พบผลลัพธ์ทั้งหมด 408 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 888/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือค้ำประกันหลังสัญญากู้ปลอม: ไม่เป็นความผิดสนับสนุนปลอมเอกสาร
ทำหนังสือค้ำประกันหนี้ที่ปลอมสัญญากู้ขึ้น แต่ทำภายหลังที่ได้ทำสัญญากู้ปลอมเสร็จขาดตอนแล้ว ไม่เป็นความผิดฐานสนับสนุนปลอมเอกสาร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2431/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทุจริตในการลักทรัพย์, การร่วมกระทำความผิด, พฤติการณ์สนับสนุนการกระทำผิด
จำเลยทั้งสามร่วมคบคิดกันมาก่อนที่จะลักทรัพย์ในบ้านผู้เสียหาย ได้ว่าจ้างรถยนต์แท็กซี่ไปด้วยกัน เมื่อถึงสถานที่ที่จะลงมือลักทรัพย์ก็แบ่งหน้าที่กัน โดยจำเลยที่ 1 เข้าไปในบ้านผู้เสียหาย จำเลยที่ 2 ที่ 3คอยอยู่ในรถใกล้ๆ บ้านผู้เสียหาย จำเลยที่ 3 นั่งคู่กับคนขับบอกให้เลื่อนรถไปข้างหน้าอีก 1 ช่วงเสาไฟฟ้า ในลักษณะคุมคนขับให้คอยรับจำเลยที่ 1 กับทรัพย์ที่ลักมา เมื่อจำเลยที่ 1 ลักทรัพย์มาได้แล้วก็ขึ้นรถและจำเลยที่ 3 บอกให้ขับรถหนีไปถือได้ว่าจำเลยทั้งสามได้ร่วมกันลักทรัพย์รายนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1803/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดพนักงานเบียดบังเงินและสนับสนุนการทุจริตเบิกจ่ายเงิน ร.ส.พ.
ร.ส.พ.สาขาจังหวัดขอนแก่นดำเนินงานอยู่ภายใต้บังคับบัญชาของผู้จัดการ ร.ส.พ.สาขาจังหวัดอุดรธานี จำเลยที่ 1 เป็นพนักงานของ ร.ส.พ.ประจำอยู่ที่สาขาจังหวัดขอนแก่นจำเลยที่2 เป็นเจ้าของรถร่วมที่นำรถยนต์เข้าร่วมกิจการขนส่งสินค้ากับ ร.ส.พ. จำเลยที่ 1 มีหน้าที่รักษาเงินของ ร.ส.พ.สาขาขอนแก่น ได้เบียดบังเอาเงินของ ร.ส.พ.ซึ่งอยู่ในหน้าที่รักษาของจำเลยที่ 1 เอง ด้วยวิธีทำหลักฐานเท็จเบิกจ่ายเงินไป โดยให้จำเลยที่ 2 ทำหลักฐานเท็จยื่นต่อจำเลยที่ 1 ขอเบิกเงินค่าขนส่งสินค้า อันเป็นการสนับสนุนการกระทำความผิดของจำเลยที่ 1 ดังนี้ จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานฯมาตรา 4 ส่วน จำเลยที่ 2 มีความผิดตามบทมาตราดังกล่าวประกอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 และจำเลยที่ 1 เป็นพนักงานยังได้ปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตในการขอเบิกจ่ายเงินประเภทที่จะต้องขอเบิกจ่ายต่อ ร.ส.พ.สาขาอุดรธานี ด้วยการทำหลักฐานเท็จเสนอขออนุมัติจ่าย จนผู้จัดการ ร.ส.พ.สาขาอุดรธานีหลงเชื่ออนุมัติให้จ่ายเงินแก่จำเลยที่ 2 ที่สถานี ร.ส.พ.สาขาอุดรธานี การกระทำของจำเลยที่ 1 ในส่วนนี้เป็นความผิดตามมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว และจำเลยที่ 2 เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดส่วนนี้ การกระทำผิดของจำเลยหาต้องด้วยมาตรา 8 ด้วยไม่ และเมื่อเป็นความผิดตามบทมาตราดังกล่าวแล้ว ก็ไม่ต้องปรับบทด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 อีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1704/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บันดาลโทสะ: การกระทำโดยบันดาลโทสะแม้ผู้เสียหายไม่ได้ร่วมวิวาทโดยตรง แต่สนับสนุนฝ่ายตรงข้าม
