พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,483 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 216/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพิจารณาและการถอนคำร้องขอสืบพยาน ทำให้ไม่อุทธรณ์ฎีกาได้ตาม ป.วิ.แพ่ง
ศาลชั้นต้นสั่งให้ผู้ร้องขัดทรัพย์นำสืบก่อน ถึงวันนัดผู้ร้องขัดทรัพย์ไม่ได้ระบุพยานและไม่มาศาล ศาลจึงมีคำสั่งว่าผู้ร้องขาดนัดพิจารณา สืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียว ผู้ร้องขัดทรัพย์ยื่นคำร้องแสดงเหตุขอให้ศาลรับระบุพยานเพื่อสืบพยานต่อไปแล้วกลับถอนคำร้องนั้นเสีย ถือว่าผู้ร้องมิได้โต้แย้งคำสั่งไว้ตาม ป.วิ.แพ่ง มาตรา 226 จึงต้องห้ามอุทธรณ์ ฎีกา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 216/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพิจารณาและการถอนคำร้องขอสืบพยาน ทำให้ไม่อุทธรณ์ฎีกาได้ตามกฎหมาย
ศาลชั้นต้นสั่งให้ผู้ร้องขัดทรัพย์นำสืบก่อนถึงวันนัดผู้ร้องขัดทรัพย์ไม่ได้ระบุพยานและไม่มาศาล ศาลจึงมีคำสั่งว่าผู้ร้องขาดนัดพิจารณา สืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียวผู้ร้องขัดทรัพย์ยื่นคำร้องแสดงเหตุขอให้ศาลรับระบุพยานเพื่อสืบพยานต่อไปแล้วกลับถอนคำร้องนั้นเสียถือว่าผู้ร้องมิได้โต้แย้งคำสั่งไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226จึงต้องห้ามอุทธรณ์ฎีกา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 175/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อุทธรณ์ปัญหาข้อเท็จจริงในคดีบุกรุก-ทำให้เสียทรัพย์ ศาลแขวงไม่รับอุทธรณ์ตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวง
ศาลแขวงพิพากษายกฟ้อง โจทก์โดยฟังว่าจำเลยไม่มีเจตนากระทำความผิดฐานบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์ เมื่อโจทก์อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499 มาตรา 22
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 175/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อุทธรณ์ปัญหาข้อเท็จจริงในคดีอาญาต่อศาลแขวงเป็นอุทธรณ์ต้องห้ามตามกฎหมาย
ศาลแขวงพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยฟังว่าจำเลยไม่มีเจตนากระทำความผิดฐานบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์เมื่อโจทก์อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงจึงต้องห้ามตาม พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499 มาตรา22
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 164/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้าม – ข้อเท็จจริง – ดุลพินิจ – การอุทธรณ์ – โจทก์และจำเลย
ศาลชั้นต้นให้จำคุกจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 251จำคุก 10 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนแต่ให้จำคุก 5ปีเช่นนี้โจทก์จำเลยจะฎีกาในเรื่องดุลพินิจ หรือในเรื่องว่าพยานเบิกความแตกต่างไม่ได้เพราะเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1708/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายเวลาวางค่าธรรมเนียมอุทธรณ์: ศาลพิจารณาเจตนาจำเลยและประโยชน์แห่งความยุติธรรม
จำเลยอุทธรณ์โดยมิได้วางเงินค่าธรรมเนียมที่ต้องใช้แทนโจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น แต่ศาลชั้นต้นก็ได้รับอุทธรณ์ไว้โดยจำเลยไม่มีเจตนาที่จะไม่วางเงินนั้น และต่อมาก็ได้นำมาวางแล้ว ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ ศาลฎีกาถือว่าศาลได้ขยายเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมให้แล้วให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1706/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวางค่าฤชาธรรมเนียมในการอุทธรณ์ ศาลมีอำนาจขยายเวลาได้ แม้ผู้ถูกอุทธรณ์มิได้คัดค้าน
การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับฟ้องอุทธรณ์โดยผู้อุทธรณ์มิได้วางค่าฤชาธรรมเนียมที่จะต้องใช้แทนอีกฝ่ายหนึ่งพร้อมฟ้องอุทธรณ์เป็นการไม่ชอบนั้น ถ้าผู้อุทธรณ์ไม่ได้ขัดขืน ศาลอุทธรณ์ก็ชอบที่จะขยายเวลาวางเงินดั่งกล่าวให้ ไม่ควรจะยกอุทธรณ์เสียทีเดียว.
(ประชุมใหญ่)
(ประชุมใหญ่)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1706/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวางค่าฤชาธรรมเนียมในการอุทธรณ์ หากศาลชั้นต้นรับฟ้องโดยมิได้วางค่าธรรมเนียม จำเลยไม่ขัดขืน ศาลอุทธรณ์มีอำนาจขยายเวลาได้
การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับฟ้องอุทธรณ์โดยผู้อุทธรณ์มิได้วางค่าฤชาธรรมเนียมที่จะต้องใช้แทนอีกฝ่ายหนึ่งพร้อมฟ้องอุทธรณ์เป็นการไม่ชอบนั้น ถ้าผู้อุทธรณ์ไม่ได้ขัดขืน ศาลอุทธรณ์ก็ชอบที่จะขยายเวลาวางเงินดังกล่าวให้ ไม่ควรจะยกอุทธรณ์เสียทีเดียว (ประชุมใหญ่)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1701/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลฎีกาเมื่อศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงขัดกับข้อจำกัดการอุทธรณ์
เมื่อศาลฎีกาเห็นว่า คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ไม่ถูกกฎหมาย เพราะเป็นคดีต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ซึ่งศาลอุทธรณ์ต้องฟังข้อเท็จจริงตามศาลชั้นต้น แต่ศาลอุทธรณ์กลับวินิจฉัยฟังข้อเท็จจริงไปเสียตรงข้าม ดังนี้ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาโดยถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นฟังมา ไปได้ทีเดียว (โดยไม่จำต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาใหม่)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1540/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่นำสืบและการอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นในคดีครอบครองที่ดิน
เมื่อศาลชั้นต้นสั่งหน้าที่นำสืบตกแก่จำเลย จำเลยได้โต้แย้งคำสั่งนั้นไว้ จำเลยจึงมีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226(2)
โจทก์ฟ้องว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ แม้จำเลยต่อสู้ว่าเดิมที่พิพาทเป็นของโจทก์จริงแต่ได้ขายให้แก่จำเลยแล้วก็ตาม เมื่อปรากฏว่าที่พิพาทเป็นที่ไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ และจำเลยเป็นผู้ครอบครองอยู่ ดังนี้ หน้าที่นำสืบจึงตกแก่โจทก์
โจทก์ฟ้องว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ แม้จำเลยต่อสู้ว่าเดิมที่พิพาทเป็นของโจทก์จริงแต่ได้ขายให้แก่จำเลยแล้วก็ตาม เมื่อปรากฏว่าที่พิพาทเป็นที่ไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ และจำเลยเป็นผู้ครอบครองอยู่ ดังนี้ หน้าที่นำสืบจึงตกแก่โจทก์