คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
รื้อถอน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 396 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 344/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าซื้อบ้านและผลของการผิดสัญญา โดยการไม่รื้อถอนบ้านตามกำหนด ทำให้สิทธิเรียกร้องค่ารื้อถอนสิ้นสุดลง
ผู้เช่าที่ดินปลูกบ้านอยู่อาศัยทำสัญญากับผู้ให้เช่าว่าจะรื้อถอนบ้านออกไปจากที่ดินภายในเวลาที่กำหนด และผู้ให้เช่าตกลงจะให้เงินค่ารื้อถอน แต่ผู้เช่าผิดสัญญาขายบ้านให้ผู้ซื้อรื้อไปหลังจากพ้นกำหนดแล้ว ตามสัญญาระบุว่าหากผู้เช่าไม่รื้อบ้านออกจากที่เช่าไปให้เสร็จสิ้นตามกำหนด ผู้เช่ายอมเลิกสละสิทธิการเช่าที่ดินและให้บ้านของผู้เช่าตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ให้เช่าตามสัญญาแล้วผู้เช่าย่อมหมดสิทธิที่จะรื้อถอนบ้านออกไปและเรียกค่ารื้อถอนจากผู้ให้เช่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1089/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองที่ดินสาธารณสมบัติโดยไม่สุจริต โจทก์มีสิทธิขับไล่และรื้อถอนได้
จำเลยสร้างโรงเรือนลงในที่ดินราชพัสดุอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินโดยไม่มีสิทธิถึงหากจะเป็นการสร้างโดยสุจริต กรณีก็ไม่ต้องด้วยมาตรา 1310 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์จะนำมาตราดังกล่าวมาใช้บังคับหาได้ไม่ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1159/2511)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1898/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลของการบอกเลิกสัญญาต่อการฟ้องขอให้บังคับตามสัญญาเดิม ศาลไม่ถือว่าสัญญาสิ้นสุดและไม่อาจบังคับให้รื้อถอนได้
ในคดีก่อน ศาลเพียงแต่ตรวจดูคำฟ้องแล้ววินิจฉัยในทำนองว่าเมื่อตามคำฟ้องมีความหมายเท่ากับโจทก์กล่าวไว้เองว่า โจทก์จำเลยไม่มีสัญญาต่อกันแล้ว ถ้าเป็นความจริงดังที่โจทก์กล่าวอ้างก็ไม่มีสัญญาอะไรที่โจทก์จะนำมาฟ้องขอให้ศาลสั่งเป็นโมฆะได้อีกส่วนที่โจทก์ขอให้จำเลยรื้อถอนเสาออกไปจากที่ของโจทก์นั้น ตามคำฟ้องก็ไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้เคยบอกกล่าวให้จำเลยรื้อถอนและจำเลยขัดขืน จึงยังถือไม่ได้ว่าโจทก์ถูกโต้แย้งสิทธิ อันจะเป็นเหตุให้ศาลบังคับจำเลยได้ แล้วพิพากษายกฟ้องคำพิพากษา ดังนี้ ไม่อาจถือได้ว่าศาลได้ฟังว่าสัญญาระหว่างโจทก์จำเลยเลิกกันแล้ว ต่อมาโจทก์แจ้งให้จำเลยรื้อถอนเสา แล้วมาฟ้องเป็นคดีใหม่ ขอให้บังคับให้จำเลยรื้อถอนเสาออกจากที่ของโจทก์ โดยอาศัยผลแห่งคำพิพากษาในคดีก่อน ดังนี้ หาบังคับได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1485/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างตามคำสั่งศาลไม่เป็นความผิดอาญา แม้ถูกยึดตามคำพิพากษาอื่น
ศาลออกคำบังคับให้จำเลยรื้อบ้านของจำเลยออกไปจากที่ดินของโจทก์ปรากฏว่าบ้านนี้ถูกเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในอีกคดีหนึ่งนำยึดไว้เพื่อขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ แม้กระนั้นจำเลยก็ต้องรื้อบ้านไปตามคำบังคับ การรื้อบ้านตามคำสั่งศาลเช่นนี้ไม่เป็นความผิดทางอาญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1485/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างตามคำบังคับศาล ไม่ถือเป็นความผิดอาญา แม้ถูกยึดตามคำพิพากษาอื่น
