พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,024 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 682/2471
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่มีปัญหาข้อกฎหมาย: ศาลอุทธรณ์แก้ไขคำพิพากษาเรื่องค่าเสียหาย
ฎีกาเรื่องค่าเสียหายไม่เปนปัญหาข้อกฎหมายฎีกาอุทธรณ์แก้เล็กน้อย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 414/2471
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลแก้ไขโทษจำเลยที่ไม่ฎีกา และการพิจารณาความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา
กรรมเปนเครื่องชี้เจตนา วิธีพิจารณาอาญา ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขโทษที่จำเลยไม่ฎีกาขึ้นมา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 281/2471
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานรักษาทรัพย์ฎีกาได้เฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย แต่หากศาลอุทธรณ์ชี้ขาดข้อเท็จจริงโดยอาศัยหลักฐานอื่น ศาลฎีกาจะยกฎีกา
เจ้าพนักงานรักษาทรัพย์จะฎีกาได้แต่ปัญหากฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 247/2471
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อพิพาทสัญญาจะแต่งงานและการคืนเงิน - ประเด็นข้อเท็จจริงที่ฎีกาไม่ได้
คดีแพ่งทุนทรัพย์ไม่เกิน 2000 บาท ฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7111/2559
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอนุญาตฎีกาที่ไม่ถูกต้องในคดีเยาวชนและครอบครัว และผลกระทบต่อการพิจารณาคดี
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกรวม 5 ปี 6 เดือน อาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 มาตรา 142 (1) ให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นส่งตัวจำเลยไปควบคุมเพื่อฝึกและอบรมที่ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน เขต 4 จังหวัดขอนแก่น มีกำหนด 3 ปี นับแต่วันพิพากษา ริบของกลาง และศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายืน จึงเป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 4 ใช้วิธีการสำหรับเด็กและเยาวชนโดยเปลี่ยนโทษจำคุกเป็นส่งจำเลยไปฝึกและอบรมซึ่งมิใช่การลงโทษตาม ป.อ. มาตรา 18 ต้องถือว่าศาลล่างทั้งสองมิได้ลงโทษจำคุกจำเลยเกิน 5 ปี จึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218 วรรคหนึ่ง ประกอบ พ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 มาตรา 6 และมาตรา 183 ซึ่งกรณีนี้จำเลยจะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นหรือคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4 ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 221 แต่คดีนี้จำเลยยื่นคำร้องพร้อมคำฟ้องฎีกาต่อศาลชั้นต้นขอให้ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกา และผู้พิพากษาหัวหน้าศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้จำเลยฎีกาซึ่งไม่ถูกต้อง แต่อย่างไรก็ดีปรากฏว่าคดีนี้ศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยขยายระยะเวลายื่นฎีกาได้จนถึงวันที่ 28 สิงหาคม 2558 และจำเลยยื่นคำร้องพร้อมคำฟ้องฎีกาต่อศาลชั้นต้นในวันที่ 19 สิงหาคม 2558 ซึ่งหากผู้พิพากษาหัวหน้าศาลชั้นต้นพิจารณาสั่งคำร้องของจำเลยโดยถูกต้องว่าไม่มีอำนาจอนุญาตให้จำเลยฎีกาได้ และศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยแต่แรกแล้ว จำเลยย่อมมีเวลาเพียงพอที่จะแก้ไขข้อผิดพลาดบกพร่องดังกล่าวด้วยการยื่นคำร้องพร้อมคำฟ้องฎีกาเพื่อขอให้ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์ภาค 4 อนุญาตให้จำเลยฎีกาได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 221 จึงเห็นสมควรให้โอกาสจำเลยยื่นคำร้องพร้อมคำฟ้องฎีกาต่อศาลชั้นต้นเสียใหม่ให้ถูกต้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6881/2559
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีซ้ำซ้อนหลังมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว ศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจพิจารณาคดีซ้ำ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ตลอดชีวิต โจทก์ร่วมอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ลงโทษประหารชีวิตจำเลยที่ 1 ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยว่า เนื่องจากคดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ตลอดชีวิต แม้โจทก์และจำเลยที่ 1 จะไม่อุทธรณ์ ส่วนโจทก์ร่วมอุทธรณ์เกี่ยวกับดุลพินิจในการลงโทษของศาลชั้นต้น แต่ก็พอถือได้ว่าความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ศาลชั้นต้นได้ส่งสำนวนมายังศาลอุทธรณ์ภาค 2 เพื่อวินิจฉัยไปพร้อมกับอุทธรณ์ของโจทก์ร่วมตาม ป.วิ.อ. มาตรา 245 วรรคสอง กรณีจึงถือได้ว่า คดีเกี่ยวกับการกระทำความผิดของจำเลยที่ 1 ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ได้มีการพิจารณาตามอุทธรณ์ของโจทก์ร่วมและวินิจฉัยตาม ป.วิ.อ. มาตรา 245 วรรคสองแล้ว และเมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 2 มีคำพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยคู่ความมิได้ฎีกาโต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ดังกล่าว คดีเกี่ยวกับจำเลยที่ 1 จึงถึงที่สุดตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ส่งสำนวนให้ศาลอุทธรณ์ภาค 2 เพื่อพิจารณาพิพากษาคดีในส่วนนี้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 245 วรรคสอง ซ้ำอีก จึงเป็นการไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6410/2559
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 216 วรรคหนึ่ง เมื่อฎีกาโต้แย้งเฉพาะคำพิพากษาศาลชั้นต้น มิได้คัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
จำเลยทั้งสองฎีกาโดยคัดลอกข้อความมาจากอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองทั้งสิ้น คงมีการแก้ไขเฉพาะคำว่าศาลอุทธรณ์ภาค 4 เป็นศาลฎีกา และมีส่วนเพิ่มเติม พิมพ์ตกหรือพิมพ์ผิดไปจากอุทธรณ์บ้างเล็กน้อยในรายละเอียด ฎีกาของจำเลยทั้งสองจึงเป็นการโต้แย้งเฉพาะคำพิพากษาศาลชั้นต้น มิได้โต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4 ว่าพิพากษาไม่ชอบอย่างไร หรือไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4 เพราะเหตุใด ทั้งเหตุผลในการวินิจฉัยคดีของศาลชั้นต้นกับศาลอุทธรณ์ภาค 4 ก็แตกต่างกัน ฎีกาของจำเลยทั้งสองจึงเป็นฎีกาที่มิได้คัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4 อันเป็นการไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 216 วรรคหนึ่ง แม้ศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยทั้งสองฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงและสั่งรับฎีกาของจำเลยทั้งสองไว้ ศาลฎีกาก็ไม่รับวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5256/2559
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
วันคดีถึงที่สุดในคดีอาญา: การพิจารณาจากฎีกาในความผิดอื่นและผลต่อการบังคับคดี
แม้จำเลยที่ 2 ไม่ได้ฎีกาในความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 อันทำให้การกระทำความผิดของจำเลยที่ 2 ดังกล่าวยุติไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 5 ก็ตาม แต่จำเลยที่ 2 ได้ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 5 ในความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2499 และ ป.อ. มาตรา 138 วรรคสอง, 289 (2) ประกอบมาตรา 80, 83 เมื่อศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 2 ไม่มีความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ และ ป.อ. มาตรา 138 วรรคสอง, 289 (2) ประกอบมาตรา 80, 83 แล้วพิพากษาแก้ให้บังคับคดีจำเลยที่ 2 ไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2 ในความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน 25 ปี ถือว่าจำเลยที่ 2 ฎีกาคดีนี้และศาลฎีกาวินิจฉัยฎีกาของจำเลยที่ 2 แล้ว เมื่อศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาให้จำเลยที่ 2 ฟังเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2552 คดีของจำเลยที่ 2 จึงถึงที่สุดในวันดังกล่าวตาม ป.วิ.พ. มาตรา 147 วรรคสอง ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 15