พบผลลัพธ์ทั้งหมด 771 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2410/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าหลังพ้นอันตราย การกระทำเกินกว่าป้องกันตัว และอำนาจฟ้องกรณีไม่มีชันสูตรพลิกศพ
ผู้ตายใช้มีดยาวประมาณ 1 ช่วงแขนไล่ฟันจำเลยที่ 1 จำเลยที่1 จึงใช้ปืนแก็ปยิงผู้ตาย 1 นัดขณะที่อยู่ห่างกันประมาณ 4วา ผู้ตายวิ่งหนีไป 2 วาก็ล้มลง จำเลยที่ 1 เอาปืนลูกซองยาวจากจำเลยที่ 2 มายิงซ้ำอีก 1 นัด แต่ไม่ถูกแล้วจำเลยทั้งสองนำผู้ตายไปทิ้งลงเหว ดังนี้ เป็นพฤติการณ์ที่ส่อให้เห็นว่าจำเลยที่ 1 มีเจตนาฆ่าผู้ตายหลังจากภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายได้ล่วงพ้นไปแล้ว การกระทำของจำเลยที่ 1 เกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน
การชันสูตรพลิกศพเป็นส่วนหนึ่งของการรวบรวมพยานหลักฐานตามอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวน เมื่อพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนโดยชอบแล้ว แม้ไม่มีการชันสูตรพลิกศพก็หาเป็นเหตุให้พนักงานอัยการไม่มีอำนาจฟ้องไม่.
การชันสูตรพลิกศพเป็นส่วนหนึ่งของการรวบรวมพยานหลักฐานตามอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวน เมื่อพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนโดยชอบแล้ว แม้ไม่มีการชันสูตรพลิกศพก็หาเป็นเหตุให้พนักงานอัยการไม่มีอำนาจฟ้องไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2358/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าร่วม การทำร้ายร่างกายชุลมุน และขอบเขตความรับผิดชอบของตัวการ
จำเลยที่ 2 และที่ 3 รุม ชก ต่อยผู้ตายในขณะเกิดเหตุชุลมุนระหว่างพวกจำเลยที่ 1 กับพวกผู้ตาย แล้วจำเลยที่ 1 หยิบมีดที่ตก อยู่ บนพื้นแทงผู้ตายถึงแก่ความตาย โดยจำเลยที่ 2 และที่ 3 ไม่อาจคาดคะเนได้ล่วงหน้าว่าจำเลยที่ 1 จะใช้มีดแทงผู้ตาย ทั้งไม่อาจเล็งเห็นได้ว่าผู้ตายจะถูกทำร้ายจนถึงแก่ความตาย และการที่จำเลยที่ 2 และที่ 3 ไม่ขัดขวางห้ามปรามจำเลยที่ 1 ก็มิใช่เป็นข้อบ่งชี้ว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 มีเจตนาฆ่าผู้ตาย ดังนี้ จำเลยที่ 2 และที่ 3 จึงไม่มีความผิดฐานเป็นตัวการฆ่าผู้ตายคงรับผิดเฉพาะ เป็นตัวการทำร้ายผู้ตายตามมาตรา 290 เท่านั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2358/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าร่วมกันทำร้าย: การประเมินความรับผิดของตัวการร่วมเมื่อไม่ได้คาดการณ์เหตุ
จำเลยที่ 2 และที่ 3 รุมชกต่อยผู้ตายในขณะเกิดเหตุชุลมุนระหว่างพวกจำเลยที่ 1 กับพวกผู้ตาย แล้วจำเลยที่ 1 หยิบมีดที่ตกอยู่บนพื้นแทงผู้ตายถึงแก่ความตาย โดยจำเลยที่ 2 และที่3 ไม่อาจคาดคะเนได้ล่วงหน้าว่าจำเลยที่ 1 จะใช้มีดแทงผู้ตาย ทั้งไม่อาจเล็งเห็นได้ว่าผู้ตายจะถูกทำร้ายจนถึงแก่ความตาย และการที่จำเลยที่ 2 และที่ 3 ไม่ขัดขวางห้ามปรามจำเลยที่ 1 ก็มิใช่เป็นข้อบ่งชี้ว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 มีเจตนาฆ่าผู้ตาย ดังนี้ จำเลยที่ 2 และที่ 3 จึงไม่มีความผิดฐานเป็นตัวการฆ่าผู้ตายคงรับผิดเฉพาะเป็นตัวการทำร้ายผู้ตายตามมาตรา 290 เท่านั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2307/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการทำร้ายด้วยอาวุธอันตราย แม้ไม่สำเร็จผล การกระทำเป็นความผิดฐานพยายามฆ่า
จำเลยใช้มีดถางไร่ฟันถูกที่ศีรษะผู้เสียหายซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญของร่างกาย แม้จะฟันเพียงทีเดียว แต่ปรากฏว่ากะโหลกศีรษะแตก แสดงว่าจำเลยพันโดยแรง ซึ่งอาจทำให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตายได้ ถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าการที่ผู้เสียหายไม่ถึงแก่ความตายเพราะได้รับการรักษาจากแพทย์ทันท่วงที การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2307/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการทำร้ายด้วยอาวุธร้ายแรง แม้ไม่ถึงแก่ชีวิต ถือเป็นความผิดพยายามฆ่า
