พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,640 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 996/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: การเรียกร้องค่าใช้จ่ายที่เคยต่อสู้ในคดีเดิมแล้ว ศาลถือเป็นฟ้องซ้ำต้องห้ามตามกฎหมาย
ในคดีก่อนโจทก์ถูกทายาทของผู้ตายฟ้องเรียกทรัพย์มรดกของผู้ตายจากโจทก์ โจทก์ต่อสู้ว่ามีส่วนได้ด้วย และต่อสู้ว่าได้เสียค่ารักษาพยาบาล ค่าจัดการศพ ค่าปลงศพผู้ตายไป ถ้าศาลพิพากษาให้ทายาทชนะคดีก็ขอให้หักค่าใช้จ่ายดังกล่าวให้โจทก์ด้วย ศาลพิพากษาให้ทายาทผู้ตายชนะคดี โดยไม่หักค่าใช้จ่ายดังกล่าวให้โจทก์เพราะวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีสิทธิจะเรียกโจทก์ไม่ฎีกาต่อไป กลับมาฟ้องเรียกค่าใช้จ่ายดังกล่าวแก่ทายาทผู้ตายเป็นคดีใหม่อีกจึงเป็นการฟ้องซ้ำต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 148
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 959/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การระบุพยานและการส่งเอกสารประกอบคดี: การพิจารณา 'วันสืบพยาน' และผลของการไม่คัดค้านข้อกล่าวหาในชั้นศาล
'วันสืบพยาน' หมายความว่าวันที่ศาลเริ่มต้นทำการสืบพยาน
จำเลยระบุพยานก่อนวันนัดสืบพยานครั้งแรก 2 วัน แต่พอถึงกำหนดนัดสืบ ได้มีการเลื่อนวันสืบพยานต่อไปอีกและได้มีการเริ่มต้นสืบพยานกันในภายหลังอีกเดือนเศษ ดังนี้จะถือว่าจำเลยระบุพยานผิดวิธีพิจารณาไม่ได้
โจทก์ฎีกาคัดค้านว่าจำเลยมิได้ส่งสำเนาเอกสารให้โจทก์ก่อนวันสืบพยานแต่ปรากฏตามรายงานการพิจารณาของศาลว่าโจทก์ไม่คัดค้านข้อนี้แล้ว จึงจะฎีกาในข้อที่ไม่ได้คัดค้านไว้หาได้ไม่
จำเลยระบุพยานก่อนวันนัดสืบพยานครั้งแรก 2 วัน แต่พอถึงกำหนดนัดสืบ ได้มีการเลื่อนวันสืบพยานต่อไปอีกและได้มีการเริ่มต้นสืบพยานกันในภายหลังอีกเดือนเศษ ดังนี้จะถือว่าจำเลยระบุพยานผิดวิธีพิจารณาไม่ได้
โจทก์ฎีกาคัดค้านว่าจำเลยมิได้ส่งสำเนาเอกสารให้โจทก์ก่อนวันสืบพยานแต่ปรากฏตามรายงานการพิจารณาของศาลว่าโจทก์ไม่คัดค้านข้อนี้แล้ว จึงจะฎีกาในข้อที่ไม่ได้คัดค้านไว้หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 945/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มเติมฟ้องต้องไม่ขัดแย้งกับฟ้องเดิม หากขัดแย้งถือเป็นการเลิกฟ้องเดิมแล้วฟ้องใหม่ ศาลไม่ควรอนุญาต
เดิมโจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยทุจริตแสดงตัวเป็นโจทก์ขอรับโอนมฤดกที่ดินแล้วโอนขายให้จำเลยขอให้เพิกถอนการรับโอนมฤดกและการซื้อขาย ภายหลังขอเพิ่มเติมฟ้องว่าจำเลยทำสัญญายอมความ โดยจำเลยยอมโอนคืนที่พิพาทให้โจทก์ ๆ ชำระเงินที่ผู้อื่นเป็นลูกหนี้ จำเลยให้จำเลย 200 บาท เมื่อจำเลยโอนกรรมสิทธิที่ดินรายนี้ให้โจทก์แล้ว จึงขอให้ศาลพิพากษาตามสัญญายอมความนี้ถือว่าเป็นคนละลักษณะกับฟ้องเดิมคำขอบังคับก็ขัดกันเท่ากับขอเลิก ฟ้องเดิมแล้วเอาใหม่ไม่ใช่เพิ่มเติมฟ้องกรณีต้องตาม ป.วิ.แพ่ง ม. 179 วรรคท้ายซึ่งบัญญัติห้ามไว้ไม่ให้กระทำศาลชอบที่จะยกเสียตาม ม. 180 โจทก์จะได้ไปฟ้องเป็นคดีใหม่
ทำสัญญาปรานีประนอมยอมความกันไว้โดยลงชื่อรับผิดไว้แก่เขาแต่ฝ่ายเดียวแล้ว ไม่ปฏิบัติตามสัญญาเขาย่อมฟ้องให้รับผิดตามสัญญาที่ตนลงลายมือชื่อไว้ได้ โดยไม่เป็นปัญหาว่าเขาได้ตั้งตัวแทนให้ทำสัญญากับจำเลยหรือไม่ ซึ่งต่อมาเขาได้รับรองสัญญานั้นแล้วด้วย
ศาลชั้นต้นชอบที่ที่จะสั่งคำร้องขอเพิ่มเติมฟ้อง ถ้าศาลชั้นต้นไม่สั่งแต่ในชั้น
ทำสัญญาปรานีประนอมยอมความกันไว้โดยลงชื่อรับผิดไว้แก่เขาแต่ฝ่ายเดียวแล้ว ไม่ปฏิบัติตามสัญญาเขาย่อมฟ้องให้รับผิดตามสัญญาที่ตนลงลายมือชื่อไว้ได้ โดยไม่เป็นปัญหาว่าเขาได้ตั้งตัวแทนให้ทำสัญญากับจำเลยหรือไม่ ซึ่งต่อมาเขาได้รับรองสัญญานั้นแล้วด้วย
ศาลชั้นต้นชอบที่ที่จะสั่งคำร้องขอเพิ่มเติมฟ้อง ถ้าศาลชั้นต้นไม่สั่งแต่ในชั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 921/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การระบุพยานในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง และความรับผิดชอบในการนำตัวพยานมาศาล
คดีอาญาที่ราษฎรเป็นโจทก์ ฟ้องคดีเองโจทก์ได้ยื่นบัญชีระบุพยานแล้วและศาลทำการไต่สวนมูลฟ้องจนสั่งคดีมีมูลแล้ว นัดพิจารณาต่อไปในชั้นพิจารณาศาลก็ออกหมายเรียกพยานตามบัญชีระบุพยานนั้นมอบให้โจทก์รับไป แม้จะไม่ได้ยื่นบัญชีระบุพยานอีกในชั้นพิจารณาก็ย่อมถือว่าโจทก์ได้ยื่นบัญชีระบุพยานต่อศาลตามกฎหมายแล้ว
โจทก์รับหมายพยานไปแล้ว จะส่งให้พยานได้หรือไม่ไม่ปรากฏ พยานไม่มาศาลโดยไม่ปรากฏว่าโจทก์พยายามเสือกใสหน่วงเหนี่ยว จะว่าโจทก์ประวิงความและไม่ให้โจทก์เลื่อนคดีไม่ได้
โจทก์รับหมายพยานไปแล้ว จะส่งให้พยานได้หรือไม่ไม่ปรากฏ พยานไม่มาศาลโดยไม่ปรากฏว่าโจทก์พยายามเสือกใสหน่วงเหนี่ยว จะว่าโจทก์ประวิงความและไม่ให้โจทก์เลื่อนคดีไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 917/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิร้องสอดเป็นจำเลย: ศาลไม่อาจสั่งให้ฟ้องใหม่ หากมีสิทธิร้องสอดเข้ามาเป็นคู่ความได้
ผู้ร้องสอดที่ร้องสอดเข้ามาเป็นจำเลยโต้แย้งว่าที่พิพาทรายเดียวกันนั้นเป็นของผู้ร้อง ไม่ใช่ของจำเลย ดังนี้ ต้องตามมาตรา 57 อนุมาตรา (1)ไม่ใช่ตามอนุมาตรา (2) ผู้ร้องสอดมีสิทธิร้องสอดเข้ามาเป็นคู่ความ ศาลจะยกมาตรา 29 วรรคท้ายมาใช้สั่งไม่อนุญาตโดยให้ไปฟ้องใหม่เป็นอีกสำนวนหนึ่งไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 913/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิเคราะห์หลักฐานขัดแย้งในคดีกรรมสิทธิ์ที่ดิน: ศาลต้องสืบพยานเพิ่มเติมเพื่อหาข้อเท็จจริงที่ชัดเจน
กรณีที่ศาลชั้นต้นสืบตัวโจทก์หนึ่งปากแล้ว งดสืบพยานต่อไป พิพากษายกฟ้องโจทก์เสีย เมื่อปรากฏว่าข้อที่สืบยังไม่เป็นหลักฐานที่แน่นอนพอจะพิพากษาชี้ขาดคดีได้โดยแน่ชัด ศาลสูงก็ต้องพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานต่อไปแล้วพิพากษาใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 906/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรวมโทษในความผิดหลายกระทง ศาลไม่จำเป็นต้องลงโทษขั้นต่ำทุกกระทง
ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 71 บัญญัติว่าในคำพิพากษาอันเดียวกันศาลจะลงโทษทุกกะทงก็ได้ ดังนี้ย่อมเป็นที่เข้าใจได้ว่าศาลจะไม่เรียงกะทงลงโทษก็ได้ และเมื่อไม่เรียงกะทงลงโทษแล้ว ก็ไม่จำต้องลงโทษไม่น้อยกว่าตราคั่นต่ำของทุกกะทงความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 846/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานหลักฐานบาดแผลสาหัส ศาลต้องเปิดโอกาสให้โจทก์สืบพยาน แม้จำเลยและผู้เสียหายจะให้การไม่สอดคล้องกัน
ฟ้องหาว่าจำเลยใช้มีดแทงผู้เสียหายบาดเจ็บสาหัส ประกอบด้วยทุกข์เวทนากล้าเกินกว่า 20 วัน แพทย์ลงความเห็นว่าบาดแผลสาหัสมากน่ากลัวอันตราย รักษาประมาณ 1 เดือน จำเลยรับสารภาพ แม้ผู้เสียหายกับจำเลยแถลงต้องกันว่ารักษาตัวอยู่โรงพยาบาล 14 วันก็หาย โจทก์ไม่คัดค้านแต่จะขอสืบพยานว่าเป็นบาดแผลสาหัส ดังนี้ ศาลต้องให้โจทก์นำสืบ จะสั่งงดไม่สบพยานเสียไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 821/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีครอบครองที่ดิน ศาลต้องวินิจฉัยกรรมสิทธิก่อน หากกรรมสิทธิไม่ชัดเจน การพิพากษายกฟ้องเฉพาะข้อบุกรุกจึงไม่ชอบ
โจทก์ฟ้องว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยบุกรุกขอให้ศาลแสดงว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยต่อสู้ว่าที่พิาพทเป็นของผู้ร้องสอด และจำเลยมิได้บุกรุก ผู้ร้องสอดร้องสอดเข้ามา ก็ให้การยืนยันว่าผู้ร้องสอดเป็นเจ้าของที่พิพาทดังนี้ ประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีจึงมีเป็นประการแรกว่า ที่พิพาทเป็นของใคร ถ้าฟังว่าเป็นของโจทก์ จึงจะมีประเด็นต่อไปว่า จำเลยบุกรุกหรือเปล่า ถ้าฟังว่าที่เป็นของผู้ร้องสอดข้อบุกรุกก็ตกไป ฉะนั้นศาลจะชี้ขาดแต่เพียงว่าจำเลยไม่ได้บุกรุกแล้วพิพากษายกฟ้องโจกท์เสียโดยไม่ชี้ขาดว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือมิใช่ ซึ่งเป็นของโจทก์หรือมิใช่ ซึ่งเป็นข้ออ้างสำคัญที่โจทก์อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาในคดีนี้นี้นจึงมิได้เป็นการตัดสินคดีตามข้อหาในฟ้องของโจทก์ทุกข้อเป็นการปฏิบัติไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติ ป.ว.แพ่ง 142,246
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 818/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งมรดกตามส่วน ศาลไม่จำกัดจำนวนเงินตามที่โจทก์ขอ
โจทก์ฟ้องขอแบ่งมรดกตามส่วนแล้วกำหนดจำนวนเงินมาด้วย เมื่อศาลพิพากษาให้โจทก์ได้รับส่วนแบ่งมรดกแล้ว ศาลจะไม่จำกัดจำนวนเงินคั่นสูงไว้ตามที่โจทก์มีคำขอก็ได้