พบผลลัพธ์ทั้งหมด 670 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 358/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดิน & การเพิกถอนเอกสารหลักฐาน - ข้อจำกัดการสืบพยาน & คำขอไม่ชัดเจน
ส.ค.1 ไม่ใช่พยานที่กฎหมายบังคับให้ต้องมีเอกสารมาแสดงไม่อยู่ในบังคับ มาตรา 94 ที่ไม่ให้สืบพยานบุคคลแก้ไข
ฟ้องขอแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินและขอให้เพิกถอนบรรดาเอกสารที่เป็นหลักฐานเกี่ยวกับที่พิพาทซึ่งมีชื่อจำเลยเป็นเจ้าของเป็นคำขอไม่ชัดแจ้งว่าขอเพิกถอนเอกสารฉบับไหน ศาลไม่อาจบังคับให้ได้
ฟ้องขอแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินและขอให้เพิกถอนบรรดาเอกสารที่เป็นหลักฐานเกี่ยวกับที่พิพาทซึ่งมีชื่อจำเลยเป็นเจ้าของเป็นคำขอไม่ชัดแจ้งว่าขอเพิกถอนเอกสารฉบับไหน ศาลไม่อาจบังคับให้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2277/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงท้าทายสิทธิเรียกร้องและการยอมรับผลตามคำสาบานของพยาน
คู่ความตกลงท้ากันเป็นข้อแพ้ชนะว่า หากโจทก์นำ ส. ภรรยาโจทก์มาสาบานต่อหน้าศาลได้ว่ายังไม่ได้รับเงิน 9,000 บาท ตามที่โจทก์นำมาฟ้องคดีนี้ จำเลยยอมแพ้คดี ถ้า ส. ไม่กล้าสาบาน โจทก์เป็นฝ่ายแพ้คดี ปรากฏว่า ส. ได้สาบานต่อหน้าศาลว่าไม่ได้รับเงินตามจำนวนที่โจทก์นำมาฟ้องเป็นคดีนี้ ดังนี้ตามคำสาบานของส. แม้จะไม่ได้ระบุจำนวนเงิน 9,000 บาท ก็ถือได้ว่าตรงตามคำท้าแล้ว เพราะตามคำฟ้องของโจทก์ได้บรรยายไว้แล้วว่าจำเลยไม่ชำระเงิน 9,000 บาท จำเลยจึงต้องเป็นฝ่ายแพ้คดีตามคำท้า และต้องชดใช้ต้นเงินให้แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยด้วยตามฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 222/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปฏิเสธความถูกต้องของหนังสือมอบอำนาจและการนำสืบพยาน
คำให้การว่าโจทก์มอบอำนาจให้ฟ้องตามใบมอบอำนาจจริงหรือไม่จำเลยไม่ทราบไม่รับรอง หนังสือมอบอำนาจไม่สมบูรณ์ ดังนี้เป็นแต่เพียงจำเลยปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ แต่ไม่ได้แสดงเหตุแห่งการปฏิเสธจึงไม่มีสิทธินำสืบพยานถึงเหตุแห่งการปฏิเสธนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2750/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานในชั้นไต่สวนมูลฟ้องใช้ได้ แต่ต้องไม่ทำให้พยานหลักฐานดีขึ้นจนฟังลงโทษจำเลยได้
คำพยานในชั้นไต่สวนมูลฟ้องเป็นพยานเอกสารที่ใช้อ้างเป็นพยานหลักฐานในชั้นพิจารณาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2659/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พินัยกรรมที่สมบูรณ์ตามกฎหมาย: การพิมพ์ลายนิ้วมือต่อหน้าพยานและเจตนาในการยกทรัพย์
