คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ค่าเช่า

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 553 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 718/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเรียกร้องค่าเช่าตามสัญญายอมความ แม้มีการโอนทรัพย์สิน สัญญาผูกพันตลอดชีวิตบิดามารดา
บุตรสามคนซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมกันในที่ดินและสิ่งปลูกสร้างทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันในศาล. ตกลงจัดผลประโยชน์ในทรัพย์สินดังกล่าวโดยการให้เช่าและให้บุตรคนหนึ่งเป็นผู้เก็บค่าเช่าส่งมอบให้บิดามารดาคนละครึ่งจนตลอดชีวิตของบิดามารดา. โดยหักค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับค่าภาษีออกเสียก่อน. สัญญานี้เป็นสัญญาจะชำระหนี้แก่บุคคลภายนอกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 374. เมื่อบิดาแสดงเจตนาถือเอาประโยชน์ตามสัญญานั้นแล้ว. แม้ต่อมาบุตรทั้งสามคนนั้นจะตกลงกันเลิกสัญญาและโอนขายทรัพย์สินดังกล่าวให้แก่บุคคลภายนอกไป. บุตรซึ่งรับเป็นผู้เก็บค่าเช่าก็ยังต้องรับผิดส่งเงินให้แก่บิดาไปจนตลอดชีวิต. โดยคำนวณเงินที่จะต้องส่งจากส่วนเฉลี่ยของค่าเช่าที่เคยเก็บหักด้วยส่วนเฉลี่ยค่าภาษีที่เคยเสีย. บุตรหาอาจเปลี่ยนแปลงหรือระงับสิทธินั้นในภายหลังได้ไม่.
การที่ศาลประมาณเงินค่าเช่าที่บิดาควรได้จากบุตรโดยวินิจฉัยจากจำนวนค่าเช่าสูงสุดกับต่ำที่สุดเป็นหลักคำนวณส่วนเฉลี่ยนั้น. มิใช่เป็นการกะประมาณเอาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 438. ซึ่งเป็นบทบัญญัติให้อำนาจศาลใช้ดุลพินิจกำหนดค่าสินไหมทดแทนในกรณีละเมิด.
การที่บุตรทั้งสามคนโอนขายทรัพย์ซึ่งตกลงกันจัดผลประโยชน์ให้แก่บุคคลภายนอกไป. จะอ้างว่าค่าเช่าที่โจทก์จะได้ต้องระงับโดยเป็นหนี้ที่พ้นวิสัยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 219 หาได้ไม่. เพราะบุตรโอนขายทรัพย์ไปเอง.
จำเลยฎีกาว่า โจทก์นำสืบจำนวนค่าเช่าไม่ได้แน่นอนสมฟ้อง. แต่มิได้บรรยายข้อเท็จจริงในฎีกาเลยว่า. โจทก์นำสืบไม่สมฟ้องประการใดบ้าง. เป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249. ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 358-360/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์คดีขับไล่ผู้เช่าที่ค่าเช่าต่ำกว่าเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์โดยไม่ชอบ
การที่ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของคู่ความในกรณีไม่เข้าข้อยกเว้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 ที่จะอุทธรณ์ได้. แล้วศาลอุทธรณ์รับพิจารณาและพิพากษาฟ้องอุทธรณ์ของคู่ความ. จึงเป็นการไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณา.ศาลฎีกาย่อมพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์. ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา247 และ 243(1) ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 192/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความเช่าซื้อ-ค้ำประกัน: สิทธิเรียกร้องค่าเช่าซื้อภายใน 2 ปี, ค้ำประกันมีผลผูกพันจนชำระหนี้ครบ
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บรรพ 3 ลักษณะ 5 ว่าด้วยเช่าซื้อมิได้บัญญัติเรื่องอายุความไว้โดยตรง แต่ค่าเช่าซื้อก็เป็นค่าเช่าในการใช้ทรัพย์สินอย่างหนึ่ง หากผู้ให้เช่าซื้อเป็นพ่อค้า ย่อมมีสิทธิเรียกร้องค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระได้ ภายในกำหนดอายุความ 2 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165 (6)
