พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,640 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 184/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลงดสืบพยานเมื่อเห็นว่าไม่เป็นประโยชน์ต่อคดี และเป็นการประวิงคดี
เมื่อศาลเห็นว่าพะยานโจทก์ที่จะขอนำสืบอีกนั้น ไม่มีประโยชน์แก่คดีโจทก์เป็นการประวิงให้ชักช้าไปเปล่า ๆ ศาลมีอำนาจงดสืบเสียได้ตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 174 วรรคสุดท้าย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 184/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการงดสืบพยานเพื่อป้องกันการประวิงคดี
เมื่อศาลเห็นว่าพยานโจทก์ที่จะขอนำสืบอีกนั้น ไม่มีประโยชน์แก่คดีโจทก์ เป็นการประวิงให้ชักช้าไปเปล่าๆศาลมีอำนาจงดสืบเสียได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 174 วรรคสุดท้าย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1816/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวางเพลิงทำลายทรัพย์สิน: ศาลลงโทษฐานความผิดตามบทมาตราที่ถูกต้อง แม้บทลงโทษที่อ้างในฟ้องไม่ตรงกับประเภททรัพย์สิน
ฟ้องหาว่าจำเลยวางเพลิงจุดเผาต้นอ้อยในไร่ซึ่งเป็นไม้ยืนต้นเป็นอสังหาริมทรัพย์เสียหาย ขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 186 เมื่อข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาฟังได้ตามฟ้องจริงแต่ศาลเห็นว่าต้นอ้อยเป็นเพียงสังหาริมทรัพย์, ไม่ใช่อสังหาริมทรัพย์ เช่นนี้ จึงเป็นกรณีเข้าตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 192 วรรค 4 ศาลย่อมลงโทษจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 185 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1816/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษฐานวางเพลิงทำลายทรัพย์สิน แม้โจทก์อ้างฐานความผิดผิด แต่ศาลลงโทษตามความผิดที่ถูกต้องได้
ฟ้องหาว่าจำเลยวางเพลิงจุดเผาต้นอ้อยในไร่ซึ่งเป็นไม้ยืนต้นเป็นอสังหาริมทรัพย์เสียหาย ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 186 เมื่อข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาฟังได้ตามฟ้องจริงแต่ศาลเห็นว่าต้นอ้อยเป็นเพียงสังหาริมทรัพย์ไม่ใช่อสังหาริมทรัพย์ เช่นนี้ จึงเป็นกรณีเข้าตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสี่ ศาลย่อมลงโทษจำเลยตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 185 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1800/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจดุลยพินิจศาลในการเลื่อนคดีอาญาเมื่อโจทก์และพยานไม่มาศาล
คดีอาญาวันนัดไต่สวนมูลฟ้อง มีแต่ทนายโจทก์ไปศาลแต่โจทก์ไม่ไปศาล พยานก็ไม่ไปศาลเช่นนี้ถ้าทนายโจทก์ขอเลื่อน ก็อยู่ในดุลยพินิจของศาลที่ให้เลื่อนหรือไม่
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เห็นไม่สมควรให้เลื่อน จึงเป็นอันยุติตามที่ศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ชี้ไว้เพราะเป็นดุลยพินิจ
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เห็นไม่สมควรให้เลื่อน จึงเป็นอันยุติตามที่ศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ชี้ไว้เพราะเป็นดุลยพินิจ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 178/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการริบของกลางคดีพนัน: ศาลมีอำนาจแต่ไม่บังคับต้องริบ
เครื่องที่ใช้ในการเล่นการพนันตาม พระราชบัญญัติการพนันมาตรา 10 วรรคสองนั้น ให้อำนาจศาลจะริบหรือไม่ริบก็ได้ ตะเกียงเจ้าพายุที่ใช้ในการเล่นการพนันศาลไม่ริบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1670/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตกลงท้ากันทางศาล: โจทก์เปลี่ยนประเด็นไม่ได้หากการรังวัดเป็นไปตามที่ตกลง
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยบุกรุกปลูกต้นกล้วยในที่ดิน อันอยู่ในเขตต์โฉนดของโจทก์ จำเลยต่อสู้ว่าที่ตรงนั้นเป็นของจำเลยและอยู่นอกเขตต์โฉนดของโจทก์ โจทก์จำเลยจึงตกลงตั้งประเด็นท้ากัน โดยให้เจ้าพนักงานที่ดินไปรังวัดสอบเขตต์ ถ้าต้นกล้วยอยู่นอกเขตต์โฉนดของโจทก์ ๆ ยอมแพ้ถ้าอยู่ในโฉนด จำเลยยอมแพ้ เจ้าพนักงานไปรังวัดทำแผนที่มาส่งศาล ปรากฎว่าต้นกล้วยอยู่นอกเขตต์โฉนดของโจทก์ ดังนี้โจทก์จะขอสืบพยานในข้อครอบครองต่อไปไม่ได้ เพราะเป็นการเปลี่ยนประเด็นตามที่ตกลงท้ากัน
ในกรณีข้างต้น โจทก์จะเปลี่ยนประเด็นได้ก็ต้องได้ความว่า เจ้าพนักงานไม่สามารถรังวัดได้ตามที่ท้ากัน
ในกรณีข้างต้น โจทก์จะเปลี่ยนประเด็นได้ก็ต้องได้ความว่า เจ้าพนักงานไม่สามารถรังวัดได้ตามที่ท้ากัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1669/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งฟ้องอุทธรณ์: ศาลมีอำนาจใช้ดุลยพินิจ ไม่จำกัดเฉพาะการจำหน่ายคดี
การทิ้งฟ้องตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 174 นั้น ย่อมนำมาใช้บังคับแก่การทิ้งอุทธรณ์ได้โดยอนุโลม
(อ้างฎีกาที่ 679/2490)
ในกรณีที่โจทก์ทิ้งฟ้องตามมาตรา 174 นั้น ศาลมีอำนาจสั่งจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความได้ตามมาตรา 132 แต่บทมาตรา 132 นี้ไม่ได้บังคับเด็ดขาดว่า ศาลต้องจำหน่ายคดีเป็นแต่ให้ศาลใช้ดุลยพินิจ ถ้าศาลไม่สั่งให้จำหน่ายคดีกรณีก็ต้องชี้ขาดตัดสินไปตามมาตรา 133
(อ้างคำสั่งคำร้องที่ 57/2493)
จำเลยอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น แล้วนำเจ้าพนักงานไปส่งหมายนัดแก้อุทธรณ์ให้โจทก์เกินกำหนด 15 วันไป 1 วันนั้นศาลอาจเห็นว่า เป็นพฤติการณ์ที่ยังไม่สมควรที่จะจำหน่ายคดีของจำเลยได้
(อ้างฎีกาที่ 679/2490)
ในกรณีที่โจทก์ทิ้งฟ้องตามมาตรา 174 นั้น ศาลมีอำนาจสั่งจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความได้ตามมาตรา 132 แต่บทมาตรา 132 นี้ไม่ได้บังคับเด็ดขาดว่า ศาลต้องจำหน่ายคดีเป็นแต่ให้ศาลใช้ดุลยพินิจ ถ้าศาลไม่สั่งให้จำหน่ายคดีกรณีก็ต้องชี้ขาดตัดสินไปตามมาตรา 133
(อ้างคำสั่งคำร้องที่ 57/2493)
จำเลยอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น แล้วนำเจ้าพนักงานไปส่งหมายนัดแก้อุทธรณ์ให้โจทก์เกินกำหนด 15 วันไป 1 วันนั้นศาลอาจเห็นว่า เป็นพฤติการณ์ที่ยังไม่สมควรที่จะจำหน่ายคดีของจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1669/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งฟ้องอุทธรณ์และการใช้ดุลพินิจของศาลในการจำหน่ายคดี
การทิ้งฟ้องตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174นั้น ย่อมนำมาใช้บังคับแก่การทิ้งอุทธรณ์ได้โดยอนุโลม(อ้างฎีกาที่ 679/2490)
ในกรณีที่โจทก์ทิ้งฟ้องตามมาตรา 174 นั้น ศาลมีอำนาจสั่งจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความได้ตามมาตรา 132 แต่บทมาตรา 132 นี้ไม่ได้บังคับเด็ดขาดว่า ศาลต้องจำหน่ายคดีเป็นแต่ให้ศาลใช้ดุลพินิจ ถ้าศาลไม่สั่งให้จำหน่ายคดีกรณีก็ต้องชี้ขาดตัดสินไปตามมาตรา 133 (อ้างคำสั่งคำร้องที่ 57/2493)
จำเลยอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น แล้วนำเจ้าพนักงานไปส่งหมายนัดแก้อุทธรณ์ให้โจทก์เกินกำหนด 15 วันไป 1 วันนั้น ศาลอาจเห็นว่า เป็นพฤติการณ์ที่ยังไม่สมควรที่จะจำหน่ายคดีของจำเลยได้
ในกรณีที่โจทก์ทิ้งฟ้องตามมาตรา 174 นั้น ศาลมีอำนาจสั่งจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความได้ตามมาตรา 132 แต่บทมาตรา 132 นี้ไม่ได้บังคับเด็ดขาดว่า ศาลต้องจำหน่ายคดีเป็นแต่ให้ศาลใช้ดุลพินิจ ถ้าศาลไม่สั่งให้จำหน่ายคดีกรณีก็ต้องชี้ขาดตัดสินไปตามมาตรา 133 (อ้างคำสั่งคำร้องที่ 57/2493)
จำเลยอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น แล้วนำเจ้าพนักงานไปส่งหมายนัดแก้อุทธรณ์ให้โจทก์เกินกำหนด 15 วันไป 1 วันนั้น ศาลอาจเห็นว่า เป็นพฤติการณ์ที่ยังไม่สมควรที่จะจำหน่ายคดีของจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1618-1619/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาที่ไม่รับฟังข้อโต้แย้งเรื่องข้อเท็จจริง เนื่องจากศาลชั้นต้นและอุทธรณ์มีคำพิพากษายกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริงเดิม
แม้ศาลเดิมและศาลอุทธรณ์จะฟังข้อเท็จจริงต่างกัน แต่ศาลเดิมและศาลอุทธรณ์ก็คงพิพากษายกฟ้องโจทก์ โดยอาศัยข้อเท็จจริงนั่นเองนั้น โจทก์จะฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้ต้องห้ามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 และจำเลยจะฎีกาขอให้ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงอีกก็ไม่ได้เช่นเดียวกัน