คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ซื้อขายที่ดิน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 491 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3368/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนสิทธิและหน้าที่ของผู้เช่าเมื่อมีการซื้อขายที่ดิน กรณีพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 569 และตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.2517 มาตรา 29สัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์หรือการเช่านาย่อมไม่ระงับไป เพราะเหตุโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินหรือนาที่ให้เช่า ผู้รับโอนจะต้องรับโอนไปทั้งสิทธิและหน้าที่ของผู้โอนซึ่งมีต่อผู้เช่า
จำเลยที่ 1 โอนขายนาให้แก่จำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2โอนนาให้จำเลยที่ 3 ต่อไป เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้แจ้งการขายให้แก่โจทก์ที่ 2 ซึ่งเป็นผู้เช่านาทราบ จำเลยที่ 2 จึงมีหน้าที่จะต้องขายนาให้แก่โจทก์ที่ 2 ตามสิทธิที่โจทก์ที่ 2 มีอยู่ตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.2517 มาตรา 41 เมื่อจำเลยที่ 2 โอนกรรมสิทธิ์ในที่นาต่อไปให้จำเลยที่ 3จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นผู้รับโอนย่อมจะต้องรับไปทั้งสิทธิและหน้าที่ซึ่งจำเลยที่ 2 มีอยู่ต่อผู้เช่านาคือโจทก์ที่ 2 โจทก์ที่ 2 จึงมีสิทธิที่จะซื้อนาจากจำเลยที่ 3 ตามราคาและวิธีการชำระเงินที่จำเลยที่ 2 ซื้อไว้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1528/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายที่ดินโดยผู้รับมอบอำนาจปลอม ผู้ซื้อโดยสุจริตไม่สามารถอ้างไม่ทราบการปลอมได้
ปลอมลายมือชื่อเจ้าของในใบมอบอำนาจโอนที่ดินเจ้าพนักงานที่ดินตรวจสอบโดยประมาทเลินเล่อ เพราะเห็นได้ชัดว่าลายมือชื่อที่ปลอมกับลายมือชื่อเจ้าของที่ดินในสารบบแตกต่างกันทั้งวิธีการเขียนและลายเส้นเมื่อต่างเป็นผู้สุจริตด้วยกัน ผู้รับโอนที่พิพาทจากผู้ไม่มีอำนาจเป็นความประมาทของผู้รับโอนเอง ผู้รับโอนไม่ได้กรรมสิทธิ์และไม่มีอำนาจนำที่พิพาทไปจำนอง แม้ผู้รับจำนองกระทำโดยสุจริตและมีค่าตอบแทนก็ไม่ได้สิทธิตามสัญญาจำนอง
เมื่อพยานหลักฐานโจทก์รับฟังได้ว่า หนังสือมอบอำนาจเป็นเอกสารปลอม แม้พยานโจทก์ซึ่งปฏิบัติราชการแทนหัวหน้าเขตผู้ลงนามรับรองลายมือชื่อโจทก์ในหนังสือมอบอำนาจเบิกความว่าโจทก์เป็นผู้ไปติดต่อกับพยานด้วยตนเอง ก็ไม่น่าเชื่อถือ เพราะพยานต้องยืนยันเช่นนั้นเพื่อป้องกันตนเองให้พ้นผิด การที่พยานโจทก์เบิกความเป็นปรปักษ์แก่โจทก์เช่นนี้ จึงหาได้เป็นข้อพิรุธของโจทก์แต่ประการใดไม่
ผู้นำที่ดินไปขายโดยอาศัยใบมอบอำนาจปลอมไม่เคยรู้จักโจทก์ทั้งโจทก์เป็นข้าราชการบำนาญมีฐานะดี มีที่ดินติดต่อกับที่พิพาทซึ่งรวมกันแล้วถึง 15 โฉนด มีบุตรเพียง 2 คน ต่างมีครอบครัวและอาชีพเป็นหลักฐาน พฤติการณ์ดังนี้ทำให้ไม่น่าเชื่อว่าโจทก์รู้เห็นในการทำปลอมใบมอบอำนาจการฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขายและจำนอง จึงเป็นการใช้สิทธิโดยสุจริต

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3618/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายที่ดินและตึกแถวเพื่อชำระหนี้ ไม่ถือเป็นการค้าเพื่อหากำไร จึงไม่ต้องเสียภาษี
โจทก์ซื้อที่ดินไว้เพียงหนึ่งแปลงพร้อมตึกแถวเมื่อ พ.ศ.2510 แล้วใช้เป็นที่เก็บสินค้าของโจทก์ตลอดมา แสดงว่าโจทก์ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายในการซื้อที่ดินและตึกแถวนี้ไว้เพื่อขายหากำไรเป็นสำคัญมาแต่เดิม ที่โจทก์ต้องขายที่ดินและตึกแถวดังกล่าวไปใน พ.ศ.2519 ก็เพราะโจทก์มีหนี้สินอยู่มาก จำเป็นต้องขายเพื่อเอาเงินมาชำระหนี้และแม้โจทก์จะขายได้ราคาสูงกว่าราคาที่ซื้อมาเป็นจำนวนมากก็เป็นไปตามปกติของราคาที่ดินที่สูงขึ้นตามกาลเวลาหาใช่มีลักษณะเป็นทางค้าหรือหากำไรไม่ จึงถือไม่ได้ว่าโจทก์เป็นผู้ประกอบการค้าที่ดินและตึกแถวดังกล่าว โจทก์ไม่ต้องเสียภาษีการค้าตามบัญชีอัตราภาษีการค้า อันดับ 11

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 329/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายที่ดินยังไม่สมบูรณ์ โจทก์มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินได้
จำเลยซื้อบ้านและที่ดินจากโจทก์โดยทำสัญญากู้เงินที่ยังค้างชำระให้ไว้ ต่อมาโจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้ซึ่งเป็นค่าที่ดินและบ้านดังกล่าวจนชนะคดีและคดีถึงที่สุด การซื้อขายที่ดินและบ้านระหว่างโจทก์กับจำเลยยังมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่จึงยังไม่เป็นการซื้อขายเสร็จเด็ดขาด แม้จำเลยอาจฟ้องร้องให้บังคับตามข้อตกลงซื้อขายได้เนื่องจากได้ชำระหนี้บางส่วนแล้ว แต่กรรมสิทธิ์ในที่ดินและบ้านยังคงเป็นของโจทก์อยู่ เมื่อโจทก์ไม่ประสงค์ที่จะให้จำเลยอยู่ในที่ดินและบ้านต่อไป โจทก์ก็มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3102/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายที่ดินรวมที่งอกริมตลิ่ง สัญญาเป็นหลักฐาน การเปลี่ยนแปลงข้อตกลงทำไม่ได้
สัญญามีข้อความว่า ผู้จะขายยอมตกลงจะขายที่ดินโฉนดเลขที่ 1189 เป็นการตกลงขายหมดทั้งแปลงเหมาทั้งโฉนดรวมทั้งที่งอกที่เกินริมตลิ่งดังนี้ จำเลยจะนำสืบว่าความจริงไม่ขายที่งอกริมตลิ่งด้วยไม่ได้ เพราะเป็นการสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสาร ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94(ข)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2953/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างตามสัญญาประนีประนอม แม้ไม่ได้ระบุชัดก็รวมถึงส่วนควบของที่ดิน
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างในที่ดินแก่โจทก์ตามสัญญาจะซื้อขาย โจทก์จำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันในศาลว่า จำเลยยอมขายที่ดินพิพาทให้โจทก์ แม้ในสัญญาประนีประนอมยอมความจะไม่ได้ระบุว่า ขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างก็ตาม ก็ต้องหมายรวมถึงสิ่งปลูกสร้างด้วย เพราะสิ่งปลูกสร้างคือบ้านพิพาทเป็นส่วนควบของที่ดินย่อมตกติดไปกับที่ดิน และโจทก์ฟ้องคดีนี้ก็เพื่อขอบังคับให้จำเลยโอนที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างแก่โจทก์ตามสัญญาจะซื้อขายที่ทำกันไว้ อันแสดงให้เห็นเจตนาของโจทก์ที่จะซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างด้วย
การที่โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลขอให้ศาลอธิบายคำพิพากษาตามยอมว่า การขายที่ดินดังกล่าวรวมถึงสิ่งปลูกสร้างในที่ดินด้วยนั้น แปลได้ว่าเป็นเรื่องที่โจทก์ร้องขอให้บังคับคดี โดยแปลว่าสัญญาประนีประนอมยอมความสนส่วนที่เกี่ยวกับที่ดินที่ตกลงซื้อขายได้มุ่งหมายถึงสิ่งปลุกสร้างในที่ดินนั้นด้วยแล้วบังคับไปตามนั้น โจทก์มีสิทธิที่จะขอบังคับให้จำเลยโอนบ้านพิพาทแก่โจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2953/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความซื้อขายที่ดินรวมสิ่งปลูกสร้าง แม้ไม่มีระบุชัดเจน ย่อมตกติดไปกับที่ดิน
