พบผลลัพธ์ทั้งหมด 439 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1416/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องค่าเสียหาย: การรู้ถึงการละเมิดและตัวผู้ต้องรับผิดของนิติบุคคล
ตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 218 ข้อ 32 วรรค 2 ว่า "กรมมีอธิบดีเป็นผู้ปกครองบังคับบัญชาข้าราชการ รับผิดชอบในการปฏิบัติราชการของกรม ฯลฯ" ดังนั้น การที่จะถือว่ากรมตำรวจโจทก์ได้รู้ถึงเรื่องการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนก็ต่อเมื่อ อธิบดีกรมตำรวจโจทก์ หรือผู้ทำการแทนรู้เรื่องการละเมิด และรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน จะถือว่าเมื่อประธานกรรมการสอบสวนรู้ตัวผู้จะพึงใช้ค่าสินไหมทดแทนตือถือว่าโจกท์รู้ด้วยหาได้ไม่ เพราะตามระเบียบราชการนั้นเจ้าหน้าที่ชั้นสูงจะต้องพิจารณาก่อนว่าเรื่องราวและความเห็นของเจ้าหน้าที่ที่เสนอไปนั้นถูกต้องหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1416/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความค่าเสียหายจากละเมิด: การรู้ถึงการละเมิดและตัวผู้กระทำผิดของนิติบุคคล
ตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 218 ข้อ 32วรรคสองว่า"กรมมีอธิบดีเป็นผู้ปกครองบังคับบัญชาข้าราชการ รับผิดชอบในการปฏิบัติราชการของกรม ฯลฯ" ดังนั้นการที่จะถือว่ากรมตำรวจโจทก์ได้รู้ถึงเรื่องการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนก็ต่อเมื่ออธิบดีกรมตำรวจโจทก์หรือผู้ทำการแทนรู้เรื่องการละเมิด และรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน จะถือว่าเมื่อประธานกรรมการสอบสวนรู้ตัวผู้จะพึงใช้ค่าสินไหมทดแทนต้องถือว่าโจทก์รู้ด้วยหาได้ไม่ เพราะตามระเบียบราชการนั้นเจ้าหน้าที่ชั้นสูงจะต้องพิจารณาก่อนว่าเรื่องราวและความเห็นของเจ้าหน้าที่ที่เสนอไปนั้นถูกต้องหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1310/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมโดยประมาทเลินเล่อ ทำให้ผู้ถูกจับเสียหาย ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหาย และนิติบุคคลสังกัดต้องรับผิดร่วมด้วย
จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมโจทก์ในข้อหาว่านำปลาทูสดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้เสียภาษีเพราะจำเลยไม่ทราบว่ามีกฎหมายยกเว้นภาษี โจทก์ชี้แจงว่าไม่ต้องเสียภาษี จำเลยก็ไม่รับฟัง นำโจทก์ไปควบคุมตัวไว้โจทก์ขอขายปลาทูสดเพื่อบรรเทาความเสียหายจำเลยทั้งสามอนุญาตแล้ว คนของโจทก์ฉีดน้ำเพื่อละลายน้ำแข็งที่แช่ปลาออก ครั้นรุ่งเช้าจำเลยทั้งสามกลับสั่งอายัดไม่ยอมให้ขายจนเวลา 10 นาฬิกา ล่วงเลยเวลาซื้อขายปลาสดตามปกติแล้วจึงอนุญาตให้ขาย เป็นเหตุให้โจทก์ต้องขายปลาไปในราคาถูก ดังนี้ ถือว่าจำเลยกระทำด้วยความประมาทเลินเล่อต่อโจทก์โดยผิดกฎหมายเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายย่อมเป็นการละเมิดต่อโจทก์ จำเลยทั้งสามต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์
เมื่อการละเมิดของจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 เกิดขึ้นในการปฏิบัติการตามหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ หรือข้อบังคับตามวัตถุประสงค์ของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนิติบุคคล จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าสังกัดจึงต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายดังกล่าวตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 76วรรคแรก
ศาลพิพากษาให้จำเลยเสียค่าขึ้นศาลแทนโจทก์ตามจำนวนทุนทรัพย์ที่ฟ้องมิใช่เพียงเท่าทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดีนั้นเป็นดุลพินิจของศาลที่จะกำหนดได้ โดยคำนึงถึงเหตุสมควรและความสุจริตในการต่อสู้คดีหรือการดำเนินคดีของคู่ความทั้งปวง สำหรับคดีนี้ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วยังไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงดุลพินิจของศาลชั้นต้นที่กำหนดค่าขึ้นศาลดังกล่าวให้เป็นอย่างอื่น
เมื่อการละเมิดของจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 เกิดขึ้นในการปฏิบัติการตามหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ หรือข้อบังคับตามวัตถุประสงค์ของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนิติบุคคล จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าสังกัดจึงต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายดังกล่าวตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 76วรรคแรก
ศาลพิพากษาให้จำเลยเสียค่าขึ้นศาลแทนโจทก์ตามจำนวนทุนทรัพย์ที่ฟ้องมิใช่เพียงเท่าทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดีนั้นเป็นดุลพินิจของศาลที่จะกำหนดได้ โดยคำนึงถึงเหตุสมควรและความสุจริตในการต่อสู้คดีหรือการดำเนินคดีของคู่ความทั้งปวง สำหรับคดีนี้ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วยังไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงดุลพินิจของศาลชั้นต้นที่กำหนดค่าขึ้นศาลดังกล่าวให้เป็นอย่างอื่น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1200/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับผิดในสัญญาจากตัวแทนที่ไม่ได้รับมอบหมาย และการรับรองเอกสารนิติบุคคล
มีผู้อ้างว่าเป็นตัวแทนของจำเลยสั่งซื้อบัตร ส.ค.ส. จากโจทก์ใน พ.ศ.2514 โจทก์ส่งของและเก็บเงินจากจำเลยโดยผ่านธนาคารไปแล้ว พ.ศ.2515 ผู้นั้นอ้างเป็นตัวแทนจำเลยสั่งซื้อบัตร ส.ค.ส. จากโจทก์อีก คราวนี้จำเลยปฏิเสธ ดังนี้จำเลยเชิดบุคคลออกแสดงเป็นตัวแทนจำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์
เอกสารคำรับรองของโนตารีปับลิกว่า โจทก์จดทะเบียนเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญ ระบุชื่อผู้เป็นหุ้นส่วนทำการในนามของห้างได้โดยลำพังฟังได้ในข้อที่ว่าโจทก์เป็นนิติบุคคลและหุ้นส่วนคนหนึ่งมอบอำนาจให้ฟ้องคดี ศาลรับฟังเอกสารนี้ได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87 แม้โจทก์ไม่ได้ระบุพยานนี้ไว้
เอกสารคำรับรองของโนตารีปับลิกว่า โจทก์จดทะเบียนเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญ ระบุชื่อผู้เป็นหุ้นส่วนทำการในนามของห้างได้โดยลำพังฟังได้ในข้อที่ว่าโจทก์เป็นนิติบุคคลและหุ้นส่วนคนหนึ่งมอบอำนาจให้ฟ้องคดี ศาลรับฟังเอกสารนี้ได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87 แม้โจทก์ไม่ได้ระบุพยานนี้ไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 495/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คณะบุคคลไม่สามารถเป็นคู่ความในคดีได้ ต้องเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลที่จดทะเบียน
ผู้ที่จะเป็นคู่ความในคดีได้นั้นจะต้องเป็นบุคคลดังบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 1 (11) และคำว่าบุคคลนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ได้แก่บุคคลธรรมดาและนิติบุคคล แต่คณะบุคคลกรุงเทพฯ กรีฑา จำเลยที่ 1 เป็นเพียงคณะบุคคลหรือกลุ่มบุคคล มิใช่บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล ดังนั้น โจทก์จึงไม่อาจฟ้องจำเลยที่ 1 ให้รับผิดชำระหนี้ภาษีการค้าได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 495/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คู่ความต้องเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล คณะบุคคลไม่สามารถเป็นคู่ความได้
ผู้ที่จะเป็นคู่ความในคดีได้จะต้องเป็นบุคคลซึ่งได้แก่บุคคลธรรมดาและนิติบุคคล สำหรับคณะบุคคลเป็นเพียงกลุ่มบุคคล ไม่ใช่บุคคลธรรมดาและไม่ใช่นิติบุคคล จึงไม่อาจเป็นคู่ความในคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 470/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องเลิกบริษัท: นิติบุคคลต่างหากจากผู้ก่อตั้ง สัญญาประนีประนอมผูกพันเฉพาะคู่สัญญา
โจทก์ที่ 1 ในฐานะส่วนตัวและฐานะกรรมการผู้จัดการบริษัทโจทก์ที่ 2 กับ ส. และพวกทำสัญญาประนีประนอมยอมความตกลงกันจะก่อตั้งบริษัทขึ้นใหม่อีกบริษัทหนึ่ง เพื่อประกอบกิจการเดินรถแทนบริษัทโจทก์ที่ 2 ต่อมา ส. กับพวกได้ก่อตั้งบริษัทขึ้นใหม่ เป็นบริษัทจำเลยโดยโจทก์มิได้ร่วมก่อตั้งด้วย ดังนี้ บริษัทจำเลยเป็นนิติบุคคลที่ก่อตั้งขึ้นตามกฎหมาย มีสิทธิและหน้าที่ของตนเองต่างหากจากผู้เริ่มก่อการตั้งบริษัท และมิได้เป็นคู่สัญญาประนีประนอมยอมความฉบับดังกล่าว โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องบริษัทจำเลยเพื่อขอให้เลิกบริษัทโดยอาศัยข้อตกลงในสัญญาฉบับนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 470/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องเลิกบริษัท: นิติบุคคลมีสิทธิและหน้าที่ของตนเอง สัญญาประนีประนอมไม่ผูกพันบริษัท
โจทก์ที่ 1 ในฐานะส่วนตัวและฐานะกรรมการผู้จัดการบริษัทโจทก์ที่ 2กับ ส. และพวกทำสัญญาประนีประนอมยอมความตกลงกันจะก่อตั้งบริษัทขึ้นใหม่อีกบริษัทหนึ่งเพื่อประกอบกิจการการเดินรถแทนบริษัทโจทก์ที่ 2ต่อมา ส. กับพวกได้ก่อตั้งบริษัทขึ้นใหม่เป็นบริษัทจำเลยโดยโจทก์มิได้ร่วมก่อตั้งด้วย ดังนี้ บริษัทจำเลยเป็นนิติบุคคลที่ก่อตั้งขึ้นตามกฎหมายมีสิทธิและหน้าที่ของตนเองต่างหากจากผู้เริ่มก่อการตั้งบริษัท และมิได้เป็นคู่สัญญาประนีประนอมยอมความฉบับดังกล่าว โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องบริษัทจำเลยเพื่อขอให้เลิกบริษัทโดยอาศัยข้อตกลงในสัญญาฉบับนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2654/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เบี้ยปรับสัญญา, ความรับผิดร่วมของหุ้นส่วน, และอำนาจฟ้องของนิติบุคคล
โจทก์มีสิทธิเรียกเบี้ยปรับจากจำเลยได้ตามสัญญา เมื่อธนาคารผู้ค้ำประกันการปฎิบัติตามสัญญาได้ชำระเงินให้โจทก์จำนวนหนึ่งแล้ว โจทก์ยังมีสิทธิเรียกให้จำเลยชำระเบี้ยปรับจำนวนที่ยังเหลือได้ หาใช่เป็นการเรียกค่าปรับซ้อนกันไม่
แม้จำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อในสัญญาในฐานะตัวแทนห้างหุ้นส่วนจำกัดที่ มิใช่ใฐานะส่วนตัว แต่เมื่อจำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนประเภทไม่จำกัดความรับผิดและเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 1 จึงต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ด้วย
กรมตำรวจเป็นกรมในรัฐบาลย่อมเป็นนิติบุคคลมีอำนาจฟ้องหรือเป็นโจทก์ได้ไม่จำต้องให้กระทรวงมหาดไทยเป็นโจทก์ ทั้งมีอำนาจมอมให้หัวหน้ากองพลาธิการ กรมตำรวจฟ้องคดีได้ด้วย
แม้ในใบมอบอำจระบุให้ฟ้องจำเลยที่ 1 เท่านั้น แต่เมื่อจำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนของจำเลยที่ 1 ประเภทไม่จำกัดความรับผิด และเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการต้องรับผิดตามสัญญาร่วมกับจำเลยที่ 1 ด้วย การฟ้องคดีของโจทก์จึงถูกต้องตามใบมอบอำนาจแล้ว
