พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,327 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4755/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้กู้ยืม: หลักฐานการชำระเงินต้น vs. ดอกเบี้ย และการนำไปชำระหนี้
การนำสืบถึงการชำระเงินที่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ให้กู้มาแสดง หรือมีการเวนคืนเอกสารอันเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืม หรือแทงเพิกถอนในเอกสารตาม ป.พ.พ. มาตรา 653 วรรคสอง หมายถึงการนำสืบถึงการชำระต้นเงินเท่านั้น ไม่รวมถึงการชำระดอกเบี้ยด้วย จำเลยจึงนำสืบถึงจำนวนดอกเบี้ยที่ชำระไปได้ ไม่ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 94 (ข)
จำนวนดอกเบี้ยที่จำเลยทั้งสองชำระให้โจทก์สูงกว่าดอกเบี้ยจากต้นเงินตามสัญญากู้และสัญญาจำนองนับแต่วันกู้ยืมมาจนถึงวันฟ้อง เงินส่วนที่ชำระดอกเบี้ยซึ่งเกินดังกล่าวต้องนำไปชำระต้นเงินตาม ป.พ.พ. มาตรา 329 วรรคแรก
จำนวนดอกเบี้ยที่จำเลยทั้งสองชำระให้โจทก์สูงกว่าดอกเบี้ยจากต้นเงินตามสัญญากู้และสัญญาจำนองนับแต่วันกู้ยืมมาจนถึงวันฟ้อง เงินส่วนที่ชำระดอกเบี้ยซึ่งเกินดังกล่าวต้องนำไปชำระต้นเงินตาม ป.พ.พ. มาตรา 329 วรรคแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4665/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ปล้นทรัพย์: หลักฐานจากคำรับสารภาพประกอบพยานหลักฐานอื่น, ยานพาหนะที่ใช้ในการกระทำผิดต้องริบ
ถึงแม้โจทก์จะไม่มีพยานเห็นตัวคนร้ายที่เป็นคนยิง ไม่ได้อาวุธปืนจากจำเลย ไม่พบปลอกกระสุนและร่องรอยการยิงปืนของคนร้ายในที่เกิดเหตุ โจทก์ก็มี ป. ผู้เสียหาย กับ ข. ผู้ใหญ่บ้านที่เกิดเหตุเป็นพยานเบิกความยืนยันว่า คนร้ายยิงปืนขึ้นก่อนผู้เสียหายจึงได้ยิงปืนสวนไป กับมีบันทึกคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลย-ทั้งสาม ซึ่งจำเลยทั้งสามให้การไว้ใจความตรงกันในเบื้องต้นว่า มีเสียงปืนดังขึ้นที่รถยนต์ของจำเลยก่อน จากนั้นมีเสียงปืนทางอื่นยิงมาที่รถยนต์ของจำเลย ซึ่งจำเลยที่ 1 และที่ 2 เข้าใจว่า น. ผู้ตาย ซึ่งเป็นพวกของจำเลยทั้งสามเป็นคนยิงปืน ส่วนจำเลยที่ 3 เห็นและรู้ว่า น. มีปืนมาก่อนเกิดเหตุ ที่จำเลยทั้งสามอ้างว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจทำร้ายบังคับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้รับสารภาพก็ดี ให้จำเลยที่ 3 ลงชื่อในบันทึกคำให้การโดยไม่ได้อ่านข้อความให้ฟังก็ดี จำเลยทั้งสามมีแต่ตนเองเบิกความลอย ๆ ภายหลัง เมื่อโจทก์มีพนักงานสอบสวนมาเบิกความประกอบคำรับสารภาพของจำเลยทั้งสามชั้นสอบสวน จำเลยทั้งสามมิได้ถามค้านถึงความข้อนี้ไว้ เชื่อว่าชั้นสอบสวนจำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพด้วยความสมัครใจและตามความสัตย์จริง คำรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยทั้งสามจึงเป็นหลักฐานประกอบถ้อยคำของ ป. และ ข. พยานโจทก์ ฟังได้ว่าขณะเมื่อจะยกเครื่องยนต์รถไถนาของผู้เสียหายขึ้นบรรทุกรถยนต์ของจำเลยที่ 1 เพื่อจะขนเอาไป ซึ่งเป็นเวลาที่การลักทรัพย์ยังไม่ขาดตอนลงนั้น จำเลยทั้งสามกับพวกได้กระทำการประทุษร้ายขู่เข็ญผู้เสียหายกับพวกด้วยการยิงปืนขึ้นหนึ่งนัด การกระทำของจำเลยทั้งสามกับพวกจึงเป็นความผิดฐานปล้นทรัพย์
