พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,483 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1886/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์ข้อเท็จจริงในชั้นบังคับคดี กรณีมีประเด็นใหม่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับคดีเดิม
แม้คดีเดิมจะต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงแล้วก็ดี หากกรณีพิพาทในชั้นบังคับคดีนั้นมีการตั้งประเด็นพิพาทโต้แย้งขึ้นมาใหม่ มิได้เกี่ยวกับประเด็นและคู่ความเดิม ทั้งตามรูปเรื่องไม่เป็นคดีที่ต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงแล้ว ก็ย่อมอุทธรณ์ข้อเท็จจริงได้
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 33/ 2505)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 33/ 2505)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1886/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อุทธรณ์คดีขับไล่: กรณีบริวารของผู้เช่าอ้างประเด็นใหม่ ย่อมมีสิทธิอุทธรณ์ข้อเท็จจริงได้
คดีฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากอสังหาริมทรัพย์อันมีค่าเช่าในขณะยื่นคำฟ้องไม่เกินเดือนละสองพันบาท ซึ่งต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง หากมีกรณีพิพาทในชั้นบังคับคดีแก่บริวารของผู้เช่า โดยผู้ที่ถูกอ้างว่าเป็นบริวารตั้งประเด็นพิพาทโต้แย้งขึ้นมาใหม่ ไม่เกี่ยวกับประเด็นพิพาทเดิม ทั้งตามรูปเรื่องไม่เป็นคดีที่ต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงแล้ว ย่อมอุทธรณ์ข้อเท็จจริงได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 178/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งฟ้องอุทธรณ์เนื่องจากไม่นำส่งเอกสาร หมายถึงการสละสิทธิ์ในการอุทธรณ์
การที่ผู้อุทธรณ์ไม่นำส่งหมายนัดและสำเนาฟ้องอุทธรณ์ให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งจะเป็นไปโดยจงใจหรือหลงลืมก็เป็นการทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความแพ่ง มาตรา 174,
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 178/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทิ้งฟ้องเนื่องจากไม่ส่งหมายนัดและสำเนาฟ้องอุทธรณ์
การที่ผู้อุทธรณ์ไม่นำส่งหมายนัด และสำเนาฟ้องอุทธรณ์ให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งจะเป็นโดยจงใจหรือหลงลืมก็เป็นการทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1244/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความมีผลผูกพัน แม้มีข้อผิดพลาดในการทำสัญญา จำเลยต้องอุทธรณ์ทันที
โจทก์จำเลยทำยอมความยอมแบ่งที่พิพาทกัน และศาลพิพากษาตามยอมแล้ว เมื่อจำเลยอ้างว่าทำยอมไปโดยความสำคัญผิด ทำให้จำเลยเสียเปรียบ และจำเลยได้เนื้อที่น้อยไปจากแผนที่จำลองท้ายยอมที่ศาลขีดไว้ ส่วนโจทก์กลับได้ที่ดินมากขึ้น ขอให้ศาลเรียกโจทก์มาสอบถามเพื่อสั่งให้โจทก์จำเลยได้ที่ดินตรงตามเหตุผลและตรงตามแผนที่ท้ายยอม ดังนี้ จำเลยชอบทีจะใช้สิทธิอุทธรณ์คำพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 138 แต่ข้ออ้างของจำเลยดังกล่าวก็ไม่ต้องด้วยข้อยกเว้นที่จำเลยจะอุทธรณ์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1199/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งศาลก่อนพิพากษาห้ามอุทธรณ์ เว้นแต่มีการโต้แย้ง และศาลอุทธรณ์มีอำนาจสั่งให้สืบพยานใหม่ได้
(1) ตามาตรา 226 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง นั้น หมายความว่าก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดีนั้น ถ้ามิใช่คำสั่งมาตรา 227, 228 แล้วห้ามอุทธรณ์คำสั่งนั้นในระหว่างพิจารณา แต่ถ้าได้โต้แย้งคำสั่งดังกล่าวไว้ก็มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งนั้นได้ เมื่อศาลพิพากษาหรือชี้ขาดตัดสินคดีแล้ว ฉะนั้น ถ้าไม่ได้แย้งไว้ ก็อุทธรณ์คำสั่งนั้นในภายหลังไม่ได้
(2) การที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เช่น ของฝ่ายผู้ค้าน เป็นต้นนั้น ไม่ใช่คำสั่งตามมาตรา 227, 228 และถือว่าเป็นคำสั่งก่อนพิพากษาหรือมีคำสั่งชี้ขาด ตัดสินคดีห้ามอุทธรณ์ตามมาตรา 226
(3) นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานจนถึงวันฟังคำสั่งตัดสินชี้ขชาดคดีซึ่งมีเวลาที่จะคัดค้านคำสั่งได้ถึง 10 วันนั้น ถือว่ามีเวลานานพอที่จะโต้แย้งแล้ว จึงอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งงดสืบพยานไม่ได้
(4) ผู้อุทธรณ์ได้อุทธรณ์คัดค้านคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้น ว่ารับฟังพยานหลักฐานไม่ชอบ ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจที่จะสั่งยกคำสั่งชี้ขาดหรือคำพิพากษาของศาลชั้นต้นแล้วให้พิจารณาพิพากษาใหม่ได้ตามมาตรา 243 (2)
(ข้อ 3 ประชุมใหญ่ครั้งที่ 33/2505)
(2) การที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เช่น ของฝ่ายผู้ค้าน เป็นต้นนั้น ไม่ใช่คำสั่งตามมาตรา 227, 228 และถือว่าเป็นคำสั่งก่อนพิพากษาหรือมีคำสั่งชี้ขาด ตัดสินคดีห้ามอุทธรณ์ตามมาตรา 226
(3) นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานจนถึงวันฟังคำสั่งตัดสินชี้ขชาดคดีซึ่งมีเวลาที่จะคัดค้านคำสั่งได้ถึง 10 วันนั้น ถือว่ามีเวลานานพอที่จะโต้แย้งแล้ว จึงอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งงดสืบพยานไม่ได้
(4) ผู้อุทธรณ์ได้อุทธรณ์คัดค้านคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้น ว่ารับฟังพยานหลักฐานไม่ชอบ ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจที่จะสั่งยกคำสั่งชี้ขาดหรือคำพิพากษาของศาลชั้นต้นแล้วให้พิจารณาพิพากษาใหม่ได้ตามมาตรา 243 (2)
(ข้อ 3 ประชุมใหญ่ครั้งที่ 33/2505)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 116/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาความผิดหลายกระทง ศาลไม่ต้องยึดข้อเท็จจริงจากกระทงที่อุทธรณ์ไม่ได้
โจทก์ฟ้องในข้อหาต่างกระทงกัน ต่อศาลแขวง แม้ข้อหากระทงหนึ่งซึ่งสาลแขวงยกฟ้องจะยุติไปเพราะต้องห้ามอุทธรณ์ข้อเท็จจริงก็ดี ข้อหากระทงอื่นซึ่งไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ข้อเท็จจริงเพราะไม่ใช่คดีที่อัตราโทษอยู่ในอำนาจศาลแขวงพิจารณาพิพากษา ก็หายุติตามไปด้วยไม่ และศาลไม่จำต้องฟังข้อเท็จจริงตาม กระทงที่ยุติไปเพราะต้องห้ามอุทธรณ์ข้อเท็จจริง ศาลอุทธรณ์จึงต้องพิจารณาข้อเท็จจริงแล้วพิพากษาในกระทงอื่นที่ไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ข้อเท็จจริงต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 762/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีอาญาปนแพ่ง: อุทธรณ์คดีแพ่งต้องใช้กรอบเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง แม้ฟ้องเริ่มจากคดีอาญา
ฟ้องคดีอาญาปนคดีแพ่งศาลยกฟ้องคดีส่วนอาญา แต่ให้โจทก์ชนะในส่วนแพ่ง ดังนี้จำเลยยื่นอุทธรณ์คดีส่วนแพ่งได้ในกำหนด 1 เดือน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 มิใช่กำหนด 15 วัน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 12/2504)
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 12/2504)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 762/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กำหนดอุทธรณ์คดีแพ่งปนคดีอาญา: ใช้มาตรา 229 ป.วิ.พ.
ฟ้องคดีอาญาปนคดีแพ่ง ศาลยกฟ้องคดีส่วนอาญา แต่ให้โจทก์ชนะในส่วนแพ่ง ดังนี้ จำเลยยื่นอุทธรณ์ คดีส่วนแพ่งได้ในกำหนดหนึ่งเดือนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 มิใช่กำหนด 15 วัน ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 610/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิอุทธรณ์คดีอาญาที่ศาลแขวงรอการลงโทษ: โจทก์-จำเลยมีสิทธิอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงได้ตามข้อยกเว้น
คดีที่ศาลแขวงพิพากษาให้ลงโทษจำคุกจำเลย แต่รอการลงโทษไว้ ซึ่งเข้าข้อยกเว้นตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2503 มาตรา 22(2) ให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงได้นั้น ย่อมมีความหมายรวมถึงทั้งโจทก์จำเลยที่มีสิทธิจะอุทธรณ์มิได้หมายถึงให้สิทธิเฉพาะจำเลยที่จะอุทธรณ์ได้แต่ฝ่ายเดียวเท่านั้น
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 13/2504
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 13/2504