พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,786 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9503/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนทรัพย์สินหลังทำพินัยกรรมไม่สมบูรณ์ ไม่ทำให้พินัยกรรมเป็นโมฆะ ทรัพย์สินยังตกเป็นมรดก
ตาม ป.พ.พ.มาตรา 1673 และมาตรา 1696 วรรคหนึ่งการโอนไปโดยสมบูรณ์ซึ่งทรัพย์สินอันเป็นวัตถุแห่งข้อกำหนดพินัยกรรมอันจะทำให้ข้อกำหนดพินัยกรรมนั้นเป็นอันเพิกถอนไป หมายถึงการโอนทรัพย์สินที่ยังมีผลอยู่ในขณะที่ผู้ทำพินัยกรรมตาย
หลังจาก ฟ.ทำพินัยกรรมฉบับลงวันที่ 1 กันยายน 2520 ยกที่ดินพิพาทตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เลขที่ 182 ให้แก่ น. และเลขที่ 206ให้แก่ น.กับโจทก์แล้ว แม้ต่อมา ฟ.ได้จดทะเบียนยกที่ดินพิพาททั้งสองแปลงให้แก่ น.โดยเสน่หา และหลังจากนั้น ฟ.ก็ได้ฟ้องขอถอนคืนการให้และขอให้เพิกถอนการโอนที่ดินพิพาท คดีถึงที่สุดโดยศาลพิพากษาให้ที่ดินพิพาททั้งสองแปลงกลับคืนมาเป็นของ ฟ.กรณีก็ถือไม่ได้ว่า ฟ.ได้โอนไปโดยสมบูรณ์ซึ่งทรัพย์สินอันเป็นวัตถุแห่งข้อกำหนดพินัยกรรมตามพินัยกรรมฉบับลงวันที่ 1 กันยายน 2520 ข้อกำหนดพินัยกรรมนั้นจึงหาเป็นอันเพิกถอนไปไม่ เมื่อ ฟ.ถึงแก่กรรม ที่ดินพิพาทตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่182 จึงเป็นทรัพย์มรดกของ ฟ.ตกได้แก่ น. และที่ดินพิพาทตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เลขที่ 206 เป็นทรัพย์มรดกของ ฟ.ตกได้แก่ น.กับโจทก์ตามพินัยกรรมดังกล่าวข้างต้น
โจทก์เป็นผู้รับพินัยกรรมของ ฟ.ในที่ดินพิพาทตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เลขที่ 206 จำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกของ น.ย่อมมีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องแบ่งมรดกของ น.แก่โจทก์ เมื่อโจทก์แจ้งให้จำเลยไปจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทแก่โจทก์แล้ว แต่จำเลยเพิกเฉย โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องบังคับให้จำเลยจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เลขที่ 206 แก่โจทก์ได้
หลังจาก ฟ.ทำพินัยกรรมฉบับลงวันที่ 1 กันยายน 2520 ยกที่ดินพิพาทตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เลขที่ 182 ให้แก่ น. และเลขที่ 206ให้แก่ น.กับโจทก์แล้ว แม้ต่อมา ฟ.ได้จดทะเบียนยกที่ดินพิพาททั้งสองแปลงให้แก่ น.โดยเสน่หา และหลังจากนั้น ฟ.ก็ได้ฟ้องขอถอนคืนการให้และขอให้เพิกถอนการโอนที่ดินพิพาท คดีถึงที่สุดโดยศาลพิพากษาให้ที่ดินพิพาททั้งสองแปลงกลับคืนมาเป็นของ ฟ.กรณีก็ถือไม่ได้ว่า ฟ.ได้โอนไปโดยสมบูรณ์ซึ่งทรัพย์สินอันเป็นวัตถุแห่งข้อกำหนดพินัยกรรมตามพินัยกรรมฉบับลงวันที่ 1 กันยายน 2520 ข้อกำหนดพินัยกรรมนั้นจึงหาเป็นอันเพิกถอนไปไม่ เมื่อ ฟ.ถึงแก่กรรม ที่ดินพิพาทตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่182 จึงเป็นทรัพย์มรดกของ ฟ.ตกได้แก่ น. และที่ดินพิพาทตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เลขที่ 206 เป็นทรัพย์มรดกของ ฟ.ตกได้แก่ น.กับโจทก์ตามพินัยกรรมดังกล่าวข้างต้น
โจทก์เป็นผู้รับพินัยกรรมของ ฟ.ในที่ดินพิพาทตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เลขที่ 206 จำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกของ น.ย่อมมีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องแบ่งมรดกของ น.แก่โจทก์ เมื่อโจทก์แจ้งให้จำเลยไปจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทแก่โจทก์แล้ว แต่จำเลยเพิกเฉย โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องบังคับให้จำเลยจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เลขที่ 206 แก่โจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7256/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนนิติกรรมโอนมรดกเกินอำนาจของผู้จัดการมรดก เจ้าของมรดกมีสิทธิเรียกคืน
เมื่อผู้ตายถึงแก่กรรม มรดกย่อมตกทอดมาเป็นของโจทก์ซึ่งเป็นทายาททันที โจทก์จึงเป็นเจ้าของรวมในที่ดินพิพาท การที่จำเลยที่ 1 โอนทรัพย์มรดกให้แก่จำเลยที่ 2 ซึ่งไม่ใช่ทายาท ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ในฐานะผู้จัดการมรดกได้จัดการมรดกทำให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ซึ่งเป็นทายาทคนหนึ่งเป็นการเกินขอบอำนาจในฐานะผู้จัดการมรดก โจทก์ในฐานะเจ้าของรวมในที่ดินพิพาทย่อมมีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมดังกล่าวได้ เพราะเป็นกรณีที่เจ้าของทรัพย์สินใช้สิทธิติดตามเอาคืนซึ่งทรัพย์สินจากบุคคลอื่นตาม ป.พ.พ.มาตรา 1336 ซึ่งไม่มีกำหนดอายุความ กรณีไม่อยู่ในบังคับของมาตรา 164 เดิม คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนมรดกที่ดินพิพาททั้งสามแปลงระหว่างจำเลยที่ 1กับจำเลยที่ 2
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7256/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนนิติกรรมโอนมรดกที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยอ้างสิทธิในการติดตามเอาคืนทรัพย์สิน
เมื่อผู้ตายถึงแก่กรรมมรดกย่อมตกทอดมาเป็นของโจทก์ซึ่งเป็นทายาททันทีโจทก์จึงเป็นเจ้าของรวมในที่ดินพิพาทการที่จำเลยที่1โอนทรัพย์มรดกให้แก่จำเลยที่2ซึ่งไม่ใช่ทายาทถือได้ว่าจำเลยที่1ในฐานะผู้จัดการมรดกได้จัดการมรดกทำให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ซึ่งเป็นทายาทคนหนึ่งเป็นการเกินขอบอำนาจในฐานะผู้จัดการมรดกโจทก์ในฐานะเจ้าของรวมในที่ดินพิพาทย่อมมีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมดังกล่าวได้เพราะเป็นกรณีที่เจ้าของทรัพย์สินใช้สิทธิติดตามเอาคืนซึ่งทรัพย์สินจากบุคคลอื่นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1336ซึ่งไม่มีกำหนดอายุความกรณีไม่อยู่ในบังคับของมาตรา164เดิมคดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนมรดกที่ดินพิพาททั้งแปลงระหว่างจำเลยที่1กับจำเลยที่2
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6778/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในทรัพย์สินของบริษัทจำกัดหลังมรดก: ผู้รับมรดกไม่มีสิทธิพิเศษในทรัพย์สินของบริษัท
แม้ อ. บิดาผู้ร้องจะเคยเป็นกรรมการผู้มีอำนาจทำการแทนจำเลยและมีหุ้นอยู่ในบริษัทจำเลยซึ่งผู้ร้องจะมีสิทธิรับมรดกของ อ.ก็ตาม แต่จำเลยก็เป็นนิติบุคคลซึ่งมีสิทธิและหน้าที่เช่นเดียวกับบุคคลธรรมดาแยกต่างหากจากผู้ถือหุ้นการรับมรดกของ อ.ในหุ้นบริษัทจำเลยของผู้ร้องจึงหาก่อให้เกิดสิทธิแก่ผู้ร้องจะอยู่ในที่ดินและตึกแถวพิพาทซึ่งเป็นทรัพย์สินของจำเลยไม่ เมื่อผู้ร้องเข้ามาอาศัยอยู่ในที่ดินและตึกแถวพิพาทก็โดยอาศัยสิทธิของ อ.ซึ่งเคยเป็นกรรมการผู้มีอำนาจทำการแทนจำเลย ผู้ร้องจึงเป็นบริวารของจำเลยและไม่มีอำนาจพิเศษที่จะอยู่ในที่ดินและตึกแถวพิพาทต่อไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6778/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการครอบครองทรัพย์สินของนิติบุคคลแยกจากผู้ถือหุ้น แม้รับมรดกหุ้นเดิม
แม้อ. บิดาผู้ร้องจะเคยเป็นกรรมการผู้มีอำนาจทำการแทนจำเลยและมีหุ้นอยู่ในบริษัทจำเลยซึ่งผู้ร้องจะมีสิทธิรับมรดกของอ. ก็ตามแต่จำเลยก็เป็นนิติบุคคลซึ่งมีสิทธิและหน้าที่เช่นเดียวกับบุคคลธรรมดาแยกต่างหากจากผู้ถือหุ้นการรับมรดกของอ. ในหุ้นบริษัทจำเลยของผู้ร้องจึงหาก่อให้เกิดสิทธิแก่ผู้ร้องจะอยู่ในที่ดินและตึกแถวพิพาทซึ่งเป็นทรัพย์สินของจำเลยไม่ เมื่อผู้ร้องเข้ามาอาศัยอยู่ในที่ดินและตึกแถวพิพาทก็โดยอาศัยสิทธิของอ. ซึ่งเคยเป็นกรรมการผู้มีอำนาจทำการแทนจำเลยผู้ร้องจึงเป็นบริวารของจำเลยและไม่มีอำนาจพิเศษที่จะอยู่ในที่ดินและตึกแถวพิพาทต่อไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6595/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจผู้จัดการมรดกในการขายทรัพย์มรดกและการแบ่งปันผลประโยชน์
จำเลยที่ 1 เป็นทายาทและเป็นมารดาผู้แทนโดยชอบธรรมของว. ท. และ ส. ทายาทซึ่งเป็นผู้เยาว์ และจำเลยที่ 1 ยังเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายด้วย ก่อนจำเลยที่ 1 จะขายที่ดินพิพาท จำเลยที่ 1 ได้เรียกประชุมทายาทโดยมีจำเลยที่ 1 ในฐานะผู้จัดการมรดกและในฐานะผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้เยาว์ทั้ง3 คน และมีทายาทอื่นรวมทั้ง ห. ผู้แทนของโจทก์ร่วมประชุมด้วย ที่ประชุมมีมติเอกฉันท์ ให้ผู้จัดการมรดกดำเนินการนำที่ดินพิพาทจัดการหาผลประโยชน์เข้ามากองมรดกต่อไป หลังจากมีการขายที่ดินพิพาทแล้ว จำเลยที่ 1 ก็ได้แบ่งปันเงินที่ได้ให้แก่ทายาทตามส่วน ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ขายที่ดินพิพาทไปในขอบเขตอำนาจของจำเลยที่ 1 ในฐานะผู้จัดการมรดก ไม่ใช่ในฐานะผู้แทนโดยชอบธรรมของบุตรผู้เยาว์แต่เป็นเรื่องผู้จัดการมรดกขายทรัพย์มรดกซึ่งจะนำ ป.พ.พ. มาตรา 1574 มาใช้บังคับไม่ได้ นิติกรรมซื้อขายที่ดินพิพาทไม่เป็นโมฆะ
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ยังไม่ได้โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทกลับมาเป็นชื่อของจำเลยที่ 1 ในฐานะผู้จัดการมรดกถือกรรมสิทธิ์ในโฉนด ตามสัญญาประนี-ประนอมยอมความและคำพิพากษาตามยอม แต่คำพิพากษานั้นย่อมผูกพันคู่ความในคดีเมื่อจำเลยที่ 1 และที่ 2 ยอมโอนที่ดินพิพาทกลับมาเป็นทรัพย์มรดก แม้จะยังไม่ได้โอนใส่ชื่อจำเลยที่ 1 ในฐานะผู้จัดการมรดกถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดนั้นก็ตามก็ถือได้ว่าที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์มรดกตกอยู่ในอำนาจหน้าที่ของผู้จัดการมรดกที่จะต้องจัดการแบ่งปันแก่ทายาทด้วย ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1719 โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากทายาทจำเลยที่ 1 มีอำนาจโอนขายที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยที่ 3
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ยังไม่ได้โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทกลับมาเป็นชื่อของจำเลยที่ 1 ในฐานะผู้จัดการมรดกถือกรรมสิทธิ์ในโฉนด ตามสัญญาประนี-ประนอมยอมความและคำพิพากษาตามยอม แต่คำพิพากษานั้นย่อมผูกพันคู่ความในคดีเมื่อจำเลยที่ 1 และที่ 2 ยอมโอนที่ดินพิพาทกลับมาเป็นทรัพย์มรดก แม้จะยังไม่ได้โอนใส่ชื่อจำเลยที่ 1 ในฐานะผู้จัดการมรดกถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดนั้นก็ตามก็ถือได้ว่าที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์มรดกตกอยู่ในอำนาจหน้าที่ของผู้จัดการมรดกที่จะต้องจัดการแบ่งปันแก่ทายาทด้วย ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1719 โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากทายาทจำเลยที่ 1 มีอำนาจโอนขายที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยที่ 3
