พบผลลัพธ์ทั้งหมด 429 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 933/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทนายความยึดหน่วงเงินชำระหนี้ไม่ได้ แม้มีหนี้ค่าจ้างว่าความกับโจทก์
จำเลยเป็นทนายความของโจทก์ คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งได้มอบเงินให้จำเลยไว้เพื่อส่งมอบแก่โจทก์เป็นการชำระหนี้ตามคำพิพากษา เห็นได้ว่าจำเลยไม่มีหนี้ใด ๆ ที่เป็นคุณประโยชน์แก่จำเลยเกี่ยวด้วยเงินจำนวนดังกล่าว ตรงกันข้ามจำเลยกลับมีหน้าที่ต้องกระทำการส่งมอบเงินนั้นแก่โจทก์ จำเลยไม่มีสิทธิยึดหน่วงเงินนี้ไว้เพื่อชำระค่าจ้างว่าความที่จำเลยอ้างว่าโจทก์ติดค้างอยู่ได้ต้องคืนเงินแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 604/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เหตุสุดวิสัยขยายระยะเวลาอุทธรณ์: การติดต่อทนายความล่าช้าหลังหมดกำหนด ไม่เป็นเหตุสุดวิสัย
โจทก์ติดต่อขอให้ทนายความทำอุทธรณ์ให้เมื่อล่วงเลยกำหนดระยะเวลาอุทธรณ์แล้ว การที่ทนายความผู้นั้นป่วยและตายในภายหลัง จึงมิใช่เหตุสุดวิสัยที่จะขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ให้โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3674/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจทนายความในการรับฟังคำพิพากษาแทนจำเลย และผลต่อสิทธิในการฎีกา
โจทก์แต่งตั้งให้ ว. เป็นทนายความและให้มีอำนาจดำเนินกระบวนพิจารณาใดๆ ไปในทางจำหน่ายสิทธิได้ เช่นการยอมรับตามที่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งเรียกร้อง ยื่น ถอนคำฟ้องประนีประนอมยอมความ สละสิทธิหรือใช้สิทธิในการอุทธรณ์ฎีกาหรือขอให้มีการพิจารณาคดีใหม่ตลอดจนชั้นบังคับคดีเมื่อไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้ถอดถอน ว.ออกจากการเป็นทนายความ ถือได้ว่าว. ยังคงเป็นทนายความของโจทก์อยู่ เมื่อศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ ว. ทนายโจทก์ฟัง ก็ถือว่าโจทก์ได้ฟังคำพิพากษาดังกล่าวโดยชอบแล้ว แม้ร้อยตำรวจเอก ช. จะเป็นทนายความผู้ทำคำฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์มายื่นและมิได้ฟังคำพิพากษาด้วยตนเอง ก็ไม่มีอำนาจร้องขอให้ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ใหม่เพื่อให้โจทก์มีสิทธิฎีกาได้อีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3674/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจทนายความในการดำเนินกระบวนพิจารณาและการรับฟังคำพิพากษาแทนจำเลย
โจทก์แต่งตั้งให้ ว. เป็นทนายความและให้มีอำนาจดำเนินกระบวนพิจารณาใดๆ ไปในทางจำหน่ายสิทธิได้ เช่นการยอมรับตามที่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งเรียกร้อง ยื่น ถอนคำฟ้อง ประนีประนอมยอมความ สละสิทธิหรือใช้สิทธิในการอุทธรณ์ฎีกา หรือขอให้มีการพิจารณาคดีใหม่ตลอดจนชั้นบังคับคดีเมื่อไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้ถอดถอน ว.ออกจากการเป็นทนายความ ถือได้ว่า ว. ยังคงเป็นทนายความของโจทก์อยู่ เมื่อศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ว. ทนายโจทก์ฟัง ก็ถือว่าโจทก์ได้ฟังคำพิพากษาดังกล่าวโดยชอบแล้ว แม้ร้อยตำรวจเอก ช. จะเป็นทนายความผู้ทำคำฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์มายื่นและมิได้ฟังคำพิพากษาด้วยตนเอง ก็ไม่มีอำนาจร้องขอให้ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ใหม่เพื่อให้โจทก์มีสิทธิฎีกาได้อีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3522/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิจำเลยในการมีทนาย และดุลพินิจศาลในการส่งตัวจำเลยไปสืบพยานนอกสถานที่
