คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ขาดนัด

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 616 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4040/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดพิจารณาคดีเนื่องจากความเข้าใจผิดเรื่องเวลา ศาลอนุญาตให้พิจารณาคดีใหม่ได้หากมิได้จงใจ
จำเลยแต่งทนายและยื่นคำให้การปฏิเสธความรับผิดตามฟ้อง แสดงว่าประสงค์จะต่อสู้คดีจนถึงที่สุด ทั้งจำเลยและทนายก็มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์แต่ผิดเวลาไป คือมาศาลหลังจากที่ศาลสั่งขาดนัดพิจารณาและสืบพยานโจทก์ไปแล้ว พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าจำเลยเข้าใจผิดเรื่องเวลานัดของศาลเนื่องจากทนายจำเลยจดเวลานัดในสมุดนัดผิดพลาดถือได้ว่าจำเลยไม่ได้จงใจขาดนัดพิจารณา และขอพิจารณาคดีใหม่ได้
จำเลยมาศาลหลังจากเริ่มต้นสืบพยานไปแล้ว แต่ศาลยังไม่ได้มีคำพิพากษา ถือได้ว่าอยู่ในระหว่างพิจารณาคดีฝ่ายเดียว จำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาคดีใหม่ในระยะเวลาดังกล่าว เป็นการขอตาม ป.วิ.พ. มาตรา 205 วรรคสอง ไม่ต้องกล่าวขอคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลในคำร้องดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 208 วรรคท้าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4040/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดพิจารณาคดีโดยไม่ได้จงใจ และสิทธิในการขอพิจารณาคดีใหม่
จำเลยแต่งทนายและยื่นคำให้การปฏิเสธความรับผิดตามฟ้องแสดงว่าประสงค์จะต่อสู้คดีจนถึงที่สุด ทั้งจำเลยและทนายก็มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ แต่ผิดเวลาไปคือมาศาลหลังจากที่ศาลสั่งขาดนัดพิจารณาและสืบพยานโจทก์ไปแล้ว พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าจำเลยเข้าใจผิดเรื่องเวลานัดของศาลเนื่องจากทนายจำเลยจดเวลานัดในสมุดนัดผิดพลาดถือได้ว่าจำเลยไม่ได้จงใจขาดนัดพิจารณา จำเลยย่อมขอพิจารณาคดีใหม่ได้ จำเลยมาศาลหลังจากเริ่มต้นสืบพยานไปแล้ว แต่ศาลยังไม่ได้มีคำพิพากษา ถือได้ว่าอยู่ในระหว่างพิจารณาคดีฝ่ายเดียว จำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาคดีใหม่ในระยะเวลาดังกล่าว เป็นการขอตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 205 วรรคสอง จึงไม่จำต้องกล่าวข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลในคำร้องดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 208 วรรคท้าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4040/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขาดนัดพิจารณาคดีโดยไม่ได้จงใจ: สิทธิในการขอพิจารณาคดีใหม่
จำเลยแต่งทนายและยื่นคำให้การปฏิเสธความรับผิดตามฟ้อง แสดงว่าประสงค์จะต่อสู้คดีจนถึงที่สุด ทั้งจำเลยและทนายก็มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์แต่ผิดเวลาไป คือมาศาลหลังจากที่ศาลสั่งขาดนัดพิจารณาและสืบพยานโจทก์ไปแล้ว พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าจำเลยเข้าใจผิดเรื่องเวลานัดของศาลเนื่องจากทนายจำเลยจดเวลานัดในสมุดนัดผิดพลาดถือได้ว่าจำเลยไม่ได้จงใจขาดนัดพิจารณา และขอพิจารณาคดีใหม่ได้ จำเลยมาศาลหลังจากเริ่มต้นสืบพยานไปแล้ว แต่ศาลยังไม่ได้มีคำพิพากษา ถือได้ว่าอยู่ในระหว่างพิจารณาคดีฝ่ายเดียว จำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาคดีใหม่ในระยะเวลาดังกล่าว เป็นการขอตามป.วิ.พ. มาตรา 205 วรรคสอง ไม่ต้องกล่าวขอคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลในคำร้องดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 208 วรรคท้าย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3854/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขาดนัดพิจารณาคดีแรงงาน: ศาลต้องไต่สวนเหตุผลก่อนมีคำสั่ง ไม่ใช่ยกคำร้องทันที
