พบผลลัพธ์ทั้งหมด 746 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1429/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อผิดนัด: สิทธิของผู้ให้เช่าซื้อในการเรียกค่าเสียหายจากการใช้ทรัพย์สิน
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 574 บัญญัติไว้แต่เพียงว่า เมื่อมีการเลิกสัญญาเพราะผู้เช่าซื้อผิดนัดชำระค่าเช่าซื้อ ผู้ให้เช่าซื้อมีสิทธิริบเงินที่ผู้ให้เช่าซื้อรับไว้และกลับเข้าครอบครองทรัพย์สินที่ให้เช่าซื้อเท่านั้น ฉะนั้น โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกให้จำเลยชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างก่อนสัญญาเลิกกันคงเรียกได้เพียงค่าที่จำเลยใช้ทรัพย์ที่เช่าซื้อตลอดเวลาที่ครอบครองอยู่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 391 วรรค 3 และค่าเสียหายเพราะเหตุอื่นที่จำเลยต้องรับผิดนอกเหนือจากค่าเสียหายอันเกิดแต่การใช้ทรัพย์โดยชอบ แม้คำฟ้องของโจทก์จะระบุมาเป็นค่าเช่าซื้อที่ค้าง แต่ตามคำบรรยายฟ้องกล่าวว่า การที่จำเลยผิดนัดผิดสัญญาต่อโจทก์จนโจทก์บอกเลิกสัญญาและยึดรถที่เช่าซื้อกลับคืน ทำให้โจทก์เสียหายคือจำเลยครอบครองใช้รถของโจทก์โดยไม่ชำระค่าเช่าซื้อตั้งแต่งวดที่ 11 ถึงงวดที่ 17 เป็นเงิน 58,053 บาท จึงพอถือได้ว่าโจทก์ได้เรียกค่าเสียหายฐานใช้รถของโจทก์ตลอดเวลาที่จำเลยยังครอบครองอยู่ ศาลย่อมพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1343/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้สิทธิร้องขอคืนของกลางโดยไม่สุจริตของผู้ให้เช่าซื้อ แสดงเจตนาช่วยเหลือผู้เช่าซื้อ
การที่ผู้ร้องมอบอำนาจให้ จ. หุ้นส่วนผู้จัดการของผู้เช่าซื้อยื่นคำร้องขอรถยนต์บรรทุกของกลางคืนจากศาล โดยให้สัญญาเช่าซื้อรถยนต์บรรทุกของกลางระหว่างผู้ร้องกับผู้เช่าซื้อยังคงมีผลผูกพันบังคับกันอยู่นั้น เป็นพฤติการณ์ที่แสดงให้เห็นว่าผู้ร้องมายื่นคำร้องขอรถยนต์บรรทุกของกลางคืนก็เพื่อประโยชน์ของผู้เช่าซื้ออันเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต จึงไม่มีสิทธิขอให้ศาลสั่งคืนรถยนต์บรรทุกของกลางให้แก่ผู้ร้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1235/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อระบุให้ผู้เช่าซื้อรับผิดชอบค่าเช่าซื้อครบถ้วนแม้รถสูญหาย ข้อตกลงไม่ขัดกฎหมาย
สัญญาเช่าซื้อระบุว่า ในกรณีที่รถยนต์ที่เช่าซื้อสูญหายผู้เช่าซื้อจะต้องชำระค่าเช่าซื้อทั้งสิ้นจนครบ หมายความว่าผู้เช่าซื้อจะต้องชำระราคารถยนต์ที่เช่าซื้อที่ยังไม่ได้ชำระตามสัญญาจนครบ เพราะมิได้ระบุให้ผู้เช่าซื้อผ่อนชำระเป็นงวด ๆดังกรณีที่ทรัพย์ที่เช่าซื้อไม่สูญหาย และข้อตกลงดังกล่าวไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 567 หรือขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน จึงไม่ใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1120/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าเสียหายจากการเช่าซื้อค้างชำระ: ศาลฎีกาแก้ไขคำพิพากษาให้คิดค่าเสียหายจากการขาดประโยชน์จากการใช้รถยนต์เพิ่มเติม