แม้ผู้เสียหายจะไม่ได้ร่วมกับพี่สาวด่าว่าและแสดงกิริยาหยาบคายต่อจำเลย แต่ผู้เสียหายก็มาพัวพันอยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุเสมือนเป็นกำลังสนับสนุนในฐานะเป็นพวกของฝ่ายพี่สาวเพื่อให้ฮึกเหิมยิ่งขึ้น ดังนั้นเมื่อจำเลยบันดาลโทสะคว้ามีดไล่ฟันพี่สาวผู้เสียหายและฟันผู้เสียหายจึงถือได้ว่าจำเลยกระทำต่อผู้เสียหายโดยบันดาลโทสะด้วย
เมื่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายืนกันมาให้เรียงกระทงลงโทษจำเลยซึ่งแต่ละกระทงความผิดจำคุกไม่เกิน 5 ปี คดีจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218
เมื่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายืนกันมาให้เรียงกระทงลงโทษจำเลยซึ่งแต่ละกระทงความผิดจำคุกไม่เกิน 5 ปี คดีจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1556/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สนับสนุนการลักทรัพย์: การกระทำที่แสดงเจตนาช่วยเหลือผู้กระทำผิด และมีส่วนร่วมในการขนย้ายทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำผิด
จำเลยที่ 3 จ้างให้จำเลยที่ 2 พาไปหารถมาบรรทุกไม้ จำเลยที่ 2 พาจำเลยที่ 3 ไปติดต่อกับจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ขับรถบรรทุกไปจอดรออยู่ที่หลังสถานีรถไฟ จำเลยที่ 2 ขับรถจักรยานยนต์ให้จำเลยที่ 3 นั่งซ้อนท้ายไปจอดอยู่ใกล้กับรถบรรทุก ขณะนั้นมีไม้กระดานของผู้เสียหายซึ่งได้ฝากเก็บไว้ใต้ถุนบ้านพักคนงานรถไฟถูกลักจากที่เก็บมากองไว้บริเวณนั้นจำนวนหนึ่งแล้ว จำเลยที่ 3 บอกว่าจะเข้าไปขนไม้มาอีก จำเลยที่ 1 และที่ 2 ก็รู้อยู่แล้วว่า จำเลยที่ 3 กำลังเข้าไปลักไม้ที่เหลือออกมาอีก จำเลยที่ 2 จึงไปรออยู่ที่ชานชาลาสถานีรถไฟ ส่วนจำเลยที่ 1 อยู่ที่รถบรรทุก เมื่อได้ไม้ตามจำนวนที่ต้องการแล้วจะได้ขนไม้ทั้งหมดขึ้นบรรทุกรถพาหนีไป แต่ตำรวจมาตรวจพบและจับกุมเสียก่อน การกระทำของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ดังนี้ ถือได้ว่าได้ส่งเสริมอันเป็นการช่วยเหลือจำเลยที่ 3 กระทำการลักทรัพย์ จึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิดของจำเลยที่ 3
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1556/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสนับสนุนการลักทรัพย์: จำเลยรู้เห็นและช่วยเหลือการกระทำผิดของผู้ร่วมกระทำ
จำเลยที่ 3 จ้างให้จำเลยที่ 2 พาไปหารถมาบรรทุกไม้ จำเลยที่ 2 พาจำเลยที่ 3 ไปติดต่อกับจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ขับรถบรรทุกไปจอดรออยู่ที่หลังสถานีรถไฟ จำเลยที่ 2 ขับรถจักรยานยนต์ให้จำเลยที่ 3 นั่งซ้อนท้ายไปจอดอยู่ใกล้กับรถบรรทุก ขณะนั้นมีไม้กระดานของผู้เสียหาย ซึ่งได้ฝากเก็บไว้ใต้ถุนบ้านพักคนงานรถไฟถูกลักจากที่เก็บมากองไว้ บริเวณนั้นจำนวนหนึ่งแล้ว จำเลยที่ 3 บอกว่าจะเข้าไปขนไม้มาอีกจำเลยที่ 1 และที่ 2 ก็รู้อยู่แล้วว่าจำเลยที่ 3 กำลังเข้าไปลักไม้ที่เหลือออกมาอีก จำเลยที่ 2 จึงไปรออยู่ที่ชานชาลาสถานีรถไฟส่วนจำเลยที่ 1 อยู่ที่รถบรรทุก เมื่อได้ไม้ตามจำนวนที่ต้องการแล้วจะได้ขนไม้ทั้งหมด ขึ้นบรรทุกรถพาหนีไป แต่ตำรวจมาตรวจพบและจับกุมเสียก่อน การกระทำของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ดังนี้ ถือได้ว่าได้ส่งเสริมอันเป็นการช่วยเหลือจำเลยที่ 3 กระทำการลักทรัพย์ จึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน การกระทำผิดของจำเลยที่ 3
