พบผลลัพธ์ทั้งหมด 477 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2504/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพิจารณาคดี จำเป็นต้องวินิจฉัยเจตนาการขาดนัดก่อน จึงจะดำเนินการพิจารณาต่อไปได้
วันนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์และพยานโจทก์มาศาล ส่วนจำเลยและทนายจำเลยไม่มาศาล ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาและสืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียว ในระหว่างพิจารณาคดีฝ่ายเดียว ทนายจำเลยมาศาล แต่ศาลชั้นต้นมิได้ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 205 วรรคสองและวรรคสามโดยเมื่อสืบพยานโจทก์ไปแล้วก็นัดฟังคำพิพากษาเลยทีเดียวโดยมิได้วินิจฉัยว่าการขาดนัดของจำเลยเป็นไปโดยจงใจหรือไม่เสียก่อนจนเป็นเหตุให้จำเลยไม่ได้สืบพยานของตนและแพ้คดี อันเป็นกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบ ศาลฎีกาย่อมอาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 243(2), 247พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 205 วรรคสองและวรรคสามโดยให้วินิจฉัยว่าการขาดนัดของจำเลยเป็นไปโดยจงใจหรือไม่แล้วมีคำสั่งหรือดำเนินการพิจารณาต่อไป แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2024/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลอุทธรณ์ในการวินิจฉัยข้อเท็จจริงนอกเหนือจากที่ศาลแขวงวินิจฉัย และหลักการพิจารณาคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
คดีที่ศาลแขวงพิพากษายกฟ้องและอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ตามมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงฯ นั้น ศาลอุทธรณ์จะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลแขวงวินิจฉัยมาแล้วเป็นหลักในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย หากข้อเท็จจริงตามที่ศาลแขวงฟังมายังขาดตกบกพร่องหรือไม่เพียงพอ ศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจสั่งย้อนสำนวนไปให้ศาลแขวงวินิจฉัยข้อเท็จจริงใด ๆ เพื่อนำมาประกอบการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายได้การที่ศาลอุทธรณ์หยิบยกข้อเท็จจริงขึ้นวินิจฉัยนอกเหนือไปจากข้อเท็จจริงที่ศาลแขวงฟังเป็นยุติมาแล้ว จึงเป็นการวินิจฉัยที่มิชอบแม้จำเลยจะมิได้ยกปัญหาข้อนี้ขึ้นอ้างอิง ศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยได้เพราะเป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยและเป็นการจำเป็นที่จะต้องให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่ให้ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 225, 208(2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1320/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาล: คดีอาญาที่เกิดในภาวะกฎอัยการศึก และการพิจารณาคดีโดยศาลที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
โจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลพลเรือนขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276, 284, 309 เหตุเกิดในระหว่างประกาศใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักรตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 2 ลงวันที่ 17 พฤศจิกายน 2514 และความผิดตามมาตรา 284 นั้น อยู่ในอำนาจศาลทหารที่จะพิจารณาพิพากษาตามความในข้อ 1 ของประกาศดังกล่าวประกอบกับบัญชีท้ายประกาศ ข้อ (6) อีกทั้งคดีนี้ประกอบด้วยการกระทำหลายอย่าง