โจทก์ฟ้องให้จำเลยทั้งสองร่วมกันส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนโจทก์ หากคืนไม่ได้ให้ใช้ราคาประการหนึ่ง และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหายที่โจทก์ขาดประโยชน์จากการที่ยังไม่ได้รถยนต์ที่เช่าซื้อคืนอีกประการหนึ่ง ศาลล่างพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืน หากคืนไม่ได้ให้ใช้ราคา 35,000 บาท ดังนี้ พิจารณาคำวินิจฉัยของศาลล่างทั้งสอง แสดงว่าเป็นเพียงการกำหนดให้จำเลยทั้งสองร่วมกันรับผิดใช้ราคารถยนต์กับค่าเสียหายที่โจทก์ขาดประโยชน์จากการใช้ทรัพย์รวมกันมาในกรณีที่จำเลยทั้งสองส่งมอบรถยนต์คืนไม่ได้เท่านั้น จึงต้องกำหนดค่าเสียหายที่โจทก์ขาดประโยชน์จากการใช้ทรัพย์ในกรณีที่จำเลยทั้งสองส่งมอบรถยนต์คืนโจทก์ได้เพิ่มขึ้นไว้ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1072/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องคดีผู้ค้ำประกันเช่าซื้อหลังลูกหนี้ถึงแก่ความตาย และการยกอายุความของผู้ค้ำประกัน
จำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันการเช่าซื้อของจำเลยที่ 1ต่อมาจำเลยที่ 1 ผิดนัดชำระค่าเช่าซื้อและทรัพย์ที่เช่าซื้อสูญหายแล้วจำเลยที่ 1 ถึงแก่ความตาย โจทก์จึงฟ้องจำเลยที่ 2 ให้ชำระราคาทรัพย์สินที่เช่าซื้อที่ยังขาดอยู่จนครบตามที่ระบุไว้ในสัญญาดังนี้ หาใช่เป็นการฟ้องเรียกค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระไม่และกรณีดังกล่าวไม่มีกฎหมายบัญญัติอายุความไว้โดยเฉพาะ จึงต้องใช้อายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164(เดิม)และเมื่อจำเลยที่ 1 ถึงแก่ความตาย หากโจทก์มิได้ฟ้องทายาทของจำเลยที่ 1 ภายใน 1 ปี นับแต่วันที่โจทก์ทราบว่าจำเลยที่ 1ถึงแก่ความตาย หนี้รายนี้ย่อมขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 วรรคสาม จำเลยที่ 2ในฐานะผู้ค้ำประกันอาจยกอายุความขึ้นต่อสู้โจทก์ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 694 โดยไม่จำเป็นว่าจำเลยที่ 2จะต้องเป็นบุคคลตามที่ระบุไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1755 เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 868/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์รถเช่าซื้อและการไม่รู้เห็นเป็นใจในความผิดทางอาญา ศาลยืนคืนรถให้ผู้ให้เช่าซื้อ
ผู้ร้องเป็นนิติบุคคลประกอบกิจการอยู่กรุงเทพมหานคร ให้ ส.เช่าซื้อรถยนต์ของกลางไป ส่วนจำเลยได้กระทำผิดในต่างจังหวัดซึ่งอยู่ห่างไกล ผู้ร้องไม่อาจทราบได้ว่า จำเลยจะเอารถยนต์ของกลางไปกระทำผิดเมื่อใด และโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานมาสืบให้เห็นว่าผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจอย่างไร จึงฟังไม่ได้ว่าผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำผิด สิทธิในการได้รถยนต์ของกลางคืนของผู้ร้องเป็นข้อผูกพันตามสัญญาเช่าซื้อที่ได้กำหนดไว้ตามกฎหมาย ซึ่งผู้ให้เช่าซื้อมีสิทธิบังคับตามข้อสัญญาได้และผู้ให้เช่าซื้อจะใช้สิทธิดังกล่าวหรือไม่ก็ได้ ไม่ถือเป็นพฤติการณ์ที่แสดงว่าผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 70/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของทรัพย์เช่าซื้อไม่ต้องรับผิดต่อการกระทำผิดของผู้เช่าซื้อ หากไม่ได้รู้เห็นเป็นใจ