ก่อนเริ่มการพิจารณาคดีในศาลชั้นต้น จำเลยแถลงว่าจะหาทนายความเอง และในระหว่างการพิจารณาไม่ปรากฏว่าจำเลยร้องขอให้ศาลตั้งทนายความให้ศาลจึงไม่จำต้องตั้งทนายความให้จำเลย
โจทก์ขอส่งประเด็นไปสืบพยานที่ศาลอื่น ศาลชั้นต้นสอบจำเลยแล้วจำเลยไม่ค้านและยังแถลงว่าไม่ตามประเด็นไปด้วย ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องผ่านเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครขอให้ส่งตัวจำเลยตามประเด็นศาลชั้นต้นพิเคราะห์แล้วไม่เห็นสมควรและไม่อนุญาต ดังนี้ เป็นเรื่องที่ศาลชั้นต้นมีอำนาจใช้ดุลพินิจสั่งได้ และเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ชอบแล้ว
จำเลยฎีกาอ้างข้อเท็จจริงนอกสำนวน ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
โจทก์ขอส่งประเด็นไปสืบพยานที่ศาลอื่น ศาลชั้นต้นสอบจำเลยแล้วจำเลยไม่ค้านและยังแถลงว่าไม่ตามประเด็นไปด้วย ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องผ่านเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครขอให้ส่งตัวจำเลยตามประเด็นศาลชั้นต้นพิเคราะห์แล้วไม่เห็นสมควรและไม่อนุญาต ดังนี้ เป็นเรื่องที่ศาลชั้นต้นมีอำนาจใช้ดุลพินิจสั่งได้ และเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ชอบแล้ว
จำเลยฎีกาอ้างข้อเท็จจริงนอกสำนวน ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3522/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิจำเลยในการมีทนาย และดุลพินิจศาลในการพิจารณาพยานหลักฐานนอกสถานที่
ก่อนเริ่มการพิจารณาคดีในศาลชั้นต้น จำเลยแถลงว่าจะหาทนายความเอง และในระหว่างการพิจารณาไม่ปรากฏว่าจำเลยร้องขอให้ศาลตั้งทนายความให้ศาลจึงไม่จำต้องตั้งทนายความให้จำเลย
โจทก์ขอส่งประเด็นไปสืบพยานที่ศาลอื่น ศาลชั้นต้นสอบจำเลยแล้วจำเลยไม่ค้านและยังแถลงว่าไม่ตามประเด็นไปด้วย ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องผ่านเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครขอให้ส่งตัวจำเลยตามประเด็น ศาลชั้นต้นพิเคราะห์แล้วไม่เห็นสมควรและไม่อนุญาต ดังนี้ เป็นเรื่องที่ศาลชั้นต้นมีอำนาจใช้ดุลพินิจสั่งได้ และเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ชอบแล้ว
จำเลยฎีกาอ้างข้อเท็จจริงนอกสำนวน ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
โจทก์ขอส่งประเด็นไปสืบพยานที่ศาลอื่น ศาลชั้นต้นสอบจำเลยแล้วจำเลยไม่ค้านและยังแถลงว่าไม่ตามประเด็นไปด้วย ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องผ่านเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครขอให้ส่งตัวจำเลยตามประเด็น ศาลชั้นต้นพิเคราะห์แล้วไม่เห็นสมควรและไม่อนุญาต ดังนี้ เป็นเรื่องที่ศาลชั้นต้นมีอำนาจใช้ดุลพินิจสั่งได้ และเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ชอบแล้ว
จำเลยฎีกาอ้างข้อเท็จจริงนอกสำนวน ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2551/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องบังคับจำนอง: การบอกกล่าวบังคับจำนองโดยทนายความและการไม่เคลือบคลุมของฟ้อง
โจทก์ฟ้องบังคับจำนอง และขอให้บังคับชำระหนี้จากทรัพย์สินอื่นของจำเลยผู้จำนองด้วย แม้คำฟ้องจะมิได้บรรยายถึงสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่จะให้จำเลยรับผิดนอกเหนือไปจากสัญญาที่จำนอง ก็มีผลเพียงว่าศาลจะบังคับตามคำขอของโจทก์ในส่วนที่ขอให้บังคับเอาจากทรัพย์สินอื่นของจำเลยไม่ได้เท่านั้น หาทำให้ฟ้องโจทก์ทั้งหมดเป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่