ในกรณีที่ผู้ให้เช่าซื้อบอกเลิกสัญญาและเรียกให้ผู้เช่าซื้อส่งคืนทรัพย์สินที่เช่าซื้อหากส่งคืนไม่ได้ให้ใช้ราคาแทนนั้น เป็นการที่เจ้าของกรรมสิทธิใช้สิทธิติดตามเรียกเอาทรัพย์คืนอยู่ภายในกำหนดอายุความ 10 ปี
ผู้ค้ำประกันการเช่าซื้อซึ่งทำสัญญาไว้ว่าตนไม่มีสิทธิถอนการค้ำประกัน ไม่ว่าเวลาใดนั้น จะแสดงเจตนาฝ่ายเดียวขอถอนการค้ำประกันภายหลังจากผู้เช่าซื้อผิดสัญญาแล้วโดยฝ่ายผู้ให้เช่าซื้อมิได้ตกลงด้วยหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 192/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความเช่าซื้อ-ค้ำประกัน: ฟ้องภายใน 2 ปี (ค่าเช่า) และ 10 ปี (เอาคืนทรัพย์) ข้อตกลงค้ำประกันมีผลผูกพัน
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บรรพ 3 ลักษณะ 5 ว่าด้วยเช่าซื้อมิได้บัญญัติเรื่องอายุความไว้โดยตรง. แต่ค่าเช่าซื้อก็เป็นค่าเช่าในการใช้ทรัพย์สินอย่างหนึ่ง. หากผู้ให้เช่าซื้อเป็นพ่อค้า ย่อมมีสิทธิเรียกร้องค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระได้. ภายในกำหนดอายุความ 2 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(6).
ในกรณีที่ผู้ให้เช่าซื้อบอกเลิกสัญญาและเรียกให้ผู้เช่าซื้อส่งคืนทรัพย์สินที่เช่าซื้อหากส่งคืนไม่ได้ให้ใช้ราคาแทนนั้น. เป็นการที่เจ้าของกรรมสิทธิ์ใช้สิทธิติดตามเรียกเอาทรัพย์คืนอยู่ภายในกำหนดอายุความ 10 ปี.
ผู้ค้ำประกันการเช่าซื้อซึ่งทำสัญญาไว้ว่าตนไม่มีสิทธิถอนการค้ำประกันไม่ว่าเวลาใดนั้น. จะแสดงเจตนาฝ่ายเดียวขอถอนการค้ำประกันภายหลังจากผู้เช่าซื้อผิดสัญญาแล้วโดยฝ่ายผู้ให้เช่าซื้อมิได้ตกลงด้วยหาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 856/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การผ่อนผันการชำระค่าเช่าทำให้ผู้เช่าไม่ผิดสัญญา แม้มีข้อตกลงให้ชำระรายเดือน
แม้จะมีข้อความปรากฏในสัญญาเช่าให้ผู้เช่าชำระค่าเช่าล่วงหน้าทุกๆ เดือนและหากว่าผู้เช่าผิดสัญญา. ผู้เช่ายอมให้ผู้ให้เช่ามีอำนาจฟ้องขับไล่หรือเข้ายึดถือปกครองสถานที่เช่าได้ทันที. โดยผู้เช่าจะไม่ฟ้องหรือเรียกค่าเสียหายแต่อย่างใดก็ตาม. แต่ในทางปฏิบัติ ผู้ให้เช่ายอมให้ผู้เช่ารวมชำระค่าเช่าหลายๆ. เดือนต่อครั้ง.ดังนั้น. เมื่อผู้เช่าค้างชำระค่าเช่า 2 เดือน จะถือว่าผู้เช่าผิดสัญญาเช่าไม่ได้. และเมื่อผู้เช่าไม่ผิดสัญญา.ผู้ให้เช่าจึงยังไม่มีสิทธิที่จะขับไล่หรือยึดถือปกครองสถานที่เช่าได้ตามข้อความในสัญญาดังกล่าว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 846/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีขับไล่ผู้เช่าที่มีค่าเช่าต่ำกว่าเกณฑ์ พ.ร.บ.ควบคุมเคหะฯ และการแก้ไขคำฟ้องที่พิมพ์ผิดพลาด
คดีฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากอสังหาริมทรัพย์อันมีค่าเช่าในขณะยื่นฟ้องไม่เกินเดือนละ 2,000 บาท. และโจทก์ตั้งทุนทรัพย์เรียกค่าเสียหายจากจำเลยเพียง 1,500 บาท จำเลยมิได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ และมิได้ยกข้อโต้เถียงในเรื่องแปลความหมายแห่งข้อความในสัญญาเช่า คดีจึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง
ขอแก้คำฟ้องที่ว่า จำเลยได้เช่าตึกแถว เลขที่ 493/9เป็นจำเลยได้เช่าตึกแถวเลขที่ 493/12 ดังนี้ เป็นกรณีที่โจทก์พิมพ์เลขผิดพลาด เพราะสัญญาเช่าระหว่างโจทก์จำเลยในคดีนี้ระบุไว้ชัดว่าจำเลยตกลงรับเช่าตึกแถว 2 ชั้นห้องหมายเลขทะเบียนที่ 493/12 การขอแก้ไขคำฟ้องที่พิมพ์ผิดพลาด ย่อมไม่อยู่ในบังคับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 180 ที่โจทก์จะต้องยื่นคำร้องขอแก้ไขก่อนวันชี้สองสถานหรือก่อนวันสืบพยาน
หลังจากครบกำหนดเวลาเช่าตามสัญญาแล้ว โจทก์ได้บอกเลิกการเช่ากับจำเลย การที่จำเลยอยู่ต่อมาอีก ศาลชั้นต้นถือว่าจำเลยอยู่โดยละเมิด และถือว่าเงินค่าเช่าที่โจทก์รับไปเดือนละ 200 บาทนั้น เป็นค่าเสียหาย ฉะนั้นเมื่อจำเลยอยู่ต่อมา ฟังไม่ได้ว่าเป็นการเช่าแล้วพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ.2504 ซึ่งใช้อยู่ในขณะนั้นย่อมไม่คุ้มครองจำเลย
พระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ.2504 ไม่ได้คุ้มครองถึงการเรียกร้องค่าเสียหายไว้แต่ประการใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 846/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีขับไล่ผู้เช่า: ค่าเช่าต่ำกว่าเกณฑ์, การแก้ไขคำฟ้อง, และการอยู่อาศัยหลังหมดสัญญาไม่ได้รับการคุ้มครอง
คดีฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากอสังหาริมทรัพย์อันมีค่าเช่าในขณะยื่นฟ้องไม่เกินเดือนละ 2,000 บาท และโจทก์ตั้งทุนทรัพย์เรียกค่าเสียหายจากจำเลยเพียง 1,500 บาท จำเลยมิได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์และมิได้ยกข้อโต้เถียงในเรื่องแปลความหมายแห่งข้อความในสัญญาเช่า คดีจึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง
ขอแก้คำฟ้องที่ว่า จำเลยได้เช่าตึกแถว เลขที่ 493/9 เป็นจำเลยได้เช่าตึกแถวเลขที่ 493/12 ดังนี้ เป็นกรณีที่โจทก์พิมพ์เลขผิดพลาด เพราะสัญญาเช่าระหว่างโจทก์จำเลยในคดีนี้ระบุไว้ชัดว่าจำเลยตกลงรับเช่าตึกแถว 2 ชั้นห้องหมายเลขทะเบียนที่ 493/12 การขอแก้ไขคำฟ้องที่พิมพ์ผิดพลาด ย่อมไม่อยู่ในบังคับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 180ที่โจทก์จะต้องยื่นคำร้องขอแก้ไขก่อนวันชี้สองสถานหรือก่อนวันสืบพยาน
หลังจากครบกำหนดเวลาเช่าตามสัญญาแล้ว โจทก์ได้บอกเลิกการเช่ากับจำเลย การที่จำเลยอยู่ต่อมาอีก ศาลชั้นต้นถือว่าจำเลยอยู่โดยละเมิด และถือว่าเงินค่าเช่าที่โจทก์รับไปเดือนละ 200 บาทนั้น เป็นค่าเสียหาย ฉะนั้นเมื่อจำเลยอยู่ต่อมา ฟังไม่ได้ว่าเป็นการเช่าแล้วพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ.2504 ซึ่งใช้อยู่ในขณะนั้นย่อมไม่คุ้มครองจำเลย
พระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ.2504 ไม่ได้คุ้มครองถึงการเรียกร้องค่าเสียหายไว้แต่ประการใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 846/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีขับไล่ผู้เช่า: ศาลยืนตามคำพิพากษาเดิม อ้างค่าเช่าไม่เกินเกณฑ์, แก้ฟ้องเลขที่ถูกต้อง, และการอยู่ต่อหลังสัญญาหมดอายุไม่คุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
คดีฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากอสังหาริมทรัพย์อันมีค่าเช่าในขณะยื่นฟ้องไม่เกินเดือนละ 2,000 บาท. และโจทก์ตั้งทุนทรัพย์เรียกค่าเสียหายจากจำเลยเพียง 1,500 บาท. จำเลยมิได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์. และมิได้ยกข้อโต้เถียงในเรื่องแปลความหมายแห่งข้อความในสัญญาเช่า คดีจึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง.
