คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
อาวุธ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 419 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 412/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปล้นทรัพย์ด้วยอาวุธปืนและการยิงเพื่อข่มขู่ยับยั้งการติดตามของผู้เสียหายต่อเนื่องจากการปล้น
การที่จำเลยปล้นทรัพย์และยิงปืนทางท้ายขบวนเกวียนหลังจากบอกให้พวกผู้เสียหายขับเกวียนไปได้ นั้น เป็นการยิงปืนเพื่อขู่ขวัญมิให้พวกเจ้าทรัพย์ติดตามต่อสู้ เห็นได้ว่า เหตุการณ์ยังคงต่อเนื่องกับการปล้นอยู่ จำเลยมีความผิดตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 340 วรรค 4
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 9/2504)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 36/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 36/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายด้วยอาวุธจนถึงแก่ความตาย ถือเป็นเจตนาฆ่า
ไม้ที่จำเลยตีผู้เสียหาย ยาว 5 ฟุต โคนโต 10 นิ้วตอนกลางและปลายโต 8 นิ้วครึ่ง อันเป็นอาวุธอาจใช้ทำร้ายถึงตายได้แม้จำเลยจะตีเพียงทีเดียวก็ตีอย่างแรงจนกระโหลกศีรษะแตก ผู้เสียหายล้มลงไม่ได้สติ พูดไม่ได้ ลุกไม่ขึ้นต่อมา 2 วันผู้เสียหายตายเพราะบาดแผลที่ถูกตี ต้องถือว่าจำเลยฆ่าผู้เสียหายตายโดยเจตนา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1275/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวต้องมีเหตุจำเป็นและสมควร การถืออาวุธเข้าหาผู้ถูกทำร้ายถือเป็นการเตรียมพร้อมที่จะทำร้ายตอบ
เมื่อจำเลยได้ทำร้ายนายตี่หวิ่งต๊ะแล้วจำเลยก็มุ่งหน้าไปทางในเมือง นายชื่นสมาชิกสภาตำบลและเป็นผู้ที่ได้รับมอบหมายจากผู้ใหญ่บ้านให้ดูแลความสงบเรียบร้อยในบริเวณงานวัด ได้ชักชวนผู้เสียหายกับบุคคลอื่นอีกไปตามตัวจำเลยเพื่อจับไว้ก่อน และเมื่อเลยวัดไปประมาณ 15 วาก็ทันจำเลย นายชื่นร้องบอกให้จำเลยกลับก่อน จำเลยได้ยินก็กลับมา นายชื่นบอกว่าจะขอควบคุมตัวเพราะจำเลยฟันนายตี่หวิ่งต๊ะ จำเลยไม่พูดตอบแต่ถือมีดรี่เข้ามา ผู้เสียหายเห็นท่าไม่ดีเลยคว้ากระบอกไม้ไผ่ถือไว้จำเลยตรงรี่เข้าหาผู้เสียหายๆ ก็เอาไม้ตีที่มีด แต่มีดไม่หลุดจากมือจำเลย และไม้ที่ผู้เสียหายตีมีดนั้นหัก จำเลยได้ใช้มีดแทงผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัส เช่นนี้จำเลยจะแก้ตัวว่ากระทำร้ายผู้เสียหายเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายหาได้ไม่ เพราะแม้ผู้เสียหายกับพวกตามจำเลยมาเพื่อจะจับจำเลยก็ดี จำเลยไม่ได้หยุดอยู่เฉยๆ หรือบอกกล่าวว่าไม่ควรถูกจับกุมประการใด การที่จำเลยถือมีดตรงรี่เข้าไปทางผู้เสียหายกับพวกแสดงว่าจำเลยจะเข้าต่อสู้ทำร้ายเขาโดยฝ่ายผู้เสียหายยังไม่ได้ลงมือกระทำการที่จะเข้าจับตัวจำเลยประการใดเลย จึงยังไม่มีกรณีจำเป็นที่จำเลยจะป้องกัน ในกรณีเช่นนี้ ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยปัญหาที่ว่า พวกผู้เสียหายมีอำนาจจับจำเลยหรือไม่ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 15/2503)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 980/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพยายามฆ่าด้วยอาวุธที่มีกระสุน หากกระสุนด้านแต่ยังมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดอันตราย ต้องลงโทษตามมาตรา 80 ไม่ใช่ 81
กรณีที่จะปรับด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 81 นั้นเกี่ยวกับปัจจัยซึ่งใช้ในการกระทำผิดไม่สามารถจะกระทำให้บรรลุผลได้อย่างแน่แท้ เช่น ใช้ปืนที่มิได้มีกระสุนบรรจุอยู่เลยยิงคน โดยเข้าใจผิดคิดว่ามีกระสุนบรรจุอยู่พร้อมแล้ว ซึ่งอย่างไรๆ ก็ย่อมจะทำให้ผู้ถูกยิงได้รับอันตรายจากการยิงมิได้เลย ดั่งนี้ จึงจะถือได้ว่า เป็นกรณีที่ไม่สามารถบรรลุผลได้อย่างแน่แท้