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2076/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไต่สวนพิสูจน์ที่ดิน - เอกสารอันแท้จริง vs. เอกสารปลอม - ความผิดฐานสนับสนุน
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นเสมียนที่ดินอำเภอ มีหน้าที่ทำการไต่สวนพิสูจน์ที่ดินโดยการสมคบสนับสนุนของจำเลยที่ 2 ถึงที่ 7 กรอกข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารรายการไต่สวนฯ ที่ดินของจำเลยที่ 2 ว่า จำเลยที่ 2 มีที่ดิน 1 แปลง มีเนื้อที่และอาณาเขตตามรายละเอียดในฟ้อง และจำเลยที่ 1 ทำแผนที่ปลอมในเอกสารการพิสูจน์ โดยจำเลยที่ 1 ไม่ได้รังวัด ตรวจสอบ และพิสูจน์ แต่ได้กรอกข้อความดังกล่าวลงในเอกสาร เพื่อสนับสนุนการกระทำของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ถึงที่ 7 ได้ลงชื่อรับรองในเอกสารดังกล่าว ยืนยันว่าจำเลยที่ 2 ได้นำจำเลยที่1 สำรวจพิสูจน์และปักหลักเขตไว้ถูกต้องตรงตามความจริง มิได้ล้ำแนวเขตที่ดินข้างเคียงหรือที่สาธารณประโยชน์ และรับรองแผนที่ว่าถูกต้อง โดยจำเลยที่ 2 ถึงที่ 7ทราบดีว่าไม่มีการรังวัด และจำเลยที่ 2 ไม่มีที่ดินดังแผนที่ และทิศข้างเคียงในใบตรวจสอบก็ไม่ตรงตามความจริง เป็นการสมคบกันปลอมเอกสาร ทำให้โจทก์เสียหาย เพราะหากที่ดินของจำเลยที่ 2 มีรายการดังที่จำเลยที่1 ทำปลอมขึ้น ก็จะทับที่ของโจทก์ที่อยู่ข้างเคียงและต่อมาจำเลยได้บังอาจนำเอกสารดังกล่าวมาเป็นพยานในคดีแพ่ง โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่โจทก์และประชาชน
ตามคำฟ้องนี้ เอกสารไต่สวนพิสูจน์ที่ดินของจำเลยที่ 2เป็นเอกสารที่จำเลยที่ 1 ออกให้ตามหน้าที่ของจำเลยที่ 1 เป็นเอกสารอันแท้จริง แม้ข้อความจะไม่ตรงต่อความจริงก็ไม่ทำให้กลายเป็นเอกสารปลอม จำเลยที่ 1 จึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 161,264,266 จำเลยที่ 2 ถึงที่ 7 ก็ย่อมไม่มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนหรือตัวการในความผิดดังกล่าวด้วย แต่โจทก์ฟ้องด้วยว่าจำเลยที่ 1 โดยการสนับสนุนของจำเลยที่ 2 ถึง 7บังอาจกรอกข้อความอันเป็นเท็จ และทำแผนที่เท็จในเอกสารการไต่สวนพิสูจน์ที่ดินของจำเลยที่ 2 โดยจำเลยที่ 1ไม่ได้รังวัดตรวจสอบ และพิสูจน์ที่ดินของจำเลยที่ 2 หากเป็นความจริงดังฟ้องการกระทำของจำเลยที่ 1 อาจเป็นความผิดตามมาตรา 162 และการกระทำของจำเลยที่ 2 ถึงที่ 7 อาจเป็นความผิดฐานสนับสนุนการกระทำความผิดดังกล่าวสมควรฟังข้อเท็จจริงต่อไป ที่ศาลชั้นต้นงดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้วพิพากษายกฟ้องนั้น ไม่เป็นการชอบ
ตามคำฟ้องนี้ เอกสารไต่สวนพิสูจน์ที่ดินของจำเลยที่ 2เป็นเอกสารที่จำเลยที่ 1 ออกให้ตามหน้าที่ของจำเลยที่ 1 เป็นเอกสารอันแท้จริง แม้ข้อความจะไม่ตรงต่อความจริงก็ไม่ทำให้กลายเป็นเอกสารปลอม จำเลยที่ 1 จึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 161,264,266 จำเลยที่ 2 ถึงที่ 7 ก็ย่อมไม่มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนหรือตัวการในความผิดดังกล่าวด้วย แต่โจทก์ฟ้องด้วยว่าจำเลยที่ 1 โดยการสนับสนุนของจำเลยที่ 2 ถึง 7บังอาจกรอกข้อความอันเป็นเท็จ และทำแผนที่เท็จในเอกสารการไต่สวนพิสูจน์ที่ดินของจำเลยที่ 2 โดยจำเลยที่ 1ไม่ได้รังวัดตรวจสอบ และพิสูจน์ที่ดินของจำเลยที่ 2 หากเป็นความจริงดังฟ้องการกระทำของจำเลยที่ 1 อาจเป็นความผิดตามมาตรา 162 และการกระทำของจำเลยที่ 2 ถึงที่ 7 อาจเป็นความผิดฐานสนับสนุนการกระทำความผิดดังกล่าวสมควรฟังข้อเท็จจริงต่อไป ที่ศาลชั้นต้นงดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้วพิพากษายกฟ้องนั้น ไม่เป็นการชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1904/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้ให้ผู้อื่นทำผิด พ.ร.บ.ป่าไม้ และความรับผิดฐานสนับสนุนกระทำความผิด
