คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
อุบัติเหตุ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 469 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3008-3009/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์, การรับช่วงสิทธิ, ฟ้องซ้อน, และค่าขึ้นศาล
รถของโจทก์ถูกรถของจำเลยชนโดยประมาทพังขวางอยู่กลางถนนแล้วถูกรถของบุคคลอื่นชนซ้ำโดยไม่ใช่ความประมาทของบุคคลนั้น แม้จะก่อให้เกิดความเสียหายเพิ่มขึ้นก็เป็นผลโดยตรงอันเกิดจากความประมาทของฝ่ายจำเลยเป็นผู้ก่อขึ้นก่อน ดังนั้นจำเลยจึงต้องรับผิดในผลอันนี้ด้วย สำนวนแรกโจทก์มิได้ฟ้องผู้รับประกันภัยเป็นจำเลย คงฟ้องแต่ผู้อื่น เมื่อผู้รับประกันภัยเข้ามาเป็นโจทก์ในสำนวนที่สองโดยอ้างว่าเป็นผู้รับช่วงสิทธิในฐานะผู้รับประกันภัยฟ้องจำเลยอื่นและโจทก์ในสำนวนแรกให้ร่วมรับผิดอันเนื่องจากเหตุรถชนรายเดียวกัน โจทก์ในสำนวนแรกจึงมีสิทธิฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายจากผู้รับประกันภัยซึ่งเป็นโจทก์ในสำนวนที่สองได้ ไม่เป็นฟ้องซ้อน โจทก์ที่ 2 เป็นจำเลยตามฟ้องแย้งในสำนวนที่สองของโจทก์ที่ 1 ส่วนจำเลยเป็นจำเลยตามฟ้องสำนวนแรกของโจทก์ที่1 แม้จะเป็นค่าเสียหายรายเดียวกันแต่เป็นคนละคดีต้องเสียค่าขึ้นศาลต่างหากจากกัน เมื่อโจทก์ที่ 2 และจำเลยแพ้คดีและฎีกาต่อมาจึงต้องเสียค่าขึ้นศาลเป็นรายคดีการที่ฎีการ่วมกันมาไม่ทำให้หน้าที่ที่จะต้องเสีย ค่าขึ้นศาลลดน้อยลง ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยชำระดอกเบี้ยนับแต่วันละเมิดเป็นการเกินคำขอ เพราะโจทก์ขอเรียกดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2522 ศาลฎีกาควรแก้ไขเสียให้ถูกต้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2762/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้ขับขี่ที่เกิดอุบัติเหตุและการตีความ มาตรา 160 วรรคสอง พ.ร.บ.จราจรทางบก
ผู้ขับขี่ที่จะได้รับโทษหนักขึ้นตาม พระราชบัญญัติจราจรทางบกฯมาตรา 160 วรรคสอง นั้น หมายถึงกรณีที่ขับขี่รถในทางก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินของบุคคลอื่นแล้วผู้ขับขี่ได้หลบหนีไปจากที่เกิดเหตุโดยไม่หยุดให้ความช่วยเหลือตามสมควรและไม่แจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่อันเป็นการไม่ปฏิบัติตาม มาตรา 78 และการไม่ปฏิบัติตาม มาตรา 78 เป็นเหตุให้บุคคลอื่นได้รับอันตรายสาหัสหรือตาย หาใช่หมายถึงการขับขี่รถในทางก่อให้เกิดความเสียหายเป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย แล้วผู้ขับขี่ไม่ปฏิบัติตาม มาตรา 78 ซึ่งเป็นความผิดตามมาตรา 160 วรรคแรก ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2508/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางละเมิดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์, การชดใช้ค่ารักษาพยาบาล, และดอกเบี้ยจากหนี้ที่เกิดจากละเมิด
