนาไตร่ตรอง และความผิดฐานพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต
ผู้เสียหายกับจำเลยทั้งสองไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกัน และไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายมีเรื่องขัดแย้งกับผู้อื่นอย่างร้ายแรงอันจะทำให้เห็นได้ว่าจำเลยทั้งสองถูกจ้างวานมาฆ่าผู้เสียหายดังนี้ การที่จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายที่ใต้ถุนบ้านของผู้เสียหายโดยไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองได้วางแผนมาก่อนหรือมาซุ่มรอเพื่อจะดักฆ่าผู้เสียหายนั้น จะถือว่าเป็นการกระทำโดยไตร่ตรองไว้ก่อนยังไม่ถนัด เพราะจำเลยทั้งสองอาจคิดฆ่าผู้เสียหายในขณะเดินผ่านที่เกิดเหตุก็เป็นได้ คดีไม่ได้ความว่าจำเลยทั้งสองไม่เคยได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองตามกฎหมาย คงได้ความเพียงว่าจำเลยทั้งสองไม่เคยได้รับใบอนุญาตให้พกพาอาวุธปืนเท่านั้น เมื่อไม่ได้อาวุธปืนมาเป็นของกลางจะฟังว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดฐานมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตหาได้ไม่แต่เมื่อจำเลยที่ 1เป็นผู้ใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายแล้วพาอาวุธปืนนั้นไป จำเลยที่ 1 จึงต้องมีความผิดฐานพาอาวุธปืนไปในหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนจำเลยที่ 2 เมื่อข้อเท็จจริงไม่ได้ความว่ามีส่วนร่วมในการพาอาวุธปืน จึงไม่มีความผิดในฐานนี้ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 768/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดพยายามฆ่าหลังวิวาทและการไม่สามารถลดโทษเนื่องจากอายุเกินเกณฑ์
จำเลยหัวเราะ เมื่อผู้เสียหายสอบถามจำเลย จำเลยก็ไม่ตอบผู้เสียหายพูดว่าจะเตะ จำเลยว่าจะเตะก็ลองดู ผู้เสียหายจึงต่อยจำเลยแล้วเกิดต่อสู้กันขึ้น แสดงว่าจำเลยและผู้เสียหายสมัครใจเข้าวิวาททำร้ายกันและกัน เมื่อจำเลยสู้ไม่ได้จึงกลับบ้านนำอาวุธปืนมายิงผู้เสียหายหลังเกิดเหตุแล้วประมาณ 15 นาที การที่จำเลยยิงผู้เสียหายจึงไม่เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ จำเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น เมื่อปรากฏว่าขณะกระทำความผิดจำเลยอายุเกิน 17 ปีแล้วการที่ศาลชั้นต้นลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 75 ย่อมไม่ถูกต้อง สมควรแก้ไขให้ถูกต้องโดยปรับบทลดมาตราส่วนโทษตามมาตรา 76
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 768/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพยายามฆ่าหลังวิวาทและการลดโทษตามอายุ: ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการยิงหลังเหตุการณ์ผ่านไป 15 นาที ไม่ถือเป็นบันดาลโทสะ
จำเลยหัวเราะ เมื่อผู้เสียหายสอบถามจำเลย จำเลยก็ไม่ตอบผู้เสียหายพูดว่าจะเตะ จำเลยว่าจะเตะก็ลองดู ผู้เสียหายจึงต่อยจำเลยแล้วเกิดต่อสู้กันขึ้น แสดงว่าจำเลยและผู้เสียหายสมัครใจเข้าวิวาททำร้ายกันและกัน เมื่อจำเลยสู้ไม่ได้จึงกลับบ้านนำอาวุธปืนมายิงผู้เสียหายหลังเกิดเหตุแล้วประมาณ 15นาทีการที่จำเลยยิงผู้เสียหายจึงไม่เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ จำเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น
เมื่อปรากฏว่าขณะกระทำความผิดจำเลยอายุเกิน 17 ปีแล้วการที่ศาลชั้นต้นลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา75 ย่อมไม่ถูกต้อง สมควรแก้ไขให้ถูกต้องโดยปรับบทลดมาตราส่วนโทษตามมาตรา 76.