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างในที่ดินแก่โจทก์ตามสัญญาจะซื้อขายโจทก์จำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันในศาลว่าจำเลยยอมขายที่ดินพิพาทให้โจทก์แม้ในสัญญาประนีประนอมยอมความจะไม่ได้ระบุว่าขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างก็ตามก็ต้องหมายรวมถึงสิ่งปลูกสร้างด้วยเพราะสิ่งปลูกสร้างคือบ้านพิพาทเป็นส่วนควบของที่ดินย่อมตกติดไปกับที่ดินและโจทก์ฟ้องคดีนี้ก็เพื่อขอบังคับให้จำเลยโอนที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างแก่โจทก์ตามสัญญาจะซื้อขายที่ทำกันไว้อันแสดงให้เห็นเจตนาของโจทก์ที่จะซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างด้วย
การที่โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลขอให้ศาลอธิบายคำพิพากษาตามยอมว่าการขายที่ดินดังกล่าวรวมถึงสิ่งปลูกสร้างในที่ดินด้วยนั้นแปลได้ว่าเป็นเรื่องที่โจทก์ร้องขอให้บังคับคดีโดยแปลว่าสัญญาประนีประนอมยอมความในส่วนที่เกี่ยวกับที่ดินที่ตกลงซื้อขายได้มุ่งหมายถึงสิ่งปลูกสร้างในที่ดินนั้นด้วยแล้วบังคับคดีไปตามนั้นโจทก์มีสิทธิที่จะขอบังคับให้จำเลยโอนบ้านพิพาทแก่โจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 847/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายที่ดินโดยระบุราคาต่ำกว่าความเป็นจริง ศาลคุ้มครองสิทธิเจ้าของที่ดินที่ได้มาโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทน
โจทก์ซื้อที่ดินราคา 15,000 บาท แต่ระบุจำนวนเงินในสัญญาซื้อขายเพียง 10,000 บาท โดยซื้อตามเนื้อที่ในโฉนด รู้แนวเขตคร่าว ๆ ไม่ได้ไปดูที่ดิน พฤติการณ์ดังนี้ไม่พอถือว่าโจทก์ได้ที่ดินมาโดยไม่สุจริตและไม่ได้เสียค่าตอบแทน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 658/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายที่ดินเพื่อเป็นหลักประกันหนี้ ไม่เข้าข่ายการเช่านาและสิทธิซื้อก่อน
โจทก์เป็นผู้เช่านาพิพาทของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1กู้เงินจำเลยที่ 2แล้วโอนขายนาพิพาทให้จำเลยที่ 2 โดยมีเจตนาที่จะให้ที่นาพิพาทเป็นหลักประกันในการกู้ยืมเงิน เมื่อจำเลยที่ 1 ชำระหนี้ให้จำเลยที่ 2แล้ว จำเลยที่ 2 ก็ขายนาคืนให้จำเลยที่ 1 การที่จำเลยที่ 1 ขายนาพิพาทให้จำเลยที่ 2 เพียงเพื่อให้ที่ดินเป็นหลักประกันการชำระหนี้เงินกู้นั้น กรณีไม่ต้องด้วยพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.2517 มาตรา 41โจทก์ไม่มีสิทธิบังคับให้จำเลยที่ 1 ขายนาพิพาทให้โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 458/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายที่ดินเพื่อเป็นหลักประกันหนี้ ไม่เข้าข่ายการเช่านาตาม พ.ร.บ.ควบคุมการเช่านา
โจทก์เป็นผู้เช่านาพิพาทของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 กู้เงินจำเลยที่ 2 แล้วโอนขายนาพิพาทให้จำเลยที่ 2 โดยมีเจตนาที่จะให้ที่นาพิพาทเป็นหลักประกันในการกู้ยืมเงิน เมื่อจำเลยที่ 1 ชำระหนี้ให้จำเลยที่ 2 แล้ว จำเลยที่ 2 ก็ขายนาคืนให้จำเลยที่ 1 การที่จำเลยที่ 1 ขายนาพิพาทให้จำเลยที่ 2 เพียงเพื่อให้ที่ดินเป็นหลักประกันการชำระหนี้เงินกู้นั้น กรณีไม่ต้องด้วยพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.2517 มาตรา 41 โจทก์ไม่มีสิทธิบังคับให้จำเลยที่ 1 ขายนาพิพาทให้โจทก์
of 50