ข้อเท็จจริงได้ความว่ารถยนต์ของจำเลยทุกคันที่จอดไว้ที่ซอยหน้าโรงงานของจำเลยในช่วงเวลากลางวัน เมื่อเลิกงานแล้วจะต้องนำเข้าไปเก็บในโรงงาน ธ.ซึ่งเป็นลูกจ้างจำเลยได้รับมอบกุญแจรถจาก ส. ยามประตูโรงงานผู้มีหน้าที่เก็บรักษากุญแจรถยนต์ของจำเลย ในช่วงเวลาที่โรงงานจำเลยเลิกงานตามปกติแล้ว และ ธ. ขับรถคันดังกล่าวซึ่งจอดอยู่ฝั่งตรงข้ามโรงงานนำไปที่ด้านข้างโรงงาน โดยมิได้ขับไปที่อื่นใดหรือขับไปเที่ยวเล่นเพราะในช่วงนั้นเป็นเวลาที่จะต้องนำรถไปเก็บไว้ภายในโรงงาน ดังนี้ เมื่อ ธ. ขับรถไปชนโจทก์ที่ 2 ได้รับบาดเจ็บสาหัส ย่อมถือ ได้ว่า ธ. ขับรถไปในทางการที่จ้างของจำเลย จำเลยจึงต้อง ร่วมรับผิดด้วย โดยปกติการนำผู้ที่ได้รับอุบัติเหตุส่งโรงพยาบาลย่อมจะส่งไปยังโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุที่สุด เพื่อให้มีการรักษาพยาบาลรวดเร็วและทันท่วงที เมื่อโรงพยาบาลเอกชนอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุที่สุด และขณะเกิดเหตุมีผู้อื่นนำโจทก์ที่ 2 ซึ่งอยู่ในอาการช็อคส่งโรงพยาบาลดังกล่าวโดยไม่มีทางเลือกโรงพยาบาลอื่นใดได้อีก เช่นนี้ เมื่อโจทก์ทั้งสองได้เสียค่ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาลนั้นไปเพียงใดค่ารักษาพยาบาลจำนวนนั้นจึงเป็นค่าเสียหายโดยตรงซึ่งโจทก์ทั้งสองชอบที่จะได้รับชดใช้คืน เต็มจำนวน แม้ค่ารักษาพยาบาลจะแพงกว่าโรงพยาบาลของรัฐก็ตาม ในกรณีหนี้อันเกิดแต่มูลละเมิดลูกหนี้ได้ชื่อว่าผิดนัดมาแต่เวลาทำละเมิด เมื่อโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเป็นตัวเงิน หนี้อันเกิดแต่มูลละเมิดจึงเป็นหนี้เงิน ถือได้ว่าจำเลยผิดนัดมาแต่เวลาทำละเมิด จำต้องรับผิดชดใช้ดอกเบี้ยในระหว่างเวลาผิดนัดร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี อันเป็นไปโดยผลแห่งกฎหมาย โจทก์ไม่มีหน้าที่ต้องนำสืบในเรื่องดอกเบี้ยอีก
อัตราค่าทนายความตามตาราง 6 ท้าย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง กำหนดให้ศาลพิจารณาตามความยากง่ายแห่งคดีกับเทียบดูเวลาและงานที่ทนายความต้องปฏิบัติในการว่าคดีเรื่องนั้น ตามอัตราขั้นต่ำและขั้นสูงแห่งทุนทรัพย์ เมื่อศาลเห็นว่าคดีมีข้อยุ่งยากต้องใช้เวลามาก ทนายความทั้งสองฝ่ายต้องปฏิบัติงานนานและใช้เวลามิใช่น้อย และคดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะเต็มตามฟ้อง ในทุนทรัพย์ 700,000 บาท และกำหนดค่าทนายความในอัตรา ร้อยละ 1 ซึ่งต่ำกว่าอัตราขั้นสูงตามที่กฎหมายกำหนด จึงไม่นับว่า สูงเกินสมควร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2483/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขรก.ขับรถราชการส่วนตัวไปส่งบุคคลภายนอก เกิดอุบัติเหตุ นายจ้างไม่ต้องรับผิด
จำเลยที่ 1 เป็นข้าราชการกรมพัฒนาที่ดินจำเลยที่ 4 ได้ขับรถยนต์ซึ่งเป็นรถใช้ในราชการของจำเลยที่ 4 ไปส่ง น. กับพวก บุคคลภายนอกที่มิใช่ลูกจ้างหรือข้าราชการของจำเลยที่ 4 แต่ได้มาหาจำเลยที่ 1 เพื่อปรึกษาเรื่องจัดงานสังสรรค์ แล้ว น. เกิดปวดท้องเนื่องจากมีประจำเดือน เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุจำเลยที่ 1 ขับรถด้วยความประมาทเลินเล่อชนกับรถยนต์ที่โจทก์รับประกันภัยไว้เสียหายพังยับเยิน ดังนี้ การที่จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์ของ จำเลยที่ 4 ไปส่ง น. กับพวก กลับบ้านนั้น เป็นเรื่องทำไปโดยความเอื้อเฟื้อส่วนตัวของจำเลยที่ 1 เอง มิใช่เป็นการปฏิบัติราชการตามหน้าที่แต่อย่างใด จำเลยที่ 4 จึงไม่ต้องรับผิดในผลแห่งละเมิดที่จำเลยที่ 1 ก่อขึ้นแก่โจทก์ด้วย
(วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่13/2527)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2343/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทเลินเล่อของผู้ขับขี่และเจ้าของรถยนต์ที่เกิดอุบัติเหตุกับรถไฟ ความรับผิดของประกันภัย
การที่จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์จะผ่านทางรถไฟ แม้ไม่มีป้ายสัญญาณ"หยุด" บอกไว้แต่ก็มีป้ายบอกเครื่องหมายว่ามีทางรถไฟข้างหน้าแสดงไว้ซึ่งจำเลยที่ 1 ก็ควรใช้ความระมัดระวังดูความปลอดภัยให้แน่เสียก่อน โดยชะลอความเร็วและหยุดรถมองซ้ายและขวาต่อเมื่อเห็นว่าปลอดภัยแล้วจึงขับต่อไป แต่ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ได้ปฏิบัติดังกล่าวเมื่อรถยนต์ที่จำเลยที่ 1 ขับไปเกิดชนกับรถไฟขึ้น จำเลยที่ 1 จึงได้ชื่อว่าเป็นผู้ขับรถยนต์ มาด้วยความประมาทเลินเล่อ
บริเวณที่เกิดเหตุมีอุบัติเหตุรถไฟกับรถยนต์ชนกันบ่อย ถึงแม้พระราชบัญญัติจัดวางการรถไฟและทางหลวง พ.ศ.2464 มาตรา73จะมิได้บังคับให้การรถไฟต้องทำประตูหรือขึงโซ่ หรือทำราวกั้นขวางถนนที่ตัดผ่านทางรถไฟทุกถนนก็ตาม แต่เมื่อ ถนนตัดผ่านในกรณีพิพาทเกิดอุบัติเหตุรถยนต์ชนกับรถไฟบ่อยๆโจทก์ก็ควรจะทำเครื่องปิดกั้นถนนไว้เพื่อให้เกิดความปลอดภัยยิ่งขึ้นแต่ก็มิได้กระทำ ถือได้ว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นนี้ โจทก์เองก็มีส่วนประมาทเลินเล่ออยู่ด้วย
รถยนต์คันเกิดเหตุเป็นของจำเลยที่ 3 ขายให้แก่จำเลยที่ 2 โดยวิธีผ่อนชำระราคา โดยมีข้อตกลงให้จำเลยที่ 3ทำประกันภัยเกี่ยวกับรถยนต์คันนี้ ในการเสี่ยงภัยทุกประเภทโดยจำเลยที่ 2 เป็นผู้ออกเงินเบี้ยประกันภัยในการเอาประกันภัยดังกล่าว ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 2 ผู้ซื้อยังชำระราคาไม่หมด กรรมสิทธิ์ยังเป็นของจำเลยที่ 3 อยู่แต่จำเลยที่ 2 นำมาครอบครองและใช้สอยโดยให้จำเลยที่ 1ซึ่งเป็นลูกจ้างขับไปในทางการที่จ้างและเกิดเหตุขึ้นเมื่อจำเลยที่ 2 มิได้เป็นคู่สัญญาผู้เอาประกันภัยตามกรมธรรม์ประกันภัยกับจำเลยที่ 4 และจำเลยที่ 3 ไม่ต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์จำเลยที่ 4ก็ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1712/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของนายจ้างต่อค่าเสียหายจากอุบัติเหตุของลูกจ้าง และสิทธิไล่เบี้ย
จำเลยเป็นลูกจ้างโจทก์ ขับรถของโจทก์ไปชนกับรถของบุคคลภายนอก แม้รถยนต์ชนกันครั้งนี้จะเกิดจากจำเลยทำละเมิดและรถยนต์ที่จำเลยขับซึ่งเป็นของโจทก์มีสภาพบกพร่องห้ามล้อไม่ดีแต่โจทก์ก็ไม่ใช่คู่กรณีผู้ได้รับความเสียหายจากการทำละเมิดของจำเลยจึงไม่ใช่เรื่องโจทก์เป็นผู้เสียหายและมีส่วนทำผิดก่อให้เกิดความเสียหายซึ่งจะต้องปรับด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 442, 