ผู้ทำพินัยกรรมได้พิมพ์ลายนิ้วมือลงในช่องที่เขียนว่า"ผู้มอบพินัยกรรม" และมีลายมือชื่อลงไว้ในช่อง "พยาน" 2 คนส่วนอีกคนหนึ่งลงลายมือชื่อในช่อง "พยาน" และ"ผู้เขียน" ตอนท้ายของพินัยกรรมมีข้อความระบุไว้ด้วยว่า "ข้าพเจ้าจึงลงลายมือชื่อไว้ต่อหน้าพยานหลักฐานไว้เป็นสำคัญ" เป็นข้อความที่ชัดเจนแล้วว่าผู้ทำพินัยกรรมได้พิมพ์ลายนิ้วมือไว้ต่อหน้าพยานทั้งหมด ในพินัยกรรมซึ่งอยู่ต่อหน้าพร้อมกันในขณะทำพินัยกรรมอยู่แล้ว ไม่จำต้องระบุไว้อีกว่า ผู้ทำพินัยกรรมได้ลงลายพิมพ์นิ้วมือไว้ต่อหน้าพยานสองคนพร้อมกัน
ถ้อยคำของผู้ทำพินัยกรรมปรากฏอยู่ในเอกสารว่า" ขอทำหนังสือสัญญาพินัยกรรม" ให้ไว้แก่จำเลยและลงท้ายว่า"เมื่อข้าตายไปขอให้ น.(จำเลย) นำหนังสือฉบับนี้ไปจดทะเบียนรับมรดกได้สมบูรณ์ตามกฎหมาย" แสดงให้เห็นเจตนาของผู้ทำพินัยกรรมอย่างเด่นชัดว่าประสงค์จะยกทรัพย์ของตนให้ผู้รับพินัยกรรมเมื่อผู้ทำพินัยกรรมตายแล้ว ถือได้ว่าเป็นพินัยกรรม(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 265/2488)
ถ้อยคำของผู้ทำพินัยกรรมปรากฏอยู่ในเอกสารว่า" ขอทำหนังสือสัญญาพินัยกรรม" ให้ไว้แก่จำเลยและลงท้ายว่า"เมื่อข้าตายไปขอให้ น.(จำเลย) นำหนังสือฉบับนี้ไปจดทะเบียนรับมรดกได้สมบูรณ์ตามกฎหมาย" แสดงให้เห็นเจตนาของผู้ทำพินัยกรรมอย่างเด่นชัดว่าประสงค์จะยกทรัพย์ของตนให้ผู้รับพินัยกรรมเมื่อผู้ทำพินัยกรรมตายแล้ว ถือได้ว่าเป็นพินัยกรรม(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 265/2488)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2659/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พินัยกรรมสมบูรณ์: การพิมพ์ลายนิ้วมือต่อหน้าพยาน และเจตนายกทรัพย์เมื่อเสียชีวิต
ผู้ทำพินัยกรรมได้พิมพ์ลายนิ้วมือลงในช่องที่เขียนว่า"ผู้มอบพินัยกรรม" และมีลายมือชื่อลงไว้ในช่อง "พยาน" 2 คน ส่วนอีกคนหนึ่งลงลายมือชื่อในช่อง "พยาน" และ"ผู้เขียน" ตอนท้ายของพินัยกรรมมีข้อความระบุไว้ด้วยว่า "ข้าพเจ้าจึงลงลายมือชื่อไว้ต่อหน้าพยานหลักฐานไว้เป็นสำคัญ" เป็นข้อความที่ชัดเจนแล้วว่า ผู้ทำพินัยกรรมได้พิมพ์ลายนิ้วมือไว้ต่อหน้าพยานทั้งหมดในพินัยกรรมซึ่งอยู่ต่อหน้าพร้อมกันในขณะทำพินัยกรรมอยู่แล้ว ไม่จำต้องระบุไว้อีกว่า ผู้ทำพินัยกรรมได้ลงลายพิมพ์นิ้วมือไว้ต่อหน้าพยานสองคนพร้อมกัน
ถ้อยคำของผู้ทำพินัยกรรมปรากฏอยู่ในเอกสารว่า "ขอทำหนังสือสัญญาพินัยกรรม" ให้ไว้แก่จำเลยและลงท้ายว่า "เมื่อข้าตายไปขอให้ น.(จำเลย) นำหนังสือฉบับนี้ไปจดทะเบียนรับมรดกได้สมบูรณ์ตามกฎหมาย" แสดงให้เห็นเจตนาของผู้ทำพินัยกรรมอย่างเด่นชัดว่าประสงค์จะยกทรัพย์ของตนให้ผู้รับพินัยกรรม เมื่อผู้ทำพินัยกรรมตายแล้ว ถือได้ว่าเป็นพินัยกรรม (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 265/2488)
ถ้อยคำของผู้ทำพินัยกรรมปรากฏอยู่ในเอกสารว่า "ขอทำหนังสือสัญญาพินัยกรรม" ให้ไว้แก่จำเลยและลงท้ายว่า "เมื่อข้าตายไปขอให้ น.(จำเลย) นำหนังสือฉบับนี้ไปจดทะเบียนรับมรดกได้สมบูรณ์ตามกฎหมาย" แสดงให้เห็นเจตนาของผู้ทำพินัยกรรมอย่างเด่นชัดว่าประสงค์จะยกทรัพย์ของตนให้ผู้รับพินัยกรรม เมื่อผู้ทำพินัยกรรมตายแล้ว ถือได้ว่าเป็นพินัยกรรม (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 265/2488)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2546/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือมอบอำนาจที่มีการประทับตราวันที่ ถือเป็นการขีดฆ่าอากรแสตมป์ สัญญา Trust Receipt มีผลผูกพัน และการรับฟังดอกเบี้ยจากพยาน
การประทับตราวันที่แต่เพียงอย่างเดียวลงบนอากรแสตมป์ที่ปิดในหนังสือมอบอำนาจ.เป็นการกระทำเพื่อมิให้ใช้แสตมป์ได้อีกถือได้ว่าเป็นการขีดฆ่าตามประมวลรัษฎากร มาตรา 103 แล้ว หนังสือมอบอำนาจจึงรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้
สัญญารับมอบสินค้าเชื่อหรือทรัสต์รีซีทคือสัญญาระหว่างธนาคารผู้เปิดเล็ตเตอร์ออฟเครดิต และลูกค้าผู้ขอให้เปิดเครดิตโดยธนาคารสัญญาจะมอบเอกสารที่จะใช้ในการรับมอบสินค้าให้ผู้ขอเครดิตเพื่อไปรับสินค้าและนำสินค้านั้นไปขายได้แต่กรรมสิทธิ์ในสินค้ายังเป็นของธนาคารอยู่ และทางฝ่ายผู้ขอเปิดเครดิตก็สัญญาว่าจะยึดถือเอกสารที่จะใช้ในการรับมอบสินค้ากับสินค้าที่รับมารวมทั้งเงินที่ขายสินค้านั้นได้ไว้ในนามของธนาคาร และจะนำเงินชำระให้แก่ธนาคารเมื่อหักกับเงินที่เป็นหนี้ตามดราฟท์ สัญญาเช่นนี้มีผลผูกพันคู่กรณีตามกฎหมาย กรณีนี้หาใช่สัญญาก่อตั้งทรัสต์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1686 ไม่
คำเบิกความของพยานโจทก์ซึ่งเป็นพนักงานผู้ทำหน้าที่เปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตและทำทรัสต์รีซีทของธนาคารโจทก์ที่ยืนยันว่าลูกหนี้ผิดนัดมีประเพณีของธนาคารให้คิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 12 ต่อไป ซึ่งจำเลยก็มิได้นำสืบในข้อนี้อย่างใด เช่นนี้ เป็นหลักฐานให้รับฟังได้แล้วว่าโจทก์มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยในอัตราดังกล่าวนั้นได้ไม่จำต้องมีพยานเอกสารประกอบอีก
สัญญารับมอบสินค้าเชื่อหรือทรัสต์รีซีทคือสัญญาระหว่างธนาคารผู้เปิดเล็ตเตอร์ออฟเครดิต และลูกค้าผู้ขอให้เปิดเครดิตโดยธนาคารสัญญาจะมอบเอกสารที่จะใช้ในการรับมอบสินค้าให้ผู้ขอเครดิตเพื่อไปรับสินค้าและนำสินค้านั้นไปขายได้แต่กรรมสิทธิ์ในสินค้ายังเป็นของธนาคารอยู่ และทางฝ่ายผู้ขอเปิดเครดิตก็สัญญาว่าจะยึดถือเอกสารที่จะใช้ในการรับมอบสินค้ากับสินค้าที่รับมารวมทั้งเงินที่ขายสินค้านั้นได้ไว้ในนามของธนาคาร และจะนำเงินชำระให้แก่ธนาคารเมื่อหักกับเงินที่เป็นหนี้ตามดราฟท์ สัญญาเช่นนี้มีผลผูกพันคู่กรณีตามกฎหมาย กรณีนี้หาใช่สัญญาก่อตั้งทรัสต์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1686 ไม่
คำเบิกความของพยานโจทก์ซึ่งเป็นพนักงานผู้ทำหน้าที่เปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตและทำทรัสต์รีซีทของธนาคารโจทก์ที่ยืนยันว่าลูกหนี้ผิดนัดมีประเพณีของธนาคารให้คิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 12 ต่อไป ซึ่งจำเลยก็มิได้นำสืบในข้อนี้อย่างใด เช่นนี้ เป็นหลักฐานให้รับฟังได้แล้วว่าโจทก์มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยในอัตราดังกล่าวนั้นได้ไม่จำต้องมีพยานเอกสารประกอบอีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2519/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอเลื่อนคดีเนื่องจากความเจ็บป่วยและเหตุสุดวิสัยของพยาน ศาลต้องพิจารณาตามสมควร
ศาลอนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีเพราะทนายโจทก์ป่วยมาครั้งหนึ่งแล้วโดยกำชับว่านัดหน้าถ้าขอเลื่อนด้วยความเจ็บป่วยของทนายโจทก์หรือตัวโจทก์อีก จะพิจารณาสั่งโดยเคร่งครัดพอถึงวันนัดครั้งที่สอง ทนายโจทก์แถลงว่าตัวโจทก์ป่วยเป็นโรคท้องร่วงมาศาลไม่ได้ พยานอื่นได้รับหมายแล้วไม่มาศาลสองคน และบวชอยู่ต่างจังหวัดส่งหมายไม่ได้อีกหนึ่งคน จึงขอเลื่อนคดีทนายจำเลยไม่คัดค้าน เช่นนี้ ตามข้ออ้างของทนายโจทก์ที่ว่าตัวโจทก์ป่วยนั้น เมื่อทนายจำเลยไม่คัดค้านย่อมแสดงว่าฝ่ายจำเลยรับว่าตัวโจทก์ป่วยจริง ยังไม่มีเหตุควรสงสัยว่าโจทก์แกล้งประวิงคดีโดยอ้างความเจ็บป่วยอันเป็นเท็จ ส่วนพยานอื่นของโจทก์ที่ไม่มาศาลก็มีเหตุผลอันสมควรที่โจทก์จะขอเลื่อนคดีได้ เพราะโจทก์ไม่มีอำนาจอันใดที่จะบังคับให้พยานอื่นซึ่งได้รับหมายแล้วมาศาลได้ จึงไม่มีเหตุอย่างใดที่จะฟังว่าโจทก์ไม่นำพาต่อคดี หรือประวิงคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2519/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอเลื่อนคดีเนื่องจากความเจ็บป่วยและการไม่มาศาลของพยาน ศาลต้องพิจารณาเหตุผลสมควรและไม่ถือว่าประวิงคดี
ศาลอนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีเพราะทนายโจทก์ป่วยมาครั้งหนึ่งแล้ว โดยกำชับว่านัดหน้าถ้าขอเลื่อนด้วยความเจ็บป่วยของทนายโจทก์หรือตัวโจทก์อีก จะพิจารณาสั่งโดยเคร่งครัดพอถึงวันนัดครั้งที่สอง ทนายโจทก์แถลงว่าตัวโจทก์ป่วยเป็นโรคท้องร่วงมาศาลไม่ได้ พยานอื่นได้รับหมายแล้วไม่มาศาลสองคน และบวชอยู่ต่างจังหวัดส่งหมายไม่ได้อีกหนึ่งคน จึงขอเลื่อนคดีทนายจำเลยไม่คัดค้านเช่นนี้ ตามข้ออ้างของทนายโจทก์ที่ว่าตัวโจทก์ป่วยนั้น เมื่อทนายจำเลยไม่คัดค้านย่อมแสดงว่าฝ่ายจำเลยรับว่าตัวโจทก์ป่วยจริง ยังไม่มีเหตุควรสงสัยว่าโจทก์แกล้งประวิงคดีโดยอ้างความเจ็บป่วยอันเป็นเท็จ ส่วนพยานอื่นของโจทก์ที่ไม่มาศาลก็มีเหตุผลอันสมควรที่โจทก์จะขอเลื่อนคดีได้ เพราะโจทก์ไม่มีอำนาจอันใดที่จะบังคับให้พยานอื่นซึ่งได้รับหมายแล้วมาศาลได้ จึงไม่มีเหตุอย่างใดที่จะฟังว่าโจทก์ไม่นำพาต่อคดีหรือประวิงคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1875/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พินัยกรรมไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย หากผู้ทำพินัยกรรมลงชื่อก่อนพยานครบถ้วน แม้จะอยู่พร้อมหน้ากัน
ผู้ทำพินัยกรรมลงชื่อเป็นผู้ทำพินัยกรรมต่อหน้าพยานเพียงคนเดียวส่วนพยานอีกคนหนึ่งมาถึงและลงชื่อเป็นพยานในพินัยกรรมภายหลังที่ผู้ทำพินัยกรรมลงชื่อแล้วประมาณ 5 นาที แม้ว่าขณะนั้นผู้ทำพินัยกรรมและพยานจะยังอยู่พร้อมหน้ากัน ก็ถือว่าพินัยกรรมนั้นเป็นพินัยกรรมที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1656