ศาลนัดสืบพยานโจทก์เวลา 9.00 นาฬิกาและสืบพยานจำเลยเวลา 13.30 นาฬิกาในวันเดียวกัน จำเลยไม่มาศาลในเวลาสืบพยานโจทก์ จนศาลมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาแล้วสืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียวจนหมดพยาน คดีเสร็จการพิจารณาให้รอฟังคำพิพากษา ก่อนศาลพิพากษาคดีในวันนั้นเวลา13.14 นาฬิกา จำเลยได้ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ดังนี้ศาลชั้นต้นต้องไต่สวนคำร้องว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาโดยจงใจ และมีเหตุสมควรพิจารณาคดีใหม่หรือไม่ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 205 วรรคสองประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานฯ มาตรา 31

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3766/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายเรียก/สำเนาคำฟ้องที่ถูกต้องตามกฎหมาย แม้จำเลยไม่ได้อยู่ที่ภูมิลำเนา แต่โจทก์ทราบที่อยู่ใหม่
ขณะที่โจทก์นำหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องส่งให้แก่จำเลย ณ ภูมิลำเนาตามหลักฐานทางทะเบียน โจทก์ทราบดีว่าจำเลยพักอยู่บ้านอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งแม้จะมิใช่ภูมิลำเนาทางทะเบียนแต่ถือได้ว่าเป็นสำนักทำงานการของจำเลยได้ การที่โจทก์แถลงต่อศาลชั้นต้นว่า ไม่ทราบว่าจำเลยอยู่ ณ ที่ใดในราชอาณาจักรขอให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยทราบโดยวิธีประกาศทางหนังสือพิมพ์จึงไม่ชอบ
ข้อคัดค้านคำตัดสินของศาลเพียงแต่กล่าวอ้างไว้ในคำขอก็ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 ไม่จำเป็นต้องนำสืบในชั้นไต่สวน และเมื่อจำเลยยื่นคำขอภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด จึงไม่ต้องระบุเหตุที่ยื่นคำขอล่าช้า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3728/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายนัดพยานหลังจำเลยขาดนัด พิจารณาแล้วต้องส่งหมายโดยวิธีธรรมดา แม้จำเลยจะขาดนัดไปแล้ว
การที่ศาลให้เลื่อนการนัดสืบพยานโจทก์ไปหลังจากที่มีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา ก็ต้องแจ้งวันนัดให้จำเลยทราบเพื่อจะได้มาระวังประโยชน์ของตน เมื่อปรากฏว่าในชั้นส่งหมายเรียกสำเนาคำฟ้องให้จำเลยนั้นเจ้าพนักงานเดินหมายรายงานว่าจำเลยไปทำธุรกิจในต่างจังหวัดแสดงว่าไม่ใช่กรณีที่ไม่สามารถส่งหมายนัดให้แก่จำเลย ณ ภูมิลำเนาของจำเลยได้ กรณีจึงไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่ศาลจะสั่งให้ส่งหมายนัดโดยวิธีอื่นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 ดังนั้นที่ศาลชั้นต้นปิดประกาศที่หน้าศาลแทนการส่งหมายนัดให้จำเลยทราบโดยวิธีธรรมดา จึงเป็นการไม่ชอบ ถือไม่ได้ว่าจำเลยได้ทราบวันนัดของศาลแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3728/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งวันนัดพยานหลังขาดนัด - การส่งหมายนัดโดยวิธีปิดประกาศไม่ชอบ หากส่งหมายไปยังภูมิลำเนาได้
การที่ศาลให้เลื่อนการนัดสืบพยานโจทก์ไปหลังจากที่มีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา ก็ต้องแจ้งวันนัดให้จำเลยทราบเพื่อจะได้มาระวังประโยชน์ของตน เมื่อปรากฏว่าในชั้นส่งหมายเรียกสำเนาคำฟ้องให้จำเลยนั้นเจ้าพนักงานเดินหมายรายงานว่าจำเลยไปทำธุรกิจในต่างจังหวัดแสดงว่าไม่ใช่กรณีที่ไม่สามารถส่งหมายนัดให้แก่จำเลย ณ ภูมิลำเนาของจำเลยได้ กรณีจึงไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่ศาลจะสั่งให้ส่งหมายนัดโดยวิธีอื่นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 ดังนั้นที่ศาลชั้นต้นปิดประกาศที่หน้าศาลแทนการส่งหมายนัดให้จำเลยทราบโดยวิธีธรรมดา จึงเป็นการไม่ชอบ ถือไม่ได้ว่าจำเลยได้ทราบวันนัดของศาลแล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3004/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายศาลที่ชอบด้วยกฎหมาย แม้ผู้รับไม่ยอมรับหมาย โดยมีพยานหลักฐานยืนยันการส่ง
บริษัทจำเลยที่ 2 มีสำนักงานตั้งอยู่ที่ตึกแถวชั้นที่สองตึกแถวชั้นล่างเป็นสำนักงานของอีกบริษัทหนึ่งซึ่งมี ช. เป็นกรรมการของบริษัททั้งสอง เมื่อบริษัททั้งสองถูกฟ้อง เจ้าหน้าที่ศาลจะนำหมายศาลไปปิดไว้ที่ประตูบริษัทชั้นล่าง สำนักงานบริษัททั้งสองตามที่ได้จดทะเบียนต่อ กระทรวงพาณิชย์ ไม่ได้แบ่งแยกออกจากกันให้เป็นสัดส่วน ป้ายแสดงชื่อสำนักงานบริษัททั้งสองต่างอยู่บริเวณประตูทางเข้าสำนักงาน เช่นนี้ การที่โจทก์นำหมายนัดไต่สวนคำร้องขอฟ้องคดีอย่างคนอนาถาพร้อมสำเนาคำฟ้อง หมายเรียก หมายนัดสืบพยานโจทก์ส่งให้บริษัทจำเลยที่ 2 โดยการปิดหมายที่หน้าประตูสำนักงานชั้นล่าง เนื่องจากคนในสำนักงานไม่ยอมรับหมาย อ้างว่าผู้จัดการบริษัทจำเลยที่ 2 ไม่อยู่ จึงเป็นการส่งหมายนัดไต่สวนคำร้องขอฟ้องคดีอย่างคนอนาถา สำเนาคำฟ้อง หมายเรียก และหมายนัดสืบพยานโจทก์แก่จำเลยที่ 2 โดยชอบแล้ว ไม่มีเหตุที่จะอ้างได้ว่าจำเลยที่ 2 เพิ่งทราบว่าถูกฟ้องคดีนี้เมื่อรับคำบังคับอันจะให้จำเลยที่ 2 ขอพิจารณาใหม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2974/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดพิจารณาคดีเนื่องจากความเข้าใจผิดเกี่ยวกับวันนัด ไม่ถือว่าจงใจขาดนัด
ในวันนัดสืบพยานโจทก์นัดแรก ทนายจำเลยมอบฉันทะให้เสมียนทนายมายื่นคำร้องขอเลื่อนคดีเพราะป่วย ศาลอนุญาตให้เลื่อนไปนัดสืบพยานโจทก์วันที่ 28 และ 29 กรกฎาคม 2529 แต่เสมียนทนายเข้าใจผิดได้แจ้งให้ทนายจำเลยทราบว่าศาลเลื่อนไปนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 29 กรกฎาคม 2529 เพียงวันเดียว ซึ่งในวันดังกล่าวทนายจำเลยก็มาศาลและได้ยื่นบัญชีระบุพยานจำเลยในคดีดังกล่าวเพิ่มเติมด้วย แม้เสมียนทนายจำเลยได้ลงลายมือชื่อในรายงานกระบวนพิจารณาของศาลก็ตามก็อาจเข้าใจผิดได้ การที่ทนายจำเลยไม่ทราบวันนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2529 และไม่มาศาลถือไม่ได้ว่าจำเลยจงใจขาดนัดพิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2520/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอพิจารณาใหม่หลังขาดนัดยื่นคำให้การและเหตุผลความล่าช้าที่ศาลรับฟังได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคแรกกำหนดระยะเวลาแก่คู่ความในการใช้สิทธิขอให้พิจารณาใหม่ไว้เป็น 2 ประการ กล่าวคือ ประการแรกจะต้องยื่นคำขอต่อศาลภายใน 15 วันนับแต่วันที่ได้ส่งคำบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งให้แก่จำเลยแต่ถ้าศาลได้กำหนดการอย่างใด ๆ เพื่อส่งคำบังคับโดยวิธีส่งหมายธรรมดาหรือโดยวิธีอื่นแทน ก็ให้นับแต่เมื่อการส่งคำบังคับมีผลใช้ได้ และประการหลังหากมีพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้จนเป็นเหตุให้คู่ความฝ่ายที่ขาดนัดไม่อาจยื่นคำขอภายในเวลาที่กำหนดไว้ในประการแรกแล้วคู่ความฝ่ายนั้นมีสิทธิยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่พฤติการณ์นั้นได้สิ้นสุดลง ส่วนข้อความตอนท้ายของบทบัญญัติดังกล่าวซึ่งห้ามมิให้ยื่นคำขอเมื่อพ้นกำหนด 6 เดือน นับแต่วันที่ได้ยึดทรัพย์หรือได้มีการบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งโดยวิธีอื่น มีความหมายว่าห้ามมิให้ยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่เมื่อพ้นหกเดือนนับแต่วันที่ได้ยึดทรัพย์หรือมีการบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งโดยวิธีอื่นแม้จะมีพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้จนทำให้การยื่นคำขอต้องล่าช้าเกิน 6 เดือนก็ตาม
จำเลยที่ 3 ยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ล่าช้าเกิน 15 วันนับจากวันที่ได้ส่งคำบังคับโดยมีพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้แต่คำขอนั้นมิได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งถึงเหตุแห่งการยื่นคำขอล่าช้ากว่าระยะเวลาที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคแรก ซึ่งวรรคสองของมาตรา 208 บังคับให้ต้องกล่าว แม้เป็นชั้นตรวจคำขอ ศาลก็ชอบที่จะสั่งยกคำขอให้พิจารณาใหม่ได้
of 62