223เพื่อเฉลี่ยความรับผิดตามข้อต่อสู้ของจำเลยกรณีนี้เป็นเรื่องโจทก์ต้องร่วมรับผิดในฐานะนายจ้างชดใช้ค่าเสียหายแล้วใช้สิทธิ ไล่เบี้ยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 425, 426 เท่านั้นที่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าโจทก์มีส่วนก่อให้เกิดความ เสียหายและพิพากษาให้จำเลยรับผิดใช้ค่าเสียหายดังกล่าวแก่โจทก์เพียงบางส่วนจึงไม่ถูกต้อง จำเลยต้องชำระค่าเสียหายที่โจทก์จ่ายให้บุคคลภายนอกไปเต็มจำนวน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1530/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับช่วงสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ แม้เลขทะเบียนรถยนต์ในฟ้องไม่ตรงกับข้อเท็จจริง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยขับรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน 7 ข -4075โดยประมาทชนรถยนต์ที่โจทก์รับประกันภัยไว้เสียหายโจทก์ ได้ใช้ ค่าเสียหายแก่ผู้เอาประกันภัยไปแล้ว จึงรับช่วงสิทธิ เรียกร้องเอาแก่จำเลยแม้ทางพิจารณาจะได้ความว่ารถยนต์ที่ จำเลยขับเป็นรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน 7 ข - 4095 ซึ่ง แตกต่างกับที่กล่าวในฟ้องก็ตามก็เป็นเพียงการแตกต่าง เกี่ยวกับเลขทะเบียนรถยนต์เท่านั้นข้อสำคัญแห่งประเด็น อยู่ที่ว่าจำเลยได้ขับรถยนต์โดยประมาทชนรถยนต์ที่โจทก์ รับประกันภัยหรือไม่ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยได้ ขับรถยนต์โดยประมาทชนรถยนต์ที่โจทก์รับประกันภัยก็ชอบที่จะ ให้จำเลย ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1071/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของเจ้าของรถและผู้ประกอบการเดินรถรับจ้างจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ กรณีมีตัวการตัวแทน
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 2 เป็นเจ้าของรถยนต์เก๋งรับจ้างสาธารณะ คันหมายเลขทะเบียน 1 ท-3725 และนำไปวิ่งร่วมกับจำเลยที่ 3 โดยจำเลยที่ 2 และที่ 3 ได้ว่าจ้างให้จำเลยที่ 1 เป็นผู้ขับขี่ รถยนต์รับจ้างสาธารณะคันดังกล่าวเป็นประจำ หรือจำเลยที่ 3 ยอมให้จำเลยที่1 เชิดจำเลยที่ 3 ออกแสดงเป็นนายจ้างของจำเลยที่ 1โดยการขับรถยนต์สาธารณะคันดังกล่าว ซึ่งมีตราหรือเครื่องหมายอันเป็น สัญญลักษณ์ของจำเลยที่ 3 ติดอยู่ที่ประตูด้านหลังของรถยนต์คันดังกล่าว และยังบรรยายฟ้องต่อไปอีกว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 มีผลประโยชน์ร่วมกันในการใช้รถยนต์คันดังกล่าวรับจ้างขนส่งผู้โดยสารจำเลยที่2 จึงต้อง ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 3 ด้วยแสดงให้เห็นว่านอกจากโจทก์ฟ้อง ขอให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 รับผิดฐานนายจ้างของจำเลยที่ 1 แล้ว โจทก์ยังฟ้องขอให้จำเลยที่ 3 รับผิดในฐานะจำเลยที่ 3 เชิดให้ จำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนของจำเลยที่ 3 ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 341/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของนายจ้างต่อละเมิดของลูกจ้าง & การเฉลี่ยความรับผิดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์
คดีแพ่งเมื่อคำฟ้องของโจทก์บรรยายข้อเท็จจริงชัดแจ้งแล้ว ศาลมีหน้าที่ยกตัวบทกฎหมายขึ้นปรับแก่คดีเอง โจทก์ บรรยายข้อเท็จจริงให้เห็นว่าจำเลยที่ 1 เป็นข้าราชการมีหน้าที่ขับรถยนต์ของจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย ย่อมแปลได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้แทนของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 เป็นนิติบุคคล จึงต้องรับผิดร่วมด้วยกับจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้แทนในมูลละเมิดที่จำเลยที่1 ได้กระทำไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 76ดังนั้น การที่ศาลวินิจฉัยให้จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 จึงไม่เป็นการวินิจฉัยนอกฟ้อง
จำเลยที่ 1 ได้รับคำสั่งให้ขับรถไปรับนายทหารเพื่อไปที่ท่าอากาศยานแต่จำเลยที่ 1 ขับรถไปบ้านของจำเลยที่ 1ก่อนจึงเกิดเหตุขึ้น การที่จำเลยที่ 1 ขับรถออกไปตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาอันเป็นการปฏิบัติหน้าที่ราชการแม้จำเลยที่ 1จะขับรถไปธุระส่วนตัวก็ตาม ตราบใดที่รถยังไม่กลับถึงโรงรถ ก็ย่อมถือได้ว่าจำเลยที่ 1ปฏิบัติหน้าที่อยู่จำเลยที่ 2 จึงต้องร่วมรับผิดในผลละเมิดที่เกิดจากการกระทำของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้แทนของตน
เมื่อเหตุละเมิดเกิดขึ้นโดยคู่กรณีทั้งสองฝ่ายต่างขับรถยนต์ชนกันด้วยความประมาทเลินเล่อมิได้ยิ่งหย่อนกว่ากันก็เท่ากับทั้งสองฝ่ายต่างทำละเมิดต่อกันเท่าๆ กันค่าเสียหายย่อมเป็นอันพับกันไป
โจทก์ที่ 1 เป็นมารดาผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้ตายซึ่งนั่งมาในรถของโจทก์ที่ 2 แม้ว่าผู้ตายจะเป็นลูกจ้างของโจทก์ที่ 2 แต่ก็มิได้มีส่วนร่วมในความประมาทของคนขับรถของโจทก์ที่ 2 ด้วย จำเลยจึงต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ที่ 1 โดยเฉลี่ยรับผิดเพียงครึ่งเดียว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2628/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทเลินเล่อจากทั้งผู้เลี้ยงโคปล่อยปละละเลย และผู้ขับขี่บีบแตรใกล้โค ทำให้เกิดอุบัติเหตุ
ด. มีขาลีบเวลาเดินต้องใช้ไม้เท้าค้ำยัน แต่ ด. มีอาชีพคุมงานก่อสร้าง ต้องขับขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านไปคุมงานทุกวัน แสดงว่า ด.มีความสามารถขับขี่รถจักรยานยนต์ได้ การที่ไม่ได้รับอนุญาตให้มีใบอนุญาตขับขี่ยานพาหนะตามพระราชบัญญัติรถยนต์ จึงไม่เป็นเหตุที่จะทำให้ฟังว่า ด. ประมาท
การที่ ป. ซึ่งเป็นผู้เลี้ยงดูโคแทนจำเลยทั้งสองปล่อยโคขึ้นไปกินหญ้าบนไหล่ถนนอันเป็นทางหลวงระหว่างจังหวัดโดยอิสระ ไม่ผูกเชือกหรือจับจูงไว้ เป็นการปล่อยปละละเลยไม่ระมัดระวังดูแลสัตว์ตามสมควรเพราะถนนมิใช่ที่เลี้ยงสัตว์สาธารณะ จำเลยทั้งสองจึงเป็นฝ่ายประมาทก่อน แต่การที่ ด. เห็นโคเดินอยู่ข้างถนนแล้วยังขับขี่รถจักรยานยนต์เข้าใกล้และบีบแตร เป็นเหตุให้โคตกใจและขวิดรถจักรยานยนต์ทำให้ ด. ถึงแก่ความตาย ถือได้ว่าเป็นความประมาทของ ด. ส่วนหนึ่งด้วย
of 47