พบผลลัพธ์ทั้งหมด 493 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1958/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานหลอกลวงเพื่อกระทำอนาจารและการกระทำอนาจาร การลงโทษกระทงความผิด และการลดโทษจากคำรับสารภาพ
จำเลยใช้อุบายหลอกลวงหญิงผู้เสียหายว่าจะให้สีผึ้ง 1 ตลับ ผู้เสียหายหลงเชื่อตามไปเอาจากจำเลยที่สวนหลังบ้านแล้วจำเลยกระทำอนาจารผู้เสียหาย ดังนี้ จำเลยมีความผิดฐานหลอกลวงหญิงไปเพื่อการอนาจารกระทงหนึ่ง และฐานกระทำอนาจารอีกกระทงหนึ่ง
สีผึ้งของกลางเป็นทรัพย์ที่จำเลยใช้ในการกระทำความผิดต้องริบ
จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องโดยไม่ต้องมีการสืบพยานหลักฐานอย่างใดถือว่าเป็นเหตุบรรเทาโทษ ควรลดโทษให้จำเลย
สีผึ้งของกลางเป็นทรัพย์ที่จำเลยใช้ในการกระทำความผิดต้องริบ
จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องโดยไม่ต้องมีการสืบพยานหลักฐานอย่างใดถือว่าเป็นเหตุบรรเทาโทษ ควรลดโทษให้จำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1527/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับรองสัญญากู้และการนำสืบหักล้าง หากอ้างถูกหลอกลวง จำเลยมีหน้าที่นำสืบก่อน
จำเลยรับว่าสัญญากู้ที่โจทก์นำมาฟ้องจำเลยได้ลงชื่อเป็นผู้กู้ มิได้ปฏิเสธความถูกแท้จริงแห่งสัญญากู้ว่าเป็นสัญญาปลอม แต่อ้างว่าโจทก์ไม่ได้จ่ายเงินตามสัญญา โดยบอกจำเลยว่าจะถูกปล้นกลางทาง อยากได้ไปใช้เท่าใดให้มาหา จะพาไปเอาที่ธนาคารเท่าที่จำเป็น โจทก์กับ ม.สมคบกันหลอกลวงจำเลย ฯลฯ ฝ่ายจำเลยจึงเป็นฝ่ายกล่าวอ้างว่าหนี้ตามสัญญากู้นั้นไม่จริง ไม่ได้เป็นหนี้ จำเลยจึงเป็นฝ่ายมีหน้าที่นำสืบก่อน ว่าไม่มีหนี้และนำพยานบุคคลมาสืบหักล้างเอกสารสัญญากู้ได้ แม้สัญญากู้จะระบุว่าจำเลยรับเงินกู้ไปครบถ้วนแล้ว ไม่เป็นการสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสาร เข้าอยู่ในวรรคท้ายของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1486/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาฝากเงินหลอกลวงเพื่อหลีกเลี่ยงการเพิกถอนใบอนุญาต ประเด็นเจตนาและการรู้เห็นเป็นใจ
โจทก์กู้เงินจำเลยและฝากเงินประจำแก่จำเลยเพื่อหลอกลวงทางราชการโดยแสดงใบรับเงินฝากว่าโจทก์มีเงิน ทางราชการจะได้ไม่ถอนใบอนุญาตกิจการประกันภัย อันเป็นการรู้เห็นเป็นใจ ไม่ใช่เจตนาแท้จริงเป็นโมฆะ
จำเลยให้การว่าสัญญาฝากเงินที่โจทก์นำมาฟ้องเป็นเจตนาลวงหากจะมีการฝากกันจริง ก็ได้ถอนไปแล้ว ดังนี้ ไม่ถือว่าเป็นสองแง่ขัดกัน จำเลยนำสืบได้ตามที่ให้การ