จำเลยใช้ปืนที่มีกระสุนบรรจุอยู่ถึง 7 นัดยิงโจทก์ร่วม กระสุนนัดแรกด้านไม่ระเบิดออกซึ่งอาจเป็นเพราะกระสุนเสื่อมคุณภาพหรือเพราะเหตุบังเอิญอย่างใดไม่ปรากฏ มิฉะนั้นแล้ว กระสุนก็ต้องระเบิดออกและอาจเกิดอันตรายแก่โจทก์ร่วมได้ หาเป็นการแน่แท้ไม่ว่าจะไม่สามารถกระทำให้ผู้ถูกยิงได้รับอันตรายจากการยิงของจำเลยเช่นนั้นกรณีนี้ต้องปรับด้วย มาตรา 80 ไม่ใช่มาตรา 81และถ้าหากไม่มีคนเข้าขัดขวางจำเลยไว้ทันท่วงที จำเลยอาจยิงโจทก์ร่วมด้วยกระสุนที่ยังเหลือบรรจุอยู่นั้นต่อไปอีกก็ได้ ย่อมเห็นชัดว่า ไม่ใช่กรณีที่ปัจจัยซึ่งใช้ในการกระทำผิดไม่สามารถจะกระทำให้บรรลุผลได้อย่างแน่แท้ตามความหมายใน มาตรา 81

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 588/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาในการทำร้ายร่างกาย: พิจารณาจากเหตุการณ์ บาดแผล และอาวุธที่ใช้
มูลเหตุที่จะเกิดทำร้ายเนื่องจากจำเลยและผู้เสียหายโต้เถียงกันเรื่องปิดน้ำหัวคันนา และจำเลยใช้จอบฟันดินทำร้ายผู้เสียหาย บาดแผลไม่แสดงว่าถูกคมจอบเลย แสดงว่าจำเลยไม่มีเจตนาฆ่า ผู้เสียหายและถ้าจำเลยมีเจตนาฆ่าก็น่าจะฟันด้วยคมจอบ จำเลยมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 588/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำร้ายร่างกาย vs. เจตนาฆ่า: การพิจารณาจากอาวุธและบาดแผล
มูลเหตุที่จะเกิดทำร้ายเนื่องจากจำเลยและผู้เสียหายโต้เถียงกันเรื่องปิดน้ำหัวคันนา และจำเลยใช้จอบฟันดินทำร้ายผู้เสียหายบาดแผลไม่แสดงว่าถูกคมจอบเลยแสดงว่าจำเลยไม่มีเจตนาฆ่าผู้เสียหายและถ้าจำเลยมีเจตนาฆ่าก็น่าจะฟันด้วยคมจอบจำเลยมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัสเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1333/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการทำร้ายด้วยอาวุธมีด การพิจารณาจากบาดแผลและเหตุการณ์ก่อนหน้า
จำเลยกับผู้ตายมีปากเสียงทะเลาะกันแล้วจำเลยใช้มีดแทงถูกผู้ตายในที่สำคัญถึง 3 แห่ง เป็นแผลลึกเลือดตกในและขาดใจตายในวันนั้น จำเลยมีผิดฐานฆ่าคนโดยเจตนา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1814/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ชิงทรัพย์โดยมีอาวุธและร่วมกันกระทำผิดก่อนใช้ประมวลกฎหมายอาญา ศาลฎีกายืนตามบทลงโทษเดิม
การชิงทรัพย์โดยมีอาวุธและร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปก่อนวันที่ ประมวลกฎหมายอาญาใช้บังคับ(1 มกราคม 2500) และศาลล่างวางบทลงโทษตามกฎหมาย ลักษณะอาญา มาตร 299 มีกำหนด 3 ปีนั้น เมื่อศาลฎีกาเห็นควรลงโทษเท่าเดิม ไม่มีเหตุที่จะใช้ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 339 วรรค 2 โดยอ้างว่าเป็นคุณแก่จำเลย.
(ประใหญ่ครั้งที่ 3)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1526/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายพระภิกษุด้วยอาวุธ การลดโทษ และการบังคับคดีตามคำพิพากษาเดิม
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 254 ให้ลงโทษจำคุกจำเลย 1 ปี 6 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นว่าให้จำคุกจำเลยเพียง 6 เดือนและให้รอการลงโทษจำเลยตามมาตรา 41 ที่แก้ไขใหม่มีกำหนด 5 ปี นอกจากนี้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ดังนี้เป็นแก้มาก คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริงได้ไม่ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
of 42