รถยนต์กระบะของกลางเป็นยานพาหนะที่ใช้ในการปล้นทรัพย์เป็นทรัพย์ที่พึงต้องริบ
รถยนต์กระบะของกลางเป็นยานพาหนะที่ใช้ในการปล้นทรัพย์เป็นทรัพย์ที่พึงต้องริบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 455/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์มูลหนี้จากการให้กู้ยืมเงิน การเบิกความลอยๆ และหลักฐานการชำระหนี้ที่ไม่เพียงพอ
เจ้าหนี้มีรายได้น้อยกว่าจำนวนเงินที่เจ้าหนี้ให้ลูกหนี้กู้ยืมไป เจ้าหนี้อ้างว่าได้กู้ยืมเงินจากบุคคลอื่นมาให้ลูกหนี้กู้ยืม ก็ไม่ได้นำบุคคลดังกล่าวมานำสืบสนับสนุน การที่เจ้าหนี้ให้ลูกหนี้กู้ยืมเงินไปก็ไม่ได้ทำหลักฐานการกู้ยืมหรือมีหลักประกันอย่างอื่นนอกจากให้ลูกหนี้สั่งจ่ายเช็คไว้เป็นประกันเท่านั้นทั้ง ๆ ที่เป็นเงินจำนวนมาก การจ่ายเงินให้ลูกหนี้จ่ายเป็นเงินสดแต่ไม่มีหลักฐานการรับเงิน คำเบิกความของเจ้าหนี้เป็นการเบิกความลอย ๆ ขาดเหตุผล และไม่มีพยานอื่นสนับสนุน ฟังไม่ได้ว่าลูกหนี้เป็นหนี้เจ้าหนี้จริง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4373/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองไม้แปรรูปโดยมีหลักฐานการได้มาโดยชอบด้วยกฎหมาย และข้อยกเว้นไม่ต้องขออนุญาตแปรรูป
จำเลยมีไม้สักแปรรูปของกลางทั้งหมดไว้ในครอบครองไม้สักแปรรูปของกลางเป็นส่วนหนึ่งของไม้ ในกิจการโรงงานแปรรูปไม้โดยใช้เครื่องจักรของ ป. มาก่อน โจทก์ไม่มีพยานรู้เห็นว่าไม้สักในกิจการแปรรูปไม้ ของ ป. เป็นไม้ที่ได้มาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย กลับปรากฏจากคำเบิกความของ ส.และอ.พยานโจทก์ว่าส.และอ. ต่างเคยไปที่โรงงานแปรรูปไม้โดยใช้เครื่องจักรของ ป. แต่ไม่เคยพบการกระทำผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้มาก่อนค่าพยานจำเลยที่ว่า ป.ซื้อไม้สักที่ถูกต้องตามกฎหมายจากองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้มาใช้ในกิจการโรงงานแปรรูปไม้โดยเครื่องจักรของ ป.ย่อมเป็นไม้ที่ชอบด้วยพระราชบัญญัติป่าไม้ กรณีถือได้ว่าจำเลยมีไม้สักแปรรูปของกลางไว้ในครอบครองโดยมีหลักฐานแสดงว่าได้ไม้นั้นมาโดยชอบด้วยพระราชบัญญัติป่าไม้แล้วเมื่อจำเลยมีไม้สักแปรรูปของกลางไว้ในครอบครองโดยมีหลักฐาน แสดงว่าได้ไม้นั้นมาโดยชอบด้วยพระราชบัญญัติป่าไม้แล้ว เมื่อจำเลยมีไม้สักแปรรูปไว้ในครอบครองโดยมิใช่เพื่อการค้า จึงไม่ต้องได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่เพราะเข้า ข้อยกเว้นตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 40(3) จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานมีไม้สักแปรรูปไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 412/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความน่าเชื่อถือของพยาน, หลักฐานน้อย, สงสัยว่าจำเลยเป็นผู้กระทำผิด, ยกประโยชน์แห่งความสงสัย