จำเลยให้การว่าสัญญาฝากเงินที่โจทก์นำมาฟ้องเป็นเจตนาลวงหากจะมีการฝากกันจริง ก็ได้ถอนไปแล้ว ดังนี้ ไม่ถือว่าเป็นสองแง่ขัดกัน จำเลยนำสืบได้ตามที่ให้การ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 895/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญากู้ไม่สมบูรณ์จากการหลอกลวง: จำเลยมีสิทธิโต้แย้งได้ก่อน โดยไม่ขัดมาตรา 94
โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระเงินตามสัญญากู้ จำเลยให้การว่าจำเลยตกลงขายที่สวนให้โจทก์ แต่โจทก์กลับหลอกลวงให้ทำหนังสือสัญญากู้ และจำเลยไม่ได้รับเงินดังนี้ เป็นการต่อสู้ว่า สัญญากู้ไม่สมบูรณ์ จำเลยมีหน้าที่นำสืบก่อนและไม่เป็นการสืบเปลี่ยนแปลงข้อความในสัญญากู้ไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 895/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญากู้ที่ไม่สมบูรณ์จากการหลอกลวงและเจตนาที่ไม่ตรงกัน ผู้กู้มีสิทธินำสืบหักล้างได้
โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระเงินตามสัญญากู้ จำเลยให้การว่าจำเลยตกลงขายที่สวนให้โจทก์ แต่โจทก์กลับหลอกลวงให้ทำหนังสือสัญญากู้ และจำเลยไม่ได้รับเงิน ดังนี้ เป็นการต่อสู้ว่าสัญญากู้ไม่สมบูรณ์ จำเลยมีหน้าที่นำสืบก่อนและไม่เป็นการสืบเปลี่ยนแปลงข้อความในสัญญากู้ไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 94
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2147/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทุจริตในการหลอกลวงเอาทรัพย์สิน (เงินและกระสอบ) ถือเป็นความผิดฐานฉ้อโกง แม้ทรัพย์สินนั้นจะเป็นส่วนหนึ่งของอุบายหลอกลวง
จำเลยมิได้มีเจตนาจะนำแร่มาขายให้ผู้เสียหาย ได้หลอกลวงผู้เสียหายว่าจะขายแร่พลวงให้ และขอรับราคาค่าแร่ทั้งหมดกับขอรับกระสอบไปใส่แร่ด้วย โดยมีเจตนาทุจริตมาแต่แรกผลจากการหลอกลวงดังกล่าว ทำให้จำเลยได้รับเงินค่าแร่และกระสอบ 30 ใบ ไปจากผู้เสียหายในคราวเดียวกัน ดังนี้แม้เงินค่าแร่จะเป็นทรัพย์สินซึ่งเป็นวัตถุประสงค์อันสำคัญที่จำเลยมุ่งหมายหลอกลวงไปจากผู้เสียหาย ส่วนกระสอบนั้นจำเลยหลอกลวงให้ผู้เสียหายส่งให้เพื่อให้สมกับอุบายของจำเลยที่อ้างว่ามีแร่ที่จะขายให้เท่านั้นก็ตาม แต่การที่จำเลยได้กระสอบไปด้วยนี้ ก็ได้ไปจากการหลอกลวงผู้เสียหายด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จว่าจะใส่แร่พลวงมาส่งให้ โดยจำเลยมิได้ตั้งใจจะนำกระสอบไปใส่แร่พลวงมาส่งให้แก่ผู้เสียหายเลย แสดงว่าจำเลยมีเจตนามาแต่แรกแล้วว่าจะหลอกลวงเอากระสอบ 30 ใบนี้จากผู้เสียหายด้วยเหมือนกัน จึงเป็นความผิดฐานฉ้อโกงกระสอบด้วยส่วนการที่ผู้เสียหายเข้าใจว่าให้กระสอบแก่จำเลยไปในลักษณะเป็นการยืมใช้คงรูปนั้นก็เป็นความเข้าใจผิดของผู้เสียหายซึ่งถูกจำเลยหลอกลวงเพียงฝ่ายเดียวจำเลยหาได้ตั้งใจปฏิบัติตามที่ผู้เสียหายหลงเข้าใจอยู่ไม่ และการที่จำเลยได้กระสอบไปจากผู้เสียหายเช่นนี้ เป็นการครอบครองอันได้มาจากการหลอกลวงผู้เสียหาย จึงมิใช่การครอบครองทรัพย์ของผู้อื่นอันจะเป็นความผิดฐานยักยอก (อ้างฎีกาที่ 345/2516)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2147/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทุจริตตั้งแต่แรกในการหลอกลวงเอาทรัพย์สิน (เงินและกระสอบ) เข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกง
จำเลยมิได้มีเจตนาจะนำแร่มาขายให้ผู้เสียหาย ได้หลอกลวงผู้เสียหายว่าจะขายแร่พลวงให้ และขอรับราคาค่าแร่ทั้งหมดกับขอรับกระสอบไปใส่แร่ด้วย โดยมีเจตนาทุจริตมาแต่แรกผลจากการหลอกลวงดังกล่าว ทำให้จำเลยได้รับเงินค่าแร่และกระสอบ 30 ใบ ไปจากผู้เสียหายในคราวเดียวกัน ดังนี้ แม้เงินค่าแร่จะเป็นทรัพย์สินซึ่งเป็นวัตถุประสงค์อันสำคัญที่จำเลยมุ่งหมายหลอกลวงไปจากผู้เสียหาย ส่วนกระสอบนั้นจำเลยหลอกลวงให้ผู้เสียหายส่งให้เพื่อให้สมกับอุบายของจำเลยที่อ้างว่ามีแร่ที่จะขายให้เท่านั้นก็ตาม แต่การที่จำเลยได้กระสอบไปด้วยนี้ ก็ได้ไปจากการหลอกลวงผู้เสียหายด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จว่าจะใส่แร่พลวงมาส่งให้ โดยจำเลยมิได้ตั้งใจจะนำกระสอบไปใส่แร่พลวงมาส่งให้แก่ผู้เสียหายเลย แสดงว่าจำเลยมีเจตนามาแต่แรกแล้วว่าจะหลอกลวงเอากระสอบ 30 ใบนี้จากผู้เสียหายด้วยเหมือนกัน จึงเป็นความผิดฐานฉ้อโกงกระสอบด้วยส่วนการที่ผู้เสียหายเข้าใจว่าให้กระสอบแก่จำเลยไปในลักษณะเป็นการยืมใช้คงรูปนั้น ก็เป็นความเข้าใจผิดของผู้เสียหายซึ่งถูกจำเลยหลอกลวงเพียงฝ่ายเดียว จำเลยหาได้ตั้งใจปฏิบัติตามที่ผู้เสียหายหลงเข้าใจอยู่ไม่ และการที่จำเลยได้กระสอบไปจากผู้เสียหายเช่นนี้ เป็นการครอบครองอันได้มาจากการหลอกลวงผู้เสียหาย จึงมิใช่การครอบครองทรัพย์ของผู้อื่นอันจะเป็นความผิดฐานยักยอก (อ้างฎีกาที่ 345/2516)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 167/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปลอมแปลงเอกสารสิทธิเพื่อหลอกลวงเอาเงินกู้ และการใช้เอกสารปลอมนั้น
จำเลยกู้เงินผู้เสียหายแล้วทำหนังสือสัญญากู้ลงลายมือชื่อผู้อื่นในช่องผู้กู้ ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าจำเลยเองเป็นผู้กู้ การกระทำของจำเลยเป็นการทุจริตเพื่อจะให้ได้เงินที่กู้ไป แต่มิให้ผู้เสียหายใช้สัญญากู้นั้นเป็นหลักฐานฟ้องร้องเรียกเงินคืนจากจำเลย ผู้เสียหายได้รับความเสียหายจำเลยจึงมีความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิเมื่อจำเลยได้มอบสัญญากู้ให้ผู้เสียหายยึดถือไว้ จำเลยจึงมีความผิดฐานใช้เอกสารสิทธิปลอมอีกกระทงหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1279/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหลอกลวงเกี่ยวกับค่านายหน้าไม่ทำให้เกิดความผิดอาญา หากไม่ได้เงินจากโจทก์โดยตรง คดีเป็นเรื่องแพ่ง
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ให้โจทก์เป็นนายหน้าหาคนซื้อที่ดินของจำเลยที่ 1 โดยตกลงให้ค่านายหน้าแก่โจทก์ร้อยละ 10 โจทก์ชักนำให้จำเลยที่ 2 ไปซื้อ จำเลยที่ 2 พา บ. และ ก. ไปซื้อ โดยโจทก์เป็นผู้จัดการให้จำเลยที่ 2 นำไปซื้อ ต่อมาเมื่อโจทก์สอบถามจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันทุจริตแจ้งข้อความอันเป็นเท็จปกปิดความจริงต่อโจทก์ โดยบอกว่ายังไม่ได้ขายที่ดินให้ใคร ซึ่งความจริงได้ขายให้ บ. และ ก. ไปแล้ว การแจ้งเท็จและปกปิดความจริง ทำให้จำเลยทั้งสองได้ไปซึ่งค่านายหน้าอันเป็นสิทธิของโจทก์เป็นเงิน 3,500 บาท ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ดังนี้ หากจะฟังว่าจำเลยหลอกลวงโจทก์ตามฟ้องจริง การหลอกลวงเช่นนั้นก็มิได้ทำให้จำเลยได้เงินไปจากโจทก์ซึ่งอ้างว่าถูกหลอกลวงหรือจากบุคคลที่สามแต่อย่างใด เงินที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้ไปนั้นเป็นเพียงเงินค่านายหน้าซึ่งโจทก์ถือว่าตนมีสิทธิจะได้ และจำเลยไม่ชำระให้เท่านั้นเป็นเรื่องที่โจทก์จะต้องว่ากล่าวกันในทางแพ่ง การกระทำของจำเลยไม่มีมูลเป็นความผิดตามฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1279/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีนายหน้า: การหลอกลวงไม่ทำให้จำเลยได้เงินจากโจทก์ ถือเป็นข้อพิพาททางแพ่ง ไม่ใช่ความผิดอาญา
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ให้โจทก์เป็นนายหน้าหาคนซื้อที่ดินของจำเลยที่ 1 โดยตกลงให้ค่านายหน้าแก่โจทก์ร้อยละ 10 โจทก์ชักนำให้จำเลยที่ 2 ไปซื้อ จำเลยที่ 2 พา บ. และ ก. ไปซื้อ โดยโจทก์เป็นผู้จัดการให้จำเลยที่ 2 นำไปซื้อ ต่อมาเมื่อโจทก์สอบถาม จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันทุจริตแจ้งข้อความอันเป็นเท็จปกปิดความจริงต่อโจทก์โดยบอกว่ายังไม่ได้ขายที่ดินให้ใคร ซึ่งความจริงได้ขายให้ บ.และก.ไปแล้ว การแจ้งเท็จและปกปิดความจริง ทำให้จำเลยทั้งสองได้ไปซึ่งค่านายหน้าอันเป็นสิทธิของโจทก์เป็นเงิน 3,500 บาท ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ดังนี้ หากจะฟังว่าจำเลยหลอกลวงโจทก์ตามฟ้องจริง การหลอกลวงเช่นนั้นก็มิได้ทำให้จำเลยได้เงินไปจากโจทก์ซึ่งอ้างว่าถูกหลอกลวงหรือจากบุคคลที่สามแต่อย่างใด เงินที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้ไปนั้นเป็นเพียงเงินค่านายหน้าซึ่งโจทก์ถือว่าตนมีสิทธิจะได้ และจำเลยไม่ชำระให้เท่านั้นเป็นเรื่องที่โจทก์จะต้องว่ากล่าวกันในทางแพ่ง การกระทำของจำเลยไม่มีมูลเป็นความผิดตามฟ้อง