ศาลออกคำบังคับให้จำเลยรื้อบ้านของจำเลยออกไปจากที่ดินของโจทก์ปรากฏว่าบ้านนี้ถูกเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในอีกคดีหนึ่งนำยึดไว้เพื่อขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ แม้กระนั้นจำเลยก็ต้องรื้อบ้านไปตามคำบังคับ การรื้อบ้านตามคำสั่งศาลเช่นนี้ ไม่เป็นความผิดทางอาญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 116/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเหนือพื้นดินไม่บริบูรณ์เมื่อไม่จดทะเบียน การรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างในที่ดินของผู้อื่นต้องใช้สิทธิทางศาล
โจทก์ก่อสร้างตึกเต็มเนื้อที่ดินของโจทก์ แล้วทำทางเท้าและคันหินบนทางเท้าล้ำเข้าไปในที่ดินของจำเลยซึ่งอยู่ติดกัน โดยจำเลยตกลงยินยอม ถือว่าเป็นการได้มาซึ่งสิทธิเหนือพื้นดิน อันเป็นทรัพสิทธิ เมื่อมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียน ย่อมไม่บริบูรณ์ ครั้นต่อมาจำเลยบอกกล่าวไม่ยินยอมให้มีทางเท้าและคันหินล้ำบนที่ดินของจำเลยอีกต่อไป โจทก์ก็ไม่มีสิทธิใช้ประโยชน์ในที่ดินของจำเลยได้แต่ทางเท้าและคันหินนั้นไม่ตกเป็นส่วนควบของที่ดินจำเลย
เมื่อจำเลยบอกกล่าวให้โจทก์รื้อถอนทางเท้าและคันหินออกไปจากที่ดินของจำเลย โจทก์ไม่ยอมรื้อถอน ก็ชอบที่จำเลยจะใช้สิทธิทางศาล ไม่มีอำนาจเข้ารื้อถอนโดยพลการ เพราะไม่เข้าเกณฑ์แห่งบทบัญญัติว่าด้วยนิรโทษกรรม หากจัดการรื้อถอนเสียเอง ย่อมเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ ซึ่งจะต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 116/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเหนือพื้นดินไม่สมบูรณ์ การรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินของผู้อื่นและการละเมิด
โจทก์ก่อสร้างตึกเต็มเนื้อที่ดินของโจทก์ แล้วทำทางเท้าและคันหินบนทางเท้าล้ำเข้าไปในที่ดินของจำเลยซึ่งอยู่ติดกัน โดยจำเลยตกลงยินยอมถือว่าเป็นการได้มาซึ่งสิทธิเหนือพื้นดิน อันเป็นทรัพยสิทธิ เมื่อมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียน ย่อมไม่บริบูรณ์ ครั้นต่อมาจำเลยบอกกล่าวไม่ยินยอมให้มีทางเท้าและคันหินล้ำบนที่ดินของจำเลยอีกต่อไป โจทก์ก็ไม่มีสิทธิใช้ประโยชน์ในที่ดินของจำเลยได้แต่ทางเท้าและคันหินนั้นไม่ตกเป็นส่วนควบของที่ดินจำเลย
เมื่อจำเลยบอกกล่าวให้โจทก์รื้อถอนทางเท้าและคันหินออกไปจากที่ดินของจำเลย โจทก์ไม่ยอมรื้อถอน ก็ชอบที่จำเลยจะใช้สิทธิทางศาลไม่มีอำนาจเข้ารื้อถอนโดยพลการ เพราะไม่เข้าเกณฑ์แห่งบทบัญญัติว่าด้วยนิรโทษกรรม หากจัดการรื้อถอนเสียเอง ย่อมเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ซึ่งจะต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 187/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าใหม่ครอบคลุมสิ่งปลูกสร้างเดิม สละสิทธิรื้อถอน
โจทก์เช่าห้องแถวจำเลยเป็นเวลา 30 ปี เมื่อเช่าแล้วได้ 3 และ 4 ปีโจทก์ปลูกสร้างห้องเพิ่มเติมและยุ้งข้าวในที่ดินจำเลยโดยได้รับอนุญาตจากจำเลยและสามีจำเลยเคยอนุญาตให้โจทก์รื้อถอนไปได้เมื่อเลิกเช่า ต่อมาโจทก์จำเลยได้ทำหนังสือสัญญาเช่ากันเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2507 มีความว่า ผู้เช่ายอมตกลงให้สิ่งปลูกสร้างหรือซ่อมแซมลงในบริเวณบ้านเช่าตกเป็นของผู้ให้เช่า ดังนี้ ย่อมถือได้ว่าโจทก์สละเจตนาที่จะรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่มีสิทธิรื้อถอนมาแต่เดิม ยอมให้สิ่งปลูกสร้างไม่ว่าจะได้ทำไว้แล้วหรือที่จะทำต่อไปตกเป็นของจำเลยทั้งสิ้น ถือว่าข้อห้ามรื้อถอนกินความถึงสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดที่ได้ทำแล้วและกำลังทำหรือจะทำขึ้นใหม่ มิใช่ใช้บังคับเฉพาะสิ่งปลูกสร้างที่ทำขึ้นในระหว่างอายุหนังสือสัญญาเช่าเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 187/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าและสิ่งปลูกสร้าง: การสละสิทธิรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างเดิมเมื่อทำสัญญาใหม่
โจทก์เช่าห้องแถวจำเลยเป็นเวลา 30 ปี เมื่อเช่าแล้วได้ 3 และ 4 ปีโจทก์ปลูกสร้างห้องเพิ่มเติมและยุ้งข้าวในที่ดินจำเลยโดยได้รับอนุญาตจากจำเลยและสามีจำเลยเคยอนุญาตให้โจทก์รื้อถอนไปได้เมื่อเลิกเช่า ต่อมาโจทก์จำเลยได้ทำหนังสือสัญญาเช่ากันเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2507 มีความว่า ผู้เช่ายอมตกลงให้สิ่งปลูกสร้างหรือซ่อมแซมลงในบริเวณบ้านเช่าตกเป็นของผู้ให้เช่า ดังนี้ ย่อมถือได้ว่าโจทก์สละเจตนาที่จะรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่มีสิทธิรื้อถอนมาแต่เดิมยอมให้สิ่งปลูกสร้างไม่ว่าจะได้ทำไว้แล้วหรือที่จะทำต่อไปตกเป็นของจำเลยทั้งสิ้น ถือว่าข้อห้ามรื้อถอนกินความถึงสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดที่ได้ทำแล้วและกำลังทำหรือจะทำขึ้นใหม่ มิใช่ใช้บังคับเฉพาะสิ่งปลูกสร้างที่ทำขึ้นในระหว่างอายุหนังสือสัญญาเช่าเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 187/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าและข้อตกลงเรื่องสิ่งปลูกสร้าง: สละสิทธิรื้อถอนเมื่อทำสัญญาใหม่
โจทก์เช่าห้องแถวจำเลยเป็นเวลา 30 ปี. เมื่อเช่าแล้วได้ 3 และ 4 ปีโจทก์ปลูกสร้างห้องเพิ่มเติมและยุ้งข้าวในที่ดินจำเลยโดยได้รับอนุญาตจากจำเลย.และสามีจำเลยเคยอนุญาตให้โจทก์รื้อถอนไปได้เมื่อเลิกเช่า. ต่อมาโจทก์จำเลยได้ทำหนังสือสัญญาเช่ากันเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2507 มีความว่า ผู้เช่ายอมตกลงให้สิ่งปลูกสร้างหรือซ่อมแซมลงในบริเวณบ้านเช่าตกเป็นของผู้ให้เช่า. ดังนี้ ย่อมถือได้ว่าโจทก์สละเจตนาที่จะรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่มีสิทธิรื้อถอนมาแต่เดิม. ยอมให้สิ่งปลูกสร้างไม่ว่าจะได้ทำไว้แล้วหรือที่จะทำต่อไปตกเป็นของจำเลยทั้งสิ้น. ถือว่าข้อห้ามรื้อถอนกินความถึงสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดที่ได้ทำแล้วและกำลังทำหรือจะทำขึ้นใหม่. มิใช่ใช้บังคับเฉพาะสิ่งปลูกสร้างที่ทำขึ้นในระหว่างอายุหนังสือสัญญาเช่าเท่านั้น.
of 40