แม้การกระทำผิดตามมาตรา 276 และ 309 นั้นไม่อยู่ในอำนาจศาลทหารตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 2 แต่ก็อยู่ในอำนาจศาลทหารที่จะพิจารณาพิพากษาด้วยตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 36 ลงวันที่ 9 มกราคม 2515 ความผิดทุกข้อหาในคดีนี้จึงมิได้อยู่ในอำนาจศาลพลเรือน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3014/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแต่งตั้งทนายและผลกระทบต่อการพิจารณาคดี: แม้จำเลยไม่มาศาล แต่หากมีทนายมาศาลถือว่าไม่ใช่การขาดนัด
ในวันนัดสืบพยานโจทก์จำเลย จำเลยไม่มาศาล คงแต่ง ป.เป็นทนายความมาศาล ศาลรับใบแต่งทนายของจำเลยและได้ทำการไกล่เกลี่ยโจทก์จำเลย เช่นนี้ ถือว่าป.เป็นทนายความของจำเลยโดยชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 61แล้ว การที่ศาลกลับไปสั่งไม่รับ ป.เป็นทนายความของจำเลย โดยเห็นว่า ป.แถลงว่าลายเซ็นของจำเลยในใบแต่งทนายเป็นลายเซ็นที่แท้จริงมีสามีของจำเลยรับรอง เป็นการขัดกับชื่อของจำเลยซึ่งเป็นนางสาวนั้น จึงเป็นการมิชอบกรณีนี้ต้องถือว่าทนายของจำเลยมาศาลแล้ว เมื่อศาลทำการสืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียวแล้วพิพากษาคดีไปเลย โดยมิได้มีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา จึงไม่ใช่เป็นการพิจารณาโดยขาดนัด จำเลยจะขอให้พิจารณาคดีใหม่ไม่ได้ หากจำเลยไม่พอใจก็ชอบที่จะอุทธรณ์ฎีกาคำสั่งหรือคำพิพากษาของศาลชั้นต้นต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 204/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีอาญาที่มีจำเลยทั้งรับสารภาพและปฏิเสธ: กระบวนการถูกต้องตามกฎหมายสำหรับจำเลยที่ปฏิเสธ
ในคดีอาญาซึ่งมีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่สิบปีขึ้นไป มีจำเลยบางคนรับสารภาพ บางคนปฏิเสธ จำเลยที่รับสารภาพนั้นศาลชั้นต้นมิได้สอบถามเรื่องทนาย และมิได้มีทนายตลอดการพิจารณาของศาลชั้นต้น ส่วนจำเลยที่ปฏิเสธได้แต่งตั้งทนายเข้าซักค้านพยานโจทก์ตลอดจนสืบพยานของตนมาแต่ต้นต่อมาศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยที่รับสารภาพ ศาลยังไม่ได้สอบถามว่าจะมีทนายหรือไม่ คำพิพากษายังไม่ชอบ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาให้ถูกต้องแล้วพิพากษาใหม่ศาลชั้นต้นได้ขอแรงทนายให้จำเลยที่รับสารภาพ ในวันนัดพร้อม โจทก์และจำเลยที่รับสารภาพและที่ปฏิเสธแถลงว่า ไม่ติดใจให้ดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ โดยขอให้ถือเอาคำพยานที่สืบไว้เดิมเป็นการเพียงพอและทนายจำเลยที่รับสารภาพ ก็ไม่ติดใจซักค้านพยานโจทก์หรือสืบพยานจำเลยอีก ศาลชั้นต้นถือว่าได้ดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่เสร็จแล้วและพิจารณาคดีไปทีเดียว ดังนี้ การให้ดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่มุ่งเฉพาะตัวจำเลยที่รับสารภาพเท่านั้น กระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นที่กระทำต่อจำเลยที่ปฏิเสธทั้งสองคราวจึงครบถ้วนถูกต้องตามกฎหมายวิธีพิจารณาความแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1045-1046/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิจำเลยในการมีทนาย – กระบวนการยุติธรรมเฉพาะตัว – การพิจารณาคดีร่วม