จำเลยใช้มีดถางไร่ฟันถูกที่ศีรษะผู้เสียหายซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญของร่างกาย แม้จะฟันเพียงทีเดียว แต่ปรากฏว่ากะโหลกศีรษะแตก แสดงว่าจำเลยพันโดยแรง ซึ่งอาจทำให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตายได้ ถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าการที่ผู้เสียหายไม่ถึงแก่ความตายเพราะได้รับการรักษาจากแพทย์ทันท่วงที การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2155/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าต้องพิจารณาจากพฤติการณ์ประกอบ การพูดข่มขู่เพียงอย่างเดียวไม่พอฟัง
การที่จำเลยชักมีดปลายแหลมยาวทั้งตัวด้ามประมาณ 1 ศอกออกมาแล้วพูดขึ้นว่า'มึงตายเสียเถอะ'จะถือเอาเป็นจริงจังตามคำพูดนั้นไม่ได้ ต้องดูพฤติการณ์อื่นที่เกิดขึ้นประกอบด้วยฉะนั้นแม้จำเลยจะใช้มีดแทง ส.และท. ก็ตามแต่จำเลยก็หาได้พยายามที่จะทำให้บุคคลทั้งสองได้รับอันตรายสาหัสหรือถึงแก่ความตาย ทั้ง ๆ ที่จำเลยมีโอกาสจะกระทำได้ เพราะเมื่อคนทั้งสองล้มแล้ว จำเลยก็มิได้แทงซ้ำเติมแต่อย่างใดและลักษณะบาดแผลที่คนทั้งสองได้รับก็ไม่มีลักษณะฉกรรจ์พฤติการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าวประกอบกับที่ต่อมาจำเลยได้ไล่แทง ฉ.แต่ฉ.หลบหนีไปได้ เพียงเท่านี้ยังไม่พอฟังว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า คงเป็นเพียงทำร้ายร่างกาย ส.และท. และพยายามทำร้ายร่างกายฉ. เท่านั้น.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2097/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าและการบันดาลโทสะ: การแทงที่ช่องท้องโดยเล็งเป้าอวัยวะสำคัญถือเป็นเจตนาฆ่า ไม่เข้าข่ายบันดาลโทสะ
ผู้ตายถูกแทงที่ใต้ลิ้นปี่ ค่อนมาด้านซ้าย ลักษณะบาดแผลเป็นรูปสามเหลี่ยมฐานโค้ง ด้านสามเหลี่ยมยาว 2.5 เซนติเมตร ด้านฐานโค้งยาว 1.5 เซนติเมตร ลึกเข้าช่องท้องผ่านเข้าตับตัดเส้นเลือดใหญ่ ความลึกของแผลจากผิวหนังถึงส่วนบนของตับ 17 เซนติเมตร แสดงว่าลักษณะของมีดที่ใช้แทงผู้ตายเป็นมีดขนาดใหญ่ ทั้งตั้งใจแทงโดยแรง แม้เป็นการแทงเพียงครั้งเดียวแต่ตำแหน่งบาดแผลคือที่ช่องท้องนั้นเป็นที่เห็นได้ว่า จำเลยเลือกแทงส่วนที่เป็นอวัยวะสำคัญและผู้ตายถึงแก่ความตายในคืนเกิดเหตุนั้นเอง เช่นนี้ถือว่า จำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตาย
จำเลยสมัครใจแต่แรกที่จะทำร้ายผู้ตาย มิได้ถูกฝ่ายผู้ตายกระทำการเย้ยหยันสบประมาทแต่อย่างใด กรณีจึงไม่มีเหตุที่จำเลยจะอ้างได้ว่าจำเลยทำร้ายผู้ตายเนื่องจากถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมไม่เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72
จำเลยสมัครใจแต่แรกที่จะทำร้ายผู้ตาย มิได้ถูกฝ่ายผู้ตายกระทำการเย้ยหยันสบประมาทแต่อย่างใด กรณีจึงไม่มีเหตุที่จำเลยจะอ้างได้ว่าจำเลยทำร้ายผู้ตายเนื่องจากถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมไม่เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2097/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าและการไม่เข้าข้อยกเว้นบันดาลโทสะ กรณีแทงผู้ตายที่ช่องท้อง
ผู้ตายถูกแทงที่ใต้ลิ้นปี่ ค่อนมาด้านซ้าย ลักษณะบาดแผลเป็นรูปสามเหลี่ยมฐานโค้ง ด้านสามเหลี่ยมยาว 2.5 เซนติเมตร ด้านฐานโค้งยาว 1.5 เซนติเมตร ลึกเข้าช่องท้องผ่านเข้าตับตัดเส้นเลือดใหญ่ ความลึกของแผลจากผิวหนังถึงส่วนบนของตับ17 เซนติเมตร แสดงว่าลักษณะของมีดที่ใช้แทงผู้ตายเป็นมีดขนาดใหญ่ ทั้งตั้งใจแทงโดยแรง แม้เป็นการแทงเพียงครั้งเดียวแต่ตำแหน่งบาดแผลคือที่ช่องท้องนั้นเป็นที่เห็นได้ว่าจำเลยเลือกแทงส่วนที่เป็นอวัยวะสำคัญและผู้ตายถึงแก่ความตายในคืนเกิดเหตุนั้นเอง เช่นนี้ถือว่า จำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตาย
จำเลยสมัครใจแต่แรกที่จะทำร้ายผู้ตาย มิได้ถูกฝ่ายผู้ตายกระทำการเย้ยหยันสบประมาทแต่อย่างใด กรณีจึงไม่มีเหตุที่จำเลยจะอ้างได้ว่าจำเลยทำร้ายผู้ตายเนื่องจากถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมไม่เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72.