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6360/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประเด็นการตั้งผู้จัดการมรดก: ข้อพิพาทเรื่องทรัพย์สินว่าเป็นมรดกหรือไม่ เป็นเรื่องนอกประเด็นในชั้นร้องขอ
ประเด็นแห่งคดีในคดีร้องขอให้ตั้งผู้จัดการมรดกมีเพียงว่าสมควรตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกหรือไม่เท่านั้นฉะนั้นการที่ผู้คัดค้านอ้างว่าทรัพย์ตามคำร้องขอเป็นที่สาธารณประโยชน์ไม่ใช่ทรัพย์ของผู้ตายจึงเป็นเรื่องพิพาทกันเกี่ยวกับตัวทรัพย์ว่าเป็นมรดกหรือไม่ซึ่งไม่มีประเด็นในชั้นร้องขอจัดการมรดกจึงเป็นเรื่องนอกเหนือจากคำขอและนอกประเด็นชอบที่ผู้คัดค้านจะไปดำเนินคดีเป็นส่วนหนึ่งต่างหาก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6360/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประเด็นมรดก: การพิพาทเรื่องทรัพย์สินเป็นมรดกหรือไม่ เป็นเรื่องนอกเหนือจากคำขอตั้งผู้จัดการมรดก
ในคดีร้องขอให้ตั้งผู้จัดการมรดกประเด็นแห่งคดีมีว่าสมควรตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกหรือไม่เท่านั้นที่ผู้คัดค้านอ้างว่าทรัพย์ตามคำร้องขอเป็นที่สาธารณประโยชน์ไม่ใช่ทรัพย์ของผู้ตายจึงเป็นเรื่องที่พิพาทกันเกี่ยวกับตัวทรัพย์ว่าเป็นมรดกหรือไม่ซึ่งไม่มีประเด็นในชั้นร้องขอจัดการมรดกข้อโต้แย้งดังกล่าวเป็นเรื่องนอกเหนือจากคำขอและนอกประเด็นชอบที่ผู้คัดค้านจะไปดำเนินคดีเป็นส่วนหนึ่งต่างหากจากคดีนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6214/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์ vs. การจัดการมรดก: สิทธิในทรัพย์มรดกและการฟ้องเพิกถอนนิติกรรม
จำเลยทั้งสองมิได้ให้การต่อสู้ในเรื่องการครอบครองปรปักษ์การที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่าที่พิพาทตกเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่1โดยการครอบครองตามกฎหมายจึงแตกต่างไปจากที่เคยให้การต่อสู้คดีไว้ไม่มีประเด็นและมิใช่เป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์จึงต้องห้ามฎีกา เมื่อข. ตายที่พิพาทของข. ย่อมเป็นมรดกตกทอดเป็นของทายาทซึ่งรวมทั้งโจทก์ทั้งสองและจำเลยที่1อย่างเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมกันการที่ศาลมีคำสั่งตั้งให้จำเลยที่1เป็นผู้จัดการมรดกตามที่ได้ยื่นคำร้องขอจัดการมรดกที่พิพาทแสดงว่าจำเลยที่1ยอมรับว่าที่พิพาทเป็นทรัพย์มรดกถือว่าจำเลยที่1ครอบครองที่พิพาทแทนทายาทอื่นและเป็นตัวแทนของบรรดาทายาทเหล่านั้นในการแบ่งปันมรดกการที่จำเลยที่1ไปรับโอนมรดกที่พิพาทแล้วโอนให้ตนเองในฐานะส่วนตัวและจำเลยที่2จึงมิใช่การแบ่งปันมรดกตามหน้าที่ของผู้จัดการมรดกโดยสุจริตเมื่อโจทก์ทั้งสองฟ้องให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนดังกล่าวจึงเป็นการฟ้องเรียกทรัพย์มรดกจากผู้จัดการมรดกและจากบุคคลผู้ไม่มีสิทธิจะยึดถือไว้จะนำอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1754วรรคหนึ่งมาใช้บังคับไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6048/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการเช่าพื้นที่ค้าเป็นสิทธิเฉพาะตัว ไม่เป็นมรดก ผู้จัดการมรดกไม่มีอำนาจจัดการ
ป. ทำสัญญากับจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 1 ยินยอมให้ป. เข้าทำการค้าในสถานที่หรือแผงขายสินค้าด้วยตนเองจะนำไปให้บุคคลอื่นทำการค้าหรือโอนสิทธิให้บุคคลอื่นไม่ได้เว้นแต่จะได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากจำเลยที่ 1ก่อน สิทธิอันเกิดจากสัญญาดังกล่าวจึงเป็นสิทธิเฉพาะตัวของป. ไม่เป็นทรัพย์ในกองมรดกของ ป. ที่ผู้จัดการมรดกจะจัดการได้