พยานโจทก์แม้จะไม่เคยมีสาเหตุอะไรกับจำเลยมาก่อน แต่ก็เป็นพนักงานของห้องอาหารที่เกิดเหตุซึ่งก่อนหน้านี้จำเลยเคยก่อเหตุมาแล้ว และข้อเท็จจริงได้ความจาก จ. พยานโจทก์ว่าขณะไฟฟ้าเปิดสว่างนั้น มีแขกโต๊ะอื่นยังรับประทานอาหารอยู่ 2 โต๊ะ แสดงว่าแขกดังกล่าวย่อมจะเห็นเหตุการณ์แน่นอนซึ่งถือเป็นพยานกลางพนักงานสอบสวนน่าจะสอบไว้เป็นพยานบ้าง แต่ก็ไม่ปรากฏ ส่วนร้อยตำรวจตรี จ. สิบตำรวจโท ว.และสิบตำรวจตรีท. แม้จะได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุคดีนี้และเมื่อไปถึงที่เกิดเหตุเห็นจำเลยเมาสุราและอยู่ห่างโต๊ะที่อาวุธปืนของกลางวางอยู่ประมาณ 1 เมตรก็ตามแต่ก็ไม่ได้เห็นขณะจำเลยถืออาวุธปืนของกลาง ทั้งร้อยตำรวจตรี จ.ปรากฏว่าเคยมีสาเหตุกับจำเลยมาก่อน พยานหลักฐานต่าง ๆ ที่โจทก์นำสืบมามีน้ำหนักน้อย ยังมีความสงสัยตามควรว่าพยานโจทก์เห็นจำเลยเป็นผู้ถืออาวุธปืนของกลางเข้าไปวางบนโต๊ะอาหารในห้องอาหารที่เกิดเหตุจริงหรือไม่ จึงให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้แก่จำเลยตาม ป.วิ.อ. มาตรา 227 วรรคสอง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3871/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เอกสารไม่ใช่ตั๋วสัญญาใช้เงิน แต่เป็นหลักฐานการกู้ยืมเงิน ฟ้องไม่ขาดอายุความ
เอกสารซึ่งไม่มีข้อความระบุว่าเป็นตั๋วสัญญาใช้เงินคงมีแต่ข้อความว่าเป็น "ตั๋ว" จึงขาดสาระสำคัญของตั๋วสัญญาใช้เงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 983(1) เอกสารดังกล่าวจึงไม่ใช่ตั๋วสัญญาใช้เงิน แม้ในเอกสารจะไม่มีข้อความว่าจำเลยกู้เงินโจทก์ แต่มีข้อความว่าจำเลยจะจ่ายเงินตามคำสั่งของโจทก์รวม 25,000 เหรียญสหรัฐแสดงว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์ในจำนวนเงินดังกล่าว และจำเลยลงชื่อไว้เอกสารดังกล่าว จึงเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมเงิน การที่โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ตามหลักฐานแห่งการกู้ยืมเงินมีอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 164(เดิม)(มาตรา 193/30 ที่แก้ไขใหม่)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3871/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เอกสารไม่ใช่ตั๋วสัญญาใช้เงิน แต่เป็นหลักฐานการกู้ยืม และฟ้องขาดอายุความ
เอกสารไม่มีข้อความตอนใดระบุว่าเป็น "ตั๋วสัญญาใช้เงิน"คงมีแต่ข้อความว่าเป็น "ตั๋ว" เอกสารดังกล่าวจึงขาดสาระสำคัญของตั๋วสัญญาใช้เงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 983(1)จึงมิใช่ตั๋วสัญญาใช้เงิน โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้โดยอ้างเอกสารซึ่งมีข้อความว่าจำเลยจะจ่ายเงินตามคำสั่งของโจทก์โดยไม่มีถ้อยคำชัดว่าเป็นหนี้เงินกู้หรือหนี้อย่างอื่น โจทก์ย่อมจะนำพยานหลักฐานมาสืบประกอบว่าเป็นหนี้เงินกู้ได้ เมื่อโจทก์มีหลักฐานเป็นหนังสือแสดงความเป็นหนี้ลงลายมือชื่อลูกหนี้แล้วและสืบพยานประกอบอธิบายได้ว่าหนี้นั้นเป็นหนี้สินแห่งการกู้ยืมเอกสารนั้นก็เป็นหนังสืออันเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมแล้ว โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ตามหลักฐานเอกสารนั้นมีอายุความ 10 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164(เดิม)ที่ใช้บังคับในขณะโจทก์ จำเลยมีข้อพิพาทกัน (มาตรา 193/30ที่แก้ไขใหม่) และในเรื่องอายุความนี้ มาตรา 169(เดิม)(มาตรา 193/12 ที่แก้ไขใหม่) บัญญัติว่า อายุความให้นับเริ่มแต่ขณะที่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้เป็นต้นไป เมื่อจำเลยไม่เคยชำระเงินต้นและดอกเบี้ยแก่โจทก์ภายในวันที่ 15 มีนาคม 2519ตามที่ระบุในเอกสาร จำเลยจึงตกเป็นผู้ผิดนัดชำระเงินหรือปฏิบัติการชำระหนี้ใด ๆ ตามที่ระบุไว้ในเอกสารนั้น และการผิดนัดดังกล่าวเอกสารนั้นระบุให้มีผลว่าตั๋วหรือเอกสารนั้นถึงกำหนดได้ทันที และจ่ายเงินโดยไม่ต้องทวงถามสุดแล้วแต่ผู้ถือจะเลือกซึ่งมีความหมายว่า โจทก์มีสิทธิเลือกให้จำเลยชำระหนี้ทั้งหมดได้ทันทีโดยไม่ต้องทวงถามก่อน ตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม2519 อายุความจึงเริ่มนับตั้งแต่วันดังกล่าว โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2530 นับจากวันที่ 16 มีนาคม 2519ถึงวันฟ้องเกิน 10 ปี ฟ้องของโจทก์จึงขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 385/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การออกเช็คชำระหนี้บางส่วนที่ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ ทำให้เช็คฉบับรวมไม่เป็นหนี้ที่บังคับได้ตามกฎหมาย
เงินส่วนหนึ่งในเช็คพิพาทมิได้มีการทำหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือไว้ เงินส่วนนี้จึงไม่อาจฟ้องร้องบังคับคดีได้ และเมื่อเช็คพิพาทรวมเงินส่วนนี้ในเช็คฉบับเดียวกันและไม่อาจแบ่งแยกกันได้การออกเช็คพิพาททั้งฉบับจึงมิใช่เป็นการออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริง และบังคับได้ตามกฎหมาย การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตาม พระราชบัญญัติ ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ. 2534 มาตรา 4 พระราชบัญญัติ ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534เป็นกฎหมายที่บัญญัติในภายหลัง และใช้บังคับในระหว่างคดีนี้อยู่ในการพิจารณาของศาลอุทธรณ์เมื่อการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามกฎหมายใหม่ จำเลยจึงพ้นจากการเป็นผู้กระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 385/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คพิพาท: การชำระหนี้บางส่วนที่ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ ไม่อาจถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค
จำเลยออกเช็คพิพาทเพื่อชำระหนี้ให้แก่โจทก์ร่วม ซึ่งเงินส่วนหนึ่งในเช็คพิพาทเป็นการชำระหนี้เงินกู้ยืมตามสัญญากู้ซึ่งมีผลบังคับได้ตามกฎหมาย และจำนวนเงินอีกส่วนหนึ่งเป็นการชำระหนี้เงินกู้ยืมซึ่งมิได้มีการทำหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือไว้การกู้ยืมเงินจำนวนดังกล่าวจึงไม่อาจฟ้องร้องบังคับคดีได้ การออกเช็คพิพาทดังกล่าวมิใช่เป็นการออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายซึ่งไม่เป็นความผิดตามกฎหมายรวมอยู่ด้วยในเช็คฉบับเดียวกัน และไม่อาจแบ่งแยกกันได้ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 ซึ่งเป็นบทบัญญัติของกฎหมายที่บัญญัติในภายหลัง จำเลยจึงพ้นจากการเป็นผู้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3455/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการได้รับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวขึ้นอยู่กับหลักฐานของผู้ขอ หากหลักฐานไม่เพียงพอ เจ้าหน้าที่ไม่อาจออกได้
เมื่อโจทก์ทั้งสี่ยื่นคำร้องขอรับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวต่อจำเลยเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2529 นายทะเบียนคนต่างด้าวอำเภอวานรนิวาสในขณะนั้นก็ได้ทำบันทึกถึงผู้กำกับการกองทะเบียนคนต่างด้าวและภาษีอากรในวันรุ่งขึ้นพร้อมกับส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องไปเพื่อประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไปไม่ปรากฎว่านายทะเบียนได้โต้แย้งหรือละเว้นที่จะปฏิบัติหน้าที่แต่อย่างใดนายทะเบียนปฏิบัติหน้าที่ตามหนังสือของกองทะเบียนคนต่างด้าวและภาษีอากรที่มท.0613.01/2792 ลงวันที่ 10 กันยายน 2528 และบันทึกข้อความของกระทรวง-มหาดไทยที่ มท.0202/154 ลงวันที่ 12 มีนาคม 2530 กล่าวคือ เมื่อรับเรื่องแล้วได้ส่งไปให้กองกำกับการกองทะเบียนคนต่างด้าวและภาษีอากรพิจารณา และต่อมากรมตำรวจได้พิจารณาเสร็จสิ้นแล้วมีความเห็นว่า หลักฐานไม่เพียงพอให้เชื่อได้ว่าโจทก์ทั้งสี่เกิดในราชอาณาจักรไทย และเคยมีสัญชาติไทยมาก่อนแล้วถูกถอนสัญชาติไทย จึงให้ระงับเรื่องไว้ก่อน ได้แจ้งให้จำเลยทราบเพื่อแจ้งให้โจทก์ทั้งสี่หาหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อพิจารณาใหม่อีกครั้งหนึ่ง จำเลยได้มีหนังสือแจ้งให้โจทก์ทั้งสี่ทราบ โจทก์ทั้งสี่ทราบแล้วก็ไม่ส่งเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อให้กรมตำรวจพิจารณาต่อไป ดังนี้ยังถือไม่ได้ว่า จำเลยได้ปฏิเสธไม่ออกใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวให้โจทก์ทั้งสี่อันเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ทั้งสี่ ที่จำเลยไม่อาจออกใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวให้แก่โจทก์ทั้งสี่ได้นั้น เกิดจากความบกพร่องของโจทก์ทั้งสี่ที่ไม่ส่งเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อให้กรมตำรวจสอบพิจารณาใหม่โจทก์ทั้งสี่จึงยังไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย
(เทียบ ฎ.365/2537)
(เทียบ ฎ.365/2537)