เมื่อปรากฏว่าขณะกระทำความผิดจำเลยอายุเกิน 17 ปีแล้วการที่ศาลชั้นต้นลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา75 ย่อมไม่ถูกต้อง สมควรแก้ไขให้ถูกต้องโดยปรับบทลดมาตราส่วนโทษตามมาตรา 76.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 643/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สมคบคิดพยายามฆ่า: พฤติการณ์ส่งปืนร่วมกับหลบหนีแสดงเจตนา
จำเลยกับ ส. ไปด้วยกันที่บ้านเกิดเหตุ เมื่อถึงโต๊ะที่ผู้เสียหายทั้งสองนั่งดื่มเบียร์ จำเลยส่งปืนให้ ส.ส.ขึ้นลำปืนแล้วยิงผู้เสียหายทันที จำเลยกับ ส. หลบหนีไปด้วยกัน พฤติการณ์แสดงว่าจำเลยกับ ส. สมคบกันยิงผู้เสียหายจำเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น
การที่จะยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยตาม ป.วิ.อ.มาตรา 227 นั้น ต้องเป็นเรื่องที่มีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยได้กระทำผิดหรือไม่ เมื่อพยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบฟังได้โดยปราศจากสงสัยว่าจำเลยกระทำผิดจริงดังฟ้องจำเลยจึงต้องรับโทษตามกฎหมาย.(ที่มา-ส่งเสริม)
การที่จะยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยตาม ป.วิ.อ.มาตรา 227 นั้น ต้องเป็นเรื่องที่มีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยได้กระทำผิดหรือไม่ เมื่อพยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบฟังได้โดยปราศจากสงสัยว่าจำเลยกระทำผิดจริงดังฟ้องจำเลยจึงต้องรับโทษตามกฎหมาย.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5973/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการทำร้ายด้วยอาวุธอันตราย ศาลพิพากษายืนความผิดฐานพยายามฆ่า
จำเลยใช้ไม่ไผ่กลมตันมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 3 เซนติเมตร ยาว 1 เมตร ตีผู้เสียหายถึง 10 ครั้ง ผู้เสียหายถูกตีที่ศีรษะด้านซ้ายอันเป็นอวัยวะสำคัญของร่างกายจนกะโหลกศีรษะด้านหลังร้าว สมองกระทบกระเทือน สลบไปนานประมาณ 5 ชั่วโมง แสดงว่าจำเลยตีโดยแรงประกอบกับขณะที่ตีผู้เสียหายจำเลยพูดว่าถ้าตีไม่ตายจะยิงซ้ำให้ตาย และหลังจากผู้เสียหายสลบ จำเลยยังถือไม้ไผ่เข้าไปและพูดว่าจะตีให้ตายอีกหลายครั้ง แต่มีคนห้ามไว้แสดงว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5963/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงฐานความผิดจากพยายามฆ่าเป็นสนับสนุนการกระทำความผิด
ฟ้องว่าจำเลยกับพวกร่วมกันพยายามฆ่าผู้เสียหาย ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยเป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิด ดังนี้จะลงโทษจำเลยฐานร่วมกันพยายามฆ่าไม่ได้เพราะข้อเท็จจริงในทางพิจารณาแตกต่างกับฟ้อง แต่ลงโทษฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดได้เพราะการใช้เป็นการยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นกระทำความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5354/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่า: การประเมินจากพฤติการณ์, อาวุธ, และบาดแผล เพื่อตัดสินความผิดฐานพยายามฆ่า