ข้อเท็จจริงที่ผู้ร้องนำสืบว่า ร. เช่าซื้อรถยนต์ของกลางไปจากผู้ร้อง แล้วผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อ 2 งวด ติดต่อกันทั้งได้นำรถยนต์ไปใช้ในการกระทำผิดเป็นการผิดสัญญาเช่าซื้อผู้ร้องจึงบอกเลิกสัญญา และผู้ร้องไม่ได้รู้เห็นเป็นใจด้วยกับการกระทำความผิดนั้น เพียงพอรับฟังแล้วว่าผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยกับการกระทำความผิดของจำเลย ผู้ร้องไม่จำเป็นต้องนำสืบว่า ร.ผิดนัดเมื่อใดชำระค่าเช่าซื้อมาเท่าใด และยังคงค้างอยู่เท่าใดเพราะข้อดังกล่าวเป็นรายละเอียดปลีกย่อย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 692/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทในการขับรถฝ่าฝืนเครื่องหมายจราจร 'หยุด' และการรับผิดของผู้เช่าซื้อรถ
เครื่องหมายจราจร "หยุด" ตามข้อกำหนดกรมตำรวจเรื่องสัญญาณจราจรฯ ข้อ 8(1) ที่ออกตามความในมาตรา 21 แห่ง พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 ระบุว่าหมายความว่ารถทุกชนิดต้องหยุดให้รถและคนเดินทางเท้าในทางขวางหน้าผ่านไปก่อน เมื่อเห็นว่าปลอดภัยและไม่เป็นการกีดขวางการจราจรที่บริเวณทางแยกนั้นแล้วจึงให้เคลื่อนรถต่อไปด้วยความระมัดระวัง ดังนั้นเมื่อตรงบริเวณสี่แยกที่เกิดเหตุในทางเดินรถของจำเลยที่ 1 มีเครื่องหมายจราจร"หยุด" ปักอยู่ข้างถนนแต่จำเลยที่ 1 ไม่หยุดรถยนต์เพื่อตรวจสอบความปลอดภัยหรือหยุดรอให้ผู้ตายขับรถจักรยานยนต์มาในทางขวางหน้าที่ไม่มีเครื่องหมายจราจร "หยุด" ผ่านไปก่อน เมื่อรถยนต์คันที่จำเลยที่ 1 ขับชนกับรถจักรยานยนต์คันที่ผู้ตายขับตรงบริเวณสี่แยกดังกล่าว จำเลยที่ 1 จึงเป็นฝ่ายประมาท พยานโจทก์อยู่ในวิสัยที่จะเบิกความระบุชื่อปรักปรำจำเลยทั้งสองได้ตั้งแต่ชั้นสอบสวนหรือในชั้นพิจารณาของศาลชั้นต้นแต่พยานโจทก์เพียงเบิกความเป็นกลาง ๆ ว่าเห็นชาย 1 คนหญิง 1 คนลงจากรถยนต์คันเกิดเหตุหลบหนีไปย่อมบ่งชี้ให้เชื่อได้ว่าพยานโจทก์เบิกความด้วยความสัตย์จริงตามที่เห็นเหตุการณ์เมื่อนำข้อเท็จจริงดังกล่าวมาพิจารณาร่วมกับข้อเท็จจริงที่จำเลยที่ 2เป็นผู้เช่าซื้อรถยนต์คันเกิดเหตุและจำเลยที่ 2 เคยมอบเงินจำนวน 1,000 บาท ให้แก่ ศ. มาแล้ว มีเหตุให้เชื่อได้ว่าชายคนที่ลงจากรถยนต์คันเกิดเหตุคือจำเลยที่ 2
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 635/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อผิดนัด-บอกเลิกสัญญา-ค่าซ่อมรถ: ศาลฎีกาตัดสินให้จำเลยชดใช้ค่าเช่าซื้อและค่าซ่อมรถตามสภาพ
โจทก์ผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อรถคันพิพาทหลายงวด และได้ทำบันทึกข้อตกลงกับจำเลยว่าโจทก์จะชำระค่าเช่าซื้อที่ค้าง 50,000 บาทให้จำเลย และฝ่ายจำเลยจะไปต่อทะเบียนเสียภาษีรถให้โจทก์โดยนัดกันวันที่ 15 มีนาคม 2530 ข้อตกลงดังกล่าวแสดงว่า จำเลยมิได้ถือเอากำหนดเวลาชำระค่าเช่าซื้อตามสัญญาเป็นข้อสาระสำคัญ จำเลยจะบอกเลิกสัญญาเพราะเหตุโจทก์ผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อไม่ได้แต่ทั้งสองฝ่ายต้องปฏิบัติตามข้อตกลงที่ทำขึ้นกันใหม่ดังกล่าวเมื่อจำเลยผิดข้อตกลง โจทก์จึงมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ และผลแห่งการบอกเลิกสัญญาย่อมทำให้คู่สัญญาแต่ละฝ่ายจำต้องให้อีกฝ่ายได้กลับคืนสู่ฐานะดังที่เป็นอยู่เดิม ส่วนจำเลยต้องคืนค่าเช่าซื้อแก่โจทก์ เมื่อโจทก์เช่าซื้อรถคันพิพาทจากจำเลยแล้วได้ทำการซ่อมแซมรถหลายรายการ เช่น เปลี่ยนเฟืองท้ายโช้คอัพ เพลากลาง การซ่อมแซมดังกล่าวมิใช่ค่าใช้จ่ายเพื่อบำรุงรักษาตามปกติและเพื่อซ่อมแซมเล็กน้อย แต่เป็นค่าใช้จ่ายที่จำเป็นและสมควรเพื่อรักษารถคันพิพาทให้อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ จำเลยจึงต้องรับผิดชดใช้แก่โจทก์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 547
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 635/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อ: การผิดสัญญา, การบอกเลิกสัญญา, ค่าซ่อมแซมรถ และสิทธิในการได้รับเงินคืน
โจทก์เช่าซื้อรถพิพาทจากจำเลยในราคา 500,000 บาท ชำระเงินในวันทำสัญญา 100,000 บาท ส่วนที่เหลือตกลงแบ่งชำระเป็นรายเดือนโจทก์ผิดนัดชำระค่าเช่าซื้อหลายงวดรวมเป็นเงิน 50,000 บาทได้มีการทำบันทึกข้อตกลงไว้ที่สถานีตำรวจว่า โจทก์จะชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างให้จำเลย ฝ่ายจำเลยจะไปต่อทะเบียนเสียภาษีรถพิพาทให้โจทก์ โดยนัดกันในวันที่ 15 มีนาคม 2530 ข้อความดังกล่าวแสดงว่าโจทก์จำเลยมิได้ถือเอากำหนดเวลาชำระค่าเช่าซื้อตามสัญญาเป็นข้อสาระสำคัญ ดังนั้น จะถือว่าโจทก์ผิดนัดผิดสัญญาไม่ได้ จำเลยจะบอกเลิกสัญญาเพราะเหตุนี้ยังไม่ได้ ทั้งสองฝ่ายต้องปฏิบัติตามข้อตกลงที่ทำขึ้นใหม่ ครั้งถึงวันนัดโจทก์เตรียมตั๋วแลกเงินจำนวน 50,000 บาทไป แต่ฝ่ายจำเลยไม่ได้นำทะเบียนรถมาอ้างว่าจำเลยไปติดต่อเจ้าหน้าที่แล้วแต่ยังไม่ได้ทะเบียนมาจำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดข้อตกลงและผิดสัญญา โจทก์จึงมีสิทธิบอกเลิกสัญญาและผลแห่งการบอกเลิกสัญญาย่อมทำให้คู่ความแต่ละฝ่ายจำต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งได้กลับสู่ฐานะเดิม กล่าวคือ โจทก์ต้องคืนรถพิพาทให้จำเลยและต้องใช้เงินตามค่าแห่งการใช้สอยรถพิพาทให้จำเลยส่วนจำเลยก็ต้องคืนค่าเช่าซื้อแก่โจทก์ โจทก์เช่าซื้อรถพิพาทจากจำเลยแล้วได้ทำการซ่อมแซมรถพิพาทโดยเปลี่ยนเฟืองท้ายโช้กอับ เพลากลาง และเปลี่ยนเบาะใหม่การซ่อมแซมดังกล่าวมิใช่ค่าใช้จ่ายเพื่อบำรุงรักษาตามปกติและเพื่อซ่อมแซมเล็กน้อย แต่เป็นค่าใช้จ่ายที่จำเป็นและสมควรเพื่อรักษารถพิพาทให้อยู่ในสภาพใช้งานและรับส่งคนโดยสารได้ จำเลยต้องรับผิดชดใช้แก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 547