ขอแก้คำฟ้องที่ว่า จำเลยได้เช่าตึกแถว เลขที่ 493/9เป็นจำเลยได้เช่าตึกแถวเลขที่ 493/12. ดังนี้ เป็นกรณีที่โจทก์พิมพ์เลขผิดพลาด เพราะสัญญาเช่าระหว่างโจทก์จำเลยในคดีนี้ระบุไว้ชัดว่าจำเลยตกลงรับเช่าตึกแถว 2 ชั้นห้องหมายเลขทะเบียนที่ 493/12. การขอแก้ไขคำฟ้องที่พิมพ์ผิดพลาด ย่อมไม่อยู่ในบังคับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 180 ที่โจทก์จะต้องยื่นคำร้องขอแก้ไขก่อนวันชี้สองสถานหรือก่อนวันสืบพยาน.
หลังจากครบกำหนดเวลาเช่าตามสัญญาแล้ว โจทก์ได้บอกเลิกการเช่ากับจำเลย. การที่จำเลยอยู่ต่อมาอีก. ศาลชั้นต้นถือว่าจำเลยอยู่โดยละเมิด และถือว่าเงินค่าเช่าที่โจทก์รับไปเดือนละ 200 บาทนั้น เป็นค่าเสียหาย. ฉะนั้นเมื่อจำเลยอยู่ต่อมา ฟังไม่ได้ว่าเป็นการเช่าแล้ว.พระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ.2504 ซึ่งใช้อยู่ในขณะนั้นย่อมไม่คุ้มครองจำเลย.
พระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ.2504 ไม่ได้คุ้มครองถึงการเรียกร้องค่าเสียหายไว้แต่ประการใด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 667/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อุทธรณ์ต้องห้ามในข้อเท็จจริง คดีเช่า ค่าเช่าต่ำกว่าเกณฑ์ ศาลมีอำนาจไม่วินิจฉัยได้
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากบ้านเช่าซึ่งมีค่าเช่าเดือนละ 95 บาท จำเลยมิได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ หรือมิได้ยกข้อโต้เถียงในเรื่องแปลความหมายแห่งข้อความในสัญญาเช่า คดีต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงเว้นแต่จะมีการรับรองหรืออนุญาตให้อุทธรณ์ได้.
จำเลยอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมาย ซึ่งไม่อาจทำให้จำเลยชนะคดีได้ ย่อมไม่เป็นสารแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย.
ผู้อุทธรณ์มีหน้าที่ต้องดำเนินกระบวนพิจารณาให้ถูกต้องตามกฎหมาย แม้ศาลชั้นต้นจะสั่งรับอุทธรณ์ซึ่งต้องห้าม และศาลอุทธรณ์พิพากษายก ก็เป็นความบกพร่องของผู้อุทธรณ์เอง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 661-662/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าสิ้นสุดเมื่อตกลงค่าเช่าใหม่ไม่ได้ ผู้ให้เช่ามีสิทธิขับไล่
ทำสัญญาเช่ามีข้อสัญญาว่าเมื่อหมดอายุสัญญาเช่าแล้วผู้เช่ามีสิทธิต่ออายุสัญญาเช่าได้อีก ส่วนค่าเช่าตกลงกันใหม่ เป็นเพียงข้อตกลงที่ให้โอกาสผู้เช่าที่จะต่อสัญญาได้ โดยมีเงื่อนไขว่า จะต้องมีการตกลงค่าเช่ากัน เมื่อตามสัญญาไม่ได้กำหนดไว้ว่าจะพึงเรียกร้องกันเพียงใด ย่อมเป็นสิทธิของผู้ให้เช่าที่จะเสนอราคา หากผู้เช่าไม่สนองรับ สัญญาเช่าซึ่งสิ้นสุดลงตามกำหนดเวลาย่อมเป็นอันระงับ
เงินประกันตามสัญญาเช่าซึ่งผู้เช่าไม่ยอมรับคืน ไม่เกี่ยวกับปัญหาเรื่องสัญญาเช่าระงับ
of 56