จำเลยใช้ไม้แปรรูปหน้า 3 นิ้ว กว้าง 1 นิ้ว ยาว 1 เมตรเศษตีทำร้ายโจทก์ร่วมขณะที่โจทก์ร่วมกำลังขับขี่รถจักรยานยนต์โจทก์ร่วมเอี้ยวตัวหลบทันไม้ของกลางถูกโจทก์ร่วมที่นิ้วก้อยขวากระดูกนิ้วก้อยหักและถูกกระจกไฟเลี้ยวขวาของรถจักรยานยนต์แตก บาดแผลของโจทก์ร่วมแพทย์ให้ความเห็นว่าสมควรพักรักษาตัวที่บ้าน 3อาทิตย์ ดังนี้การที่จำเลยใช้ไม้ตีโจทก์ร่วมเพียงทีเดียวโดยตีในระดับหน้าอก ไม้ที่ใช้ตีก็มิใช่อาวุธที่ร้ายแรง บาดแผลก็ไม่ร้ายแรงสาเหตุระหว่างโจทก์ร่วมกับจำเลยก็มิใช่สาเหตุร้ายแรงถึงกับจะต้องฆ่า จึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าโจทก์ร่วม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4920/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลดโทษจากพยายามฆ่าโดยมีเหตุบรรเทาโทษ และการคำนวณโทษจำคุกตามมาตราต่างๆ ของประมวลกฎหมายอาญา
ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(2) ต้องระวางโทษประหารชีวิต เมื่อเป็นการพยายามกระทำความผิดซึ่งต้องระวางโทษสองในสามส่วน เท่ากับลดมาตราส่วนโทษลงหนึ่งในสาม จึงลดเป็นโทษจำคุกตลอดชีวิตตามมาตรา 52(2) มีเหตุบรรเทาโทษตามมาตรา 78 ลดโทษที่จะลงอีกหนึ่งในสาม ต้องเปลี่ยนโทษจำคุก 50 ปีตามมาตรา 53 คำนวณแล้วคงจำคุก 33 ปี 4 เดือน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4444/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสนับสนุนการกระทำความผิดฐานพยายามฆ่า: การส่งปืนให้ผู้อื่นยิงเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวก
ส. ชกหน้าผู้เสียหาย 1 ที ผู้เสียหายล้มลงแล้วลุกขึ้นยืนในระหว่างนั้นจำเลยส่งปืนสั้นให้แก่ ส. ส.ใช้ปืนกระบอกนั้นยิงผู้เสียหาย 1 นัด กระสุนปืนถูกที่แขนขวาเป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กาย แม้จำเลยจะอยู่ด้วยในที่เกิดเหตุก็ตาม แต่ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ร้องบอกหรือสั่งให้ ส. ยิงผู้เสียหายหรือมีส่วนเกี่ยวข้องร่วมมือกับการกระทำของ ส. แต่อย่างใด การที่ ส. จะยิงผู้เสียหายหรือไม่อยู่ที่การตัดสินใจของ ส. เอง การกระทำของจำเลยเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่ ส. ในการกระทำความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย จำเลยจึงเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4444/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสนับสนุนการกระทำความผิดฐานพยายามฆ่า: การส่งปืนให้ผู้กระทำความผิด
ส.ชกหน้าผู้เสียหาย 1 ที ผู้เสียหายล้มลงแล้วลุกขึ้นยืนในระหว่างนั้นจำเลยส่งปืนสั้นให้แก่ ส.ส. ใช้ปืนกระบอกนั้นยิงผู้เสียหาย 1 นัด กระสุนปืนถูกที่แขนขวาเป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กาย แม้จำเลยจะอยู่ด้วยในที่เกิดเหตุก็ตามแต่ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ร้องบอกหรือสั่งให้ ส. ยิงผู้เสียหายหรือมีส่วนเกี่ยวข้องร่วมมือกับการกระทำของ ส. แต่อย่างใดการที่ ส.จะยิงผู้เสียหายหรือไม่อยู่ที่การตัดสินใจของส. เองการกระทำของจำเลยเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่ ส.ในการกระทำความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย จำเลยจึงเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิด