พบผลลัพธ์ทั้งหมด 368 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 658/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้เอกสารปลอมแม้ผู้เสียหายยินยอม: ความผิดฐานใช้เอกสารปลอมตาม ป.อาญา มาตรา 268 เมื่อความเสียหายแก่ศาล
ผู้เสียหายได้รู้เห็นยินยอมให้ผู้อื่นเซ็นชื่อแทนในใบแต่งทนาย เมื่อมีผู้นำใบแต่งทนายนั้นไปให้ทนายทำคำร้องยื่นต่อศาล ความเสียหายที่จะมีแก่ผู้เสียหาย จึงไม่มีผู้เสียหาย จึงไม่เป็นผู้เสียหายตามกฎหมาย
เมื่อจำเลยนำคำร้องที่มีลายเซ็นชื่อผู้เสียหายปลอมโดยให้ผู้อื่นเซ็นชื่อแทนมายื่นต่อศาล ย่อมจะเห็นได้ว่าน่าจะเสียหายแก่ศาลในการรับคำร้องนั้นไว้พิจารณา จำเลยจึงมีความผิดฐานใช้เอกสารปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 ประกอบด้วยมาตรา 264
เมื่อจำเลยนำคำร้องที่มีลายเซ็นชื่อผู้เสียหายปลอมโดยให้ผู้อื่นเซ็นชื่อแทนมายื่นต่อศาล ย่อมจะเห็นได้ว่าน่าจะเสียหายแก่ศาลในการรับคำร้องนั้นไว้พิจารณา จำเลยจึงมีความผิดฐานใช้เอกสารปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 ประกอบด้วยมาตรา 264
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 448/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานนำของต้องจำกัดเข้าประเทศโดยใช้เอกสารปลอม แม้ชำระภาษีแล้ว ก็ยังถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร
พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 27 ได้แยกการกระทำผิดไว้หลายอย่างหลายชนิด แต่ละชนิดเป็นความผิดอยู่ในตัวเอง ไม่เกี่ยวข้องกัน
ความผิดฐานนำของต้องจำกัดที่จะต้องได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่เข้ามาในราชอาณาจักร ไม่จำต้องมีองค์ประกอบในเรื่องมีเจตนาจะฉ้อภาษีรัฐบาล
จำเลยใช้เอกสารปลอมสั่งอาวุธปืนซึ่งเป็นของต้องจำกัดที่จะต้องได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่เข้ามาในราชอาณาจักรตามพระราชบัญญัติศุลกากร จึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน แม้จำเลยจะมีความผิดฐานใช้เอกสารปลอมตามประมวลกฎหมายอาญาและมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ แล้วก็ตาม จำเลยก็ยังมีความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร มาตรา 27 อีก
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 7/2513)
ความผิดฐานนำของต้องจำกัดที่จะต้องได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่เข้ามาในราชอาณาจักร ไม่จำต้องมีองค์ประกอบในเรื่องมีเจตนาจะฉ้อภาษีรัฐบาล
จำเลยใช้เอกสารปลอมสั่งอาวุธปืนซึ่งเป็นของต้องจำกัดที่จะต้องได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่เข้ามาในราชอาณาจักรตามพระราชบัญญัติศุลกากร จึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน แม้จำเลยจะมีความผิดฐานใช้เอกสารปลอมตามประมวลกฎหมายอาญาและมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ แล้วก็ตาม จำเลยก็ยังมีความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร มาตรา 27 อีก
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 7/2513)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 332/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องคดีปลอมและใช้เอกสารปลอม ไม่ต้องระบุรายละเอียดทรัพย์สิน
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยซึ่งมีหน้าที่เป็นพนักงานขายสินค้าของบริษัทจำกัดได้ทำปลอมสัญญาเช่าซื้อในนามบริษัทขึ้นทั้งฉบับ โดยกรอกข้อความลงในแบบฟอร์มของบริษัทและปลอมลายมือชื่อของบุคคลที่ระบุทั้งสี่คนขึ้นเป็นคู่สัญญากับบริษัท อันเป็นการเสียหายแก่บริษัทและคู่สัญญาที่จำเลยปลอมลายมือนั้น ต่อมาจำเลยได้ใช้สัญญาเช่าซื้อที่ปลอมนั้นมอบให้คนอื่นนำไปอ้าง เพื่อขอเบิกเงินล่วงหน้า อันจะเกิดความเสียหายแก่บริษัทและผู้จัดการบริษัท ดังนี้เป็นฟ้องที่ครบองค์ความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารปลอม โดยได้บรรยายการกระทำผิดของจำเลย และมีรายละเอียดเกี่ยวกับวันเวลาสถานที่กระทำผิดรวมทั้งบุคคลและสิ่งของที่เกี่ยวข้องในการกระทำผิดพอสมควรที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาได้ดีแล้วฟ้องของโจทก์จึงสมบูรณ์ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158 (5) โดยไม่จำเป็นต้องบรรยายว่าเป็นสัญญาเช่าซื้อทรัพย์สินอะไรมีราคาเท่าใด และไม่ต้องแนบสัญญาหรือสำเนามาพร้อมฟ้องอย่างคดีแพ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 332/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องฐานปลอมและใช้เอกสารปลอม ไม่จำเป็นต้องระบุรายละเอียดทรัพย์สิน
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยซึ่งมีหน้าที่เป็นพนักงานขายสินค้าของบริษัทจำกัดได้ทำปลอมสัญญาเช่าซื้อในนามบริษัทขึ้นทั้งฉบับ โดยกรอกข้อความลงในแบบฟอร์มของบริษัทและปลอมลายมือชื่อของบุคคลที่ระบุทั้งสี่คนขึ้นเป็นคู่สัญญากับบริษัท อันเป็นการเสียหายแก่บริษัทและคู่สัญญาที่จำเลยปลอมลายมือนั้น ต่อมาจำเลยได้ใช้สัญญาเช่าซื้อที่ปลอมนั้นมอบให้คนอื่นนำไปอ้างเพื่อขอเบิกเงินล่วงหน้า อันจะเกิดความเสียหายแก่บริษัทและผู้จัดการบริษัท ดังนี้เป็นฟ้องที่ครบองค์ความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารปลอม โดยได้บรรยายการกระทำผิดของจำเลย และมีรายละเอียดเกี่ยวกับวันเวลาสถานที่กระทำผิดรวมทั้งบุคคลและสิ่งของที่เกี่ยวข้องในการกระทำผิดพอสมควรที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาได้ดีแล้วฟ้องของโจทก์จึงสมบูรณ์ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158(5) โดยไม่จำเป็นต้องบรรยายว่า เป็นสัญญาเช่าซื้อทรัพย์สินอะไรมีราคาเท่าใด และไม่ต้องแนบสัญญาหรือสำเนามาพร้อมฟ้องอย่างคดีแพ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 631/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีอาญาฐานทุจริต ยักยอกทรัพย์ และใช้เอกสารปลอม: ขอบเขตการฟ้อง และอำนาจเรียกคืนทรัพย์สิน
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทุจริตปลอมเอกสารและนำออกใช้และเบียดบังยักยอกเงินไป แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ว่าปลอมใช้เอกสารมากกว่า 2 ครั้ง ซึ่งเกินกว่าที่ระบุในฟ้อง ก็ไม่ถือว่าข้อเท็จจริงต่างกับฟ้อง
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 43 ซึ่งให้พนักงานอัยการเรียกทรัพย์สิน หรือราคาคืนในคดียักยอกทรัพย์นั้นหมายรวมทั้งคดีเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 ด้วย ตามแบบอย่างคำพิพากษาฎีกาที่ 1907/2494
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 43 ซึ่งให้พนักงานอัยการเรียกทรัพย์สิน หรือราคาคืนในคดียักยอกทรัพย์นั้นหมายรวมทั้งคดีเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 ด้วย ตามแบบอย่างคำพิพากษาฎีกาที่ 1907/2494
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1603/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความคดีปลอมแปลงเอกสารสิทธิและใช้เอกสารปลอม พิจารณาจากวันยื่นเอกสารและประเภทเอกสาร
เอกสารแบบขอและรับโอนการเช่าที่ดินของกรมรถไฟเป็นเพียงเอกสารสิทธิ กล่าวคือเป็นเอกสารแห่งการก่อ เปลี่ยนแปลงโอนสงวนหรือระงับซึ่งสิทธิ แต่ไม่ใช่เอกสารราชการเพราะไม่ใช่เอกสารที่เจ้าพนักงานได้ทำขึ้นหรือรับรองในหน้าที่
ความผิดในข้อหาอ้างใช้เอกสารปลอม เป็นความผิดสำเร็จเมื่อยื่นเอกสารต่อเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่รับเรื่อง อายุความฟ้องคดีจึงนับตั้งแต่วันยื่นเอกสารเป็นต้นไป แม้จะต้องมีการเสนอขึ้นไปตามลำดับชั้นจนถึงเจ้าพนักงานผู้ออกคำสั่งในชั้นที่สุด
ความผิดในข้อหาอ้างใช้เอกสารปลอม เป็นความผิดสำเร็จเมื่อยื่นเอกสารต่อเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่รับเรื่อง อายุความฟ้องคดีจึงนับตั้งแต่วันยื่นเอกสารเป็นต้นไป แม้จะต้องมีการเสนอขึ้นไปตามลำดับชั้นจนถึงเจ้าพนักงานผู้ออกคำสั่งในชั้นที่สุด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1603/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความคดีปลอมแปลงเอกสารสิทธิและการใช้เอกสารปลอม พิจารณาจากวันยื่นเอกสารต่อเจ้าพนักงาน
เอกสารแบบขอและรับโอนการเช่าที่ดินของกรมรถไฟเป็นเพียงเอกสารสิทธิ กล่าวคือเป็นเอกสารแห่งการก่อ เปลี่ยนแปลงโอนสงวนหรือระงับซึ่งสิทธิ แต่ไม่ใช่เอกสารราชการเพราะไม่ใช่เอกสารที่เจ้าพนักงานได้ทำขึ้นหรือรับรองในหน้าที่
ความผิดในข้อหาอ้างใช้เอกสารปลอม เป็นความผิดสำเร็จเมื่อยื่นเอกสารต่อเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่รับเรื่อง อายุความฟ้องคดีจึงนับตั้งแต่วันยื่นเอกสารเป็นต้นไป แม้จะต้องมีการเสนอขึ้นไปตามลำดับชั้นจนถึงเจ้าพนักงานผู้ออกคำสั่งในชั้นที่สุด
ความผิดในข้อหาอ้างใช้เอกสารปลอม เป็นความผิดสำเร็จเมื่อยื่นเอกสารต่อเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่รับเรื่อง อายุความฟ้องคดีจึงนับตั้งแต่วันยื่นเอกสารเป็นต้นไป แม้จะต้องมีการเสนอขึ้นไปตามลำดับชั้นจนถึงเจ้าพนักงานผู้ออกคำสั่งในชั้นที่สุด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 182/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหักล้างสัญญากู้ด้วยข้อต่อสู้เรื่องเอกสารปลอมและการใช้เอกสารสัญญากู้เป็นหลักฐานหนี้พนัน
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้ตามสัญญากู้ จำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธการกู้เงินและปฏิเสธว่าไม่ได้ทำสัญญากู้ให้โจทก์ลายมือชื่อในสัญญากู้เป็นลายมือชื่อที่จำเลยที่ 1 ลงไว้ในแบบพิมพ์สัญญากู้มอบให้จำเลยที่ 2เป็นหลักฐานแห่งหนี้การพนันที่จำเลยที่ 1 เสียแก่จำเลยที่ 2 โดยไม่ได้กรอกข้อความอื่นลงในแบบพิมพ์นั้นสัญญากู้ที่โจทก์อ้างเป็นเอกสารปลอม ดังนี้ จำเลยที่ 1 ย่อมนำสืบหักล้างตามข้อต่อสู้ได้เพราะมิใช่เป็นการสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสาร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1255/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้เอกสารปลอม: ประเด็นสำคัญอยู่ที่จำเลยรู้หรือไม่ว่าเอกสารเป็นปลอม วันเวลาใช้ไม่ใช่สาระสำคัญ
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้ใช้ใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวโดยรู้ว่าเป็นเอกสารปลอม จำเลยรับว่าได้นำไปใช้จริง แต่ไม่รู้ว่าเป็นเอกสารปลอม สารสำคัญของคำฟ้องจึงอยู่ที่ว่า จำเลยรู้หรือไม่ว่าเอกสารนั้นเป็นเอกสารปลอม ส่วนวันเวลาที่จำเลยนำไปใช้ไม่ใช่ข้อสารสำคัญ แม้วันเวลากระทำความผิดตามที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างกับที่กล่าวในฟ้องแต่จำเลยไม่ได้หลงต่อสู้ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยได้นำไปใช้จริง ศาลลงโทษจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 ซึ่งแก้ไขโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2499 มาตรา 13
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1255/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานใช้เอกสารปลอม ความสำคัญอยู่ที่การรู้ว่าเป็นเอกสารปลอม ไม่ใช่เวลาที่ใช้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้ใช้ใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวโดยรู้ว่าเป็นเอกสารปลอม จำเลยรับว่าได้นำไปใช้จริง แต่ไม่รู้ว่าเป็นเอกสารปลอมสารสำคัญของคำฟ้องจึงอยู่ที่ว่า จำเลยรู้หรือไม่ว่าเอกสารนั้นเป็นเอกสารปลอม ส่วนวันเวลาที่จำเลยนำไปใช้ไม่ใช่ข้อสารสำคัญ แม้วันเวลากระทำ ความผิดตามที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างกับที่กล่าวในฟ้องแต่จำเลยไม่ได้หลงต่อสู้ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยได้นำไปใช้จริงศาลลงโทษจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192ซึ่งแก้ไขโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา(ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2499 มาตรา 13