โจทก์ฟ้องเรียกเบี้ยปรับหรือนัยหนึ่งค่าเสียหายที่กำหนดไว้ล่วงหน้าของคู่สัญญาจึงไม่จำเป็นต้องบรรยายอีกว่าเสียหายอะไร อย่างไร ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
ความเสียหายที่คู่กรณีได้กำหนดไว้ล่วงหน้าเป็นค่าปรัในสัญญาแล้วนั้น การปรับตามสัญญาไม่ได้หมายความเฉพาะแต่ในการส่งทรัพย์สินล่าช้าเท่านั้น หากแต่รวมถึงการไม่ส่งด้วย
เมื่อศาลพิพากษาให้จำเลยชดใช้เงินให้โจทก์จำนวนหนึ่งแล้ว สิทธิของโจทก์ในการคิดดอกเบี้ยย่อมมีขึ้นหากจำเลยชำระหนี้ตามคำพิพากษาล่าช้า และศาลมีอำนาจกำหนดให้จำเลยชำระได้นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(3)
คดีแพ่งและทนายโจทก์เป็นข้าราชการกรมอัยการ เมื่อจำเลยแพ้คดีศาลก็มีอำนาจให้จำเลยชำระค่าทนายความแทนโจทก์ได้ เป็นการชำระให้แก่คู่ความที่ชนะคดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161
แม้จำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อในสัญญาในฐานะตัวแทนห้างหุ้นส่วนจำกัดที่ มิใช่ใฐานะส่วนตัว แต่เมื่อจำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนประเภทไม่จำกัดความรับผิดและเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 1 จึงต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ด้วย
กรมตำรวจเป็นกรมในรัฐบาลย่อมเป็นนิติบุคคลมีอำนาจฟ้องหรือเป็นโจทก์ได้ไม่จำต้องให้กระทรวงมหาดไทยเป็นโจทก์ ทั้งมีอำนาจมอมให้หัวหน้ากองพลาธิการ กรมตำรวจฟ้องคดีได้ด้วย
แม้ในใบมอบอำจระบุให้ฟ้องจำเลยที่ 1 เท่านั้น แต่เมื่อจำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนของจำเลยที่ 1 ประเภทไม่จำกัดความรับผิด และเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการต้องรับผิดตามสัญญาร่วมกับจำเลยที่ 1 ด้วย การฟ้องคดีของโจทก์จึงถูกต้องตามใบมอบอำนาจแล้ว
โจทก์ฟ้องเรียกเบี้ยปรับหรือนัยหนึ่งค่าเสียหายที่กำหนดไว้ล่วงหน้าของคู่สัญญาจึงไม่จำเป็นต้องบรรยายอีกว่าเสียหายอะไร อย่างไร ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
ความเสียหายที่คู่กรณีได้กำหนดไว้ล่วงหน้าเป็นค่าปรัในสัญญาแล้วนั้น การปรับตามสัญญาไม่ได้หมายความเฉพาะแต่ในการส่งทรัพย์สินล่าช้าเท่านั้น หากแต่รวมถึงการไม่ส่งด้วย
เมื่อศาลพิพากษาให้จำเลยชดใช้เงินให้โจทก์จำนวนหนึ่งแล้ว สิทธิของโจทก์ในการคิดดอกเบี้ยย่อมมีขึ้นหากจำเลยชำระหนี้ตามคำพิพากษาล่าช้า และศาลมีอำนาจกำหนดให้จำเลยชำระได้นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(3)
คดีแพ่งและทนายโจทก์เป็นข้าราชการกรมอัยการ เมื่อจำเลยแพ้คดีศาลก็มีอำนาจให้จำเลยชำระค่าทนายความแทนโจทก์ได้ เป็นการชำระให้แก่คู่ความที่ชนะคดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1586/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือมอบอำนาจที่รับรองโดยโนตารีมีน้ำหนักเบื้องต้น, การพิสูจน์อำนาจลงนาม, ความรับผิดของนิติบุคคล
โนตารี่ปับลิคเป็นพนักงานของรัฐต่างประเทศ มีอำนาจตามกฎหมายในการรับรองการกระทำ คือหนังสือมอบอำนาจ ไม่เพียงแต่รับรองการมีอยู่และลายมือชื่อในหนังสือมอบอำนาจต่อหน้าตนเท่านั้น จึงฟังได้ในเบื้องต้นว่าเอกสารที่โนตารี่ปับลิครับรองเป็นเอกสารที่ทำขึ้นถูกต้องตามกฎหมายของรัฐนั้น ส่วนใครบ้างจะลงลายมือชื่อแทนบริษัทได้เป็นข้อเท็จจริงที่ต้องนำสืบ เมื่อจำเลยโต้แย้งหนังสือมอบอำนาจ แต่ไม่นำสืบ จึงฟังตามหนังสือมอบอำนาจได้
ห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัดนิติบุคคลทำผิด และลงโทษปรับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 274,275 ได้
ห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัดนิติบุคคลทำผิด และลงโทษปรับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 274,275 ได้