จำเลยสมัครใจแต่แรกที่จะทำร้ายผู้ตาย มิได้ถูกฝ่ายผู้ตายกระทำการเย้ยหยันสบประมาทแต่อย่างใด กรณีจึงไม่มีเหตุที่จำเลยจะอ้างได้ว่าจำเลยทำร้ายผู้ตายเนื่องจากถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมไม่เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1764/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฆ่าโดยเจตนา: การย้อนกลับมาก่อเหตุด้วยอาวุธปืนหลังการโต้เถียง ไม่ถือเป็นการป้องกันตัว
จำเลยมีอาชีพขับรถยนต์สามล้อรับจ้าง บ. กับพวกจะว่าจ้างรถของจำเลยให้ไปส่ง แต่ได้เกิดโต้เถียง กับจำเลย บ. ได้ตบท้ายทอยจำเลยทำให้จำเลยโกรธ จำเลยขับรถยนต์สามล้อออกไปห่าง40 เมตรแล้ว แต่กลับไปหยุดรถแล้วลงจากรถเอาอาวุธปืนสั้นเดิน เข้าไปหา บ. กับพวกแล้วยิง บ. 2 นัด จากนั้นจำเลยวิ่งหนีไปที่รถยนต์สามล้อของจำเลยผู้ตายและ บ. กับพวกวิ่งตามไปโดยไม่มีอาวุธ จำเลยยิงปืนมาอีก 2 นัด ถูกผู้ตายล้มลงถึงแก่ความตายเช่นนี้เหตุที่จำเลยถูก บ. ตบ ท้ายทอยและการถกเถียง ได้สิ้นสุดกันไปแล้ว จำเลยก็ได้ขับรถออกไปห่างไกลจนไม่มีภยันตรายแล้ว การที่จำเลยย้อน กลับมาโดยมีอาวุธปืนติดมือมาด้วยแสดงให้เห็นว่าจำเลยตั้งใจมาทำร้าย บ. กับพวกเนื่องจากมีสาเหตุกันมาก่อน การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายจึงเป็นการฆ่าผู้ตายโดยเจตนา จำเลยเป็นผู้ก่อเหตุขึ้นเองจะอ้างว่ากระทำไปโดยเป็นการป้องกันหาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1764/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการย้อนกลับมาพร้อมอาวุธ แม้มีเหตุโต้เถียงก่อนหน้า ไม่ถือเป็นการป้องกันตัว
จำเลยมีอาชีพขับรถยนต์สามล้อรับจ้าง บ.กับพวกจะว่าจ้างรถของจำเลยให้ไปส่ง แต่ได้เกิดโต้เถียงกับจำเลย บ.ได้ตบท้ายทอยจำเลยทำให้จำเลยโกรธ จำเลยขับรถยนต์สามล้อออกไปห่าง40 เมตรแล้ว แต่กลับไปหยุดรถแล้วลงจากรถเอาอาวุธปืนสั้นเดินเข้าไปหา บ.กับพวกแล้วยิงบ. 2 นัด จากนั้นจำเลยวิ่งหนีไปที่รถยนต์สามล้อของจำเลย ผู้ตายและบ.กับพวกวิ่งตามไปโดยไม่มีอาวุธ จำเลยยิงปืนมาอีก 2 นัด ถูกผู้ตายล้มลงถึงแก่ความตายเช่นนี้เหตุที่จำเลยถูก บ.ตบท้ายทอยและการถกเถียงได้สิ้นสุดกันไปแล้ว จำเลยก็ได้ขับรถออกไปห่างไกลจนไม่มีภยันตรายแล้ว การที่จำเลยย้อนกลับมาโดยมีอาวุธปืนติดมือมาด้วย แสดงให้เห็นว่าจำเลยตั้งใจมาทำร้าย บ.กับพวกเนื่องจากมีสาเหตุกันมาก่อน การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายจึงเป็นการฆ่าผู้ตายโดยเจตนา จำเลยเป็นผู้ก่อเหตุขึ้นเองจะอ้างว่ากระทำไปโดยเป็นการป้องกันหาได้ไม่.(ที่มา-ส่งเสริม)