เมื่อศาลชั้นต้นสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยระบุพยานเพิ่มเติมจำเลยแถลงไม่ติดใจสืบพยาน และมิได้ฎีกาคัดค้านว่าการที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยระบุพยานเพิ่มเติมนั้นไม่ชอบด้วยเหตุผลอย่างไร ฉะนั้น ปัญหาที่จำเลยฎีกาว่า การที่จำเลยจะนำพยานบุคคลมาสืบตามข้อต่อสู้ของจำเลยเป็นการนำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสารสัญญาจำนองหรือไม่จึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัย
ทนายโจทก์ได้บอกกล่าวบังคับจำนองในนามของโจทก์ แม้โจทก์จะไม่ได้มอบอำนาจเป็นหนังสือ แต่เมื่อโจทก์ยอมรับเอาการบังคับจำนองดังกล่าวแล้ว ย่อมถือได้ว่าโจทก์ได้ให้สัตยาบันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 823 และถือได้ว่าโจทก์บอกกล่าวบังคับจำนองแก่จำเลยแล้ว
เมื่อศาลชั้นต้นสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยระบุพยานเพิ่มเติมจำเลยแถลงไม่ติดใจสืบพยาน และมิได้ฎีกาคัดค้านว่าการที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยระบุพยานเพิ่มเติมนั้นไม่ชอบด้วยเหตุผลอย่างไร ฉะนั้น ปัญหาที่จำเลยฎีกาว่า การที่จำเลยจะนำพยานบุคคลมาสืบตามข้อต่อสู้ของจำเลยเป็นการนำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสารสัญญาจำนองหรือไม่จึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัย
ทนายโจทก์ได้บอกกล่าวบังคับจำนองในนามของโจทก์ แม้โจทก์จะไม่ได้มอบอำนาจเป็นหนังสือ แต่เมื่อโจทก์ยอมรับเอาการบังคับจำนองดังกล่าวแล้ว ย่อมถือได้ว่าโจทก์ได้ให้สัตยาบันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 823 และถือได้ว่าโจทก์บอกกล่าวบังคับจำนองแก่จำเลยแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 163/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฎีกาแทนจำเลย: ทนายความต้องเป็นผู้รับมอบอำนาจจากจำเลยโดยตรง
ฎีกาของจำเลยมี พ.ลงชื่อเป็นผู้ฎีกา.แต่พ.เป็นทนายความของนายไสวไพรวงษ์ มิใช่ทนายความของจำเลยและนายไสวไพรวงษ์ก็โต้เถียงตลอดมาว่าตนมิใช่จำเลยพ.จึงไม่มีอำนาจฎีกาแทนจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 502/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจผู้รับมอบอำนาจในการลงชื่อเรียงฟ้องคดีอาญา ไม่ขัดต่อ พ.ร.บ.ทนายความ และฟ้องมีสมบูรณ์
เมื่อโจทก์ได้มอบหมายให้ผู้ใดเป็นตัวแทนโจทก์ในการดำเนินคดีอาญาแล้ว ผู้นั้นมีฐานะเป็นคู่ความในคดีในนามของโจทก์ย่อมมีอำนาจตามกฎหมายที่จะลงชื่อเป็นโจทก์ในฟ้อง เรียงหรือแต่งคำฟ้อง และลงลายมือชื่อเป็นผู้เรียงฟ้องได้ หาเป็นการขัดต่อ พระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ. 2508 มาตรา 36 ไม่
ผู้รับมอบอำนาจให้ฟ้องคดีแทนโจทก์ลงชื่อเป็นผู้เรียงมาในฟ้องฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(7) จะยกฟ้องโจทก์เพราะเหตุนี้หาได้ไม่
ผู้รับมอบอำนาจให้ฟ้องคดีแทนโจทก์ลงชื่อเป็นผู้เรียงมาในฟ้องฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(7) จะยกฟ้องโจทก์เพราะเหตุนี้หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 462/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแต่งฟ้องฎีกาโดยผู้มิได้มีใบอนุญาตทนายความ เป็นการกระทำไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับพิจารณา
น.มิได้เป็นผู้ซึ่งจดทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นทนายความ และไม่ปรากฏว่าเป็นบุคคลซึ่งอยู่ในข้อยกเว้นตามวรรคสองของมาตรา 36 พระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ.2508 การที่ น.ได้เรียงหรือแต่งฟ้องฎีกาให้จำเลยซึ่งเป็นการฝ่าฝืนต่อบทกฎหมายดังกล่าวข้างต้น ซึ่งมีโทษทางอาญาตามมาตรา 37 ฎีกาของจำเลยจึงเป็นฎีกาซึ่งเกิดจากการกระทำอันไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่อาจรับพิจารณาให้