จำเลยใช้ให้บุตรนำช้างไปชักลากไม้ท่อนของ ข. ซึ่งเป็นไม้หวงห้าม โดยจำเลยไม่ได้ไปร่วมทำการชักลากไม้ด้วยถือไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้มีไม้ดังกล่าวไว้ในความครอบครองอันจะต้องได้รับอนุญาต จำเลยไม่มีความผิดฐานมีไม้หวงห้ามไว้ในความครอบครองตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ แต่จำเลยรู้ว่าไม้ดังกล่าวเป็นไม้หวงห้าม จำเลยจึงมีความผิดฐานเป็นผู้ใช้ให้ชักลากไม้(ทำไม้)หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาตเมื่อโจทก์ฟ้องว่าจำเลยร่วมทำการชักลากไม้ (ทำไม้) จึงลงโทษจำเลยฐานเป็นผู้ใช้ให้กระทำผิดไม่ได้คงลงโทษได้เพียงฐานเป็นผู้สนับสนุนกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1904/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้ให้ผู้อื่นทำไม้หวงห้าม ผู้ใช้ไม่ต้องรับผิดฐานมีไม้หวงห้าม แต่ผิดฐานสนับสนุนการกระทำผิด
จำเลยใช้ให้บุตรนำช้างไปชักลากไม้ท่อนของ ข. ซึ่งเป็นไม้หวงห้าม โดยจำเลยไม่ได้ไปร่วมทำการชักลากไม้ด้วยถือไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้มีไม้ดังกล่าวไว้ในความครอบครองอันจะต้องได้รับอนุญาต จำเลยไม่มีความผิดฐานมีไม้หวงห้ามไว้ในความครอบครองตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯแต่ จำเลยรู้ว่าไม้ดังกล่าวเป็นไม้หวงห้าม จำเลยจึงมีความผิดฐานเป็นผู้ใช้ให้ชักลากไม้(ทำไม้)หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต เมื่อโจทก์ฟ้องว่าจำเลยร่วมทำการชักลากไม้ (ทำไม้) จึงลงโทษจำเลยฐานเป็นผู้ใช้ให้กระทำผิดไม่ได้คงลงโทษได้เพียงฐานเป็นผู้สนับสนุนกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1338/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสนับสนุนการหลบหนีของผู้ต้องขัง ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าจำเลยมีความผิดฐานสนับสนุน ไม่ใช่ทำให้หลุดพ้นจากการคุมขัง
จำเลยส่งใบเลื่อยให้แก่ ห. ซึ่งถูกคุมขังตามอำนาจของพนักงานสอบสวน ห. ใช้ใบเลื่อยที่จำเลยส่งให้นั้นเลื่อยลูกกรงห้องขังแล้วหลบหนีไป การกระทำของจำเลยมิได้เป็นการทำให้ ห. หลุดพ้นจากการคุมขังอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 191 แต่จำเลยเป็นเพียงผู้สนับสนุนให้ ห. ผู้ถูกคุมขังหลบหนีจากการคุมขังซึ่งเป็นความผิดตามมาตรา 190 ประกอบด้วยมาตรา 86
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 191 แต่บรรยายฟ้องมาเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 190 ประกอบด้วยมาตรา 86 จึงเป็นการอ้างบทมาตราผิด ศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยตามบทมาตราที่ถูกต้องได้
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 191 แต่บรรยายฟ้องมาเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 190 ประกอบด้วยมาตรา 86 จึงเป็นการอ้างบทมาตราผิด ศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยตามบทมาตราที่ถูกต้องได้