ในคดีอุกฉกรรจ์ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงตั้งแต่สิบปีขึ้นไปจำเลยคนหนึ่งให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาโดยไม่สอบถามเรื่องทนายความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 173 แล้วพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยนั้นด้วย เป็นการไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณาเฉพาะตัวจำเลยคนนั้น หาได้กระทบกระเทือนถึงกระบวนพิจารณาของจำเลยอื่นที่มีทนายแล้วไม่ และคดีนี้ได้มีการสืบพยานกันแล้วเมื่อศาลชั้นต้นสอบถามเรื่องทนายตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาและพิพากษาใหม่ จำเลยที่รับสารภาพแถลงว่าไม่ต้องการทนาย ส่วนจำเลยอื่นแถลงว่าได้ตั้งทนายไว้แล้ว กรณีดังนี้ไม่จำต้องสืบพยานต่อไป ศาลชั้นต้นต้องทำคำพิพากษาสำหรับจำเลยทุกคนเสียใหม่เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 411/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลื่อนคดีเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม: เหตุผลและความจำเป็นในการพิจารณาคดีต่อเนื่อง
การที่โจทก์มิได้เตรียมพยานมาศาลในวันนัดสืบพยานเพราะโจทก์ประสงค์จะมาขอถอนฟ้อง ครั้นเมื่อศาลไม่อนุญาตให้ถอนฟ้องก็เกิดความจำเป็นต้องสืบพยานในวันนั้น เช่นนี้แม้ว่าทนายโจทก์จะลืมยื่นบัญชีระบุพยาน แต่เมื่อมิได้มีพฤติการณ์แสดงว่าโจทก์เจตนาจงใจและมิได้ทำให้จำเลยเสียเปรียบ สมควรที่จะอนุญาตให้เลื่อนคดีได้
คดีเสร็จการพิจารณาและอยู่ระหว่างนัดฟังคำพิพากษา โจทก์ขอดำเนินคดีต่อไปและขอถอนทนายเพราะมีความเห็นในการดำเนินคดีไม่ตรงกัน ประกอบทั้งโจทก์ป่วยไม่ทราบการดำเนินคดีซึ่งบกพร่องของทนายมาก่อน เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมย่อมเป็นการสมควรที่จะให้เลื่อนการพิจารณาคดีต่อไปอีกได้
คดีเสร็จการพิจารณาและอยู่ระหว่างนัดฟังคำพิพากษา โจทก์ขอดำเนินคดีต่อไปและขอถอนทนายเพราะมีความเห็นในการดำเนินคดีไม่ตรงกัน ประกอบทั้งโจทก์ป่วยไม่ทราบการดำเนินคดีซึ่งบกพร่องของทนายมาก่อน เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมย่อมเป็นการสมควรที่จะให้เลื่อนการพิจารณาคดีต่อไปอีกได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 257/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปรับลดโทษอาญาตามกฎหมายใหม่ที่ใช้บังคับระหว่างพิจารณาคดี
ในระหว่างพิจารณาคดีนี้ของศาลฎีกาได้มีประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ออกใช้บังคับข้อ 14 ของประกาศดังกล่าวแก้ไขเพิ่มเติมให้ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรค 4 มีโทษเบากว่าเดิม ศาลฎีกาต้องใช้กฎหมายใหม่นี้ลงโทษจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1463/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคุ้มครองประโยชน์ระหว่างพิจารณาคดี ต้องเกี่ยวข้องกับประเด็นที่พิพาทโดยตรง หากไม่ใช่ศาลไม่จำเป็นต้องสั่ง
การร้องขอคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 264 นั้น คู่ความฝ่ายใดจะร้องขอก็ได้ แต่จะต้องเป็นการคุ้มครองประโยชน์ของผู้ร้องขอเพื่อให้ทรัพย์สิน สิทธิหรือประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่งที่พิพาทกันในคดีนั้น ได้รับความคุ้มครองไว้จนกว่าศาลจะได้มีคำพิพากษาหรือเพื่อความสะดวกในการที่จะบังคับคดีตามคำพิพากษา
โจทก์จำเลยพิพาทกันเรื่องกรรมสิทธิ์เรือน แม้จะปรากฏว่าโจทก์ให้บุคคลอื่นเช่าเรือนนั้นและได้ค่าเช่าเป็นประโยชน์ตอบแทนจำเลยก็จะร้องขอให้ศาลสั่งให้โจทก์หรือผู้เช่านำเงินค่าเช่ามาวางศาลหาได้ไม่ เพราะผลของคดีถ้าจำเลยเป็นฝ่ายชนะศาลก็จะพิพากษายกฟ้องของโจทก์ไปตามคำขอท้ายคำให้การจำเลยเท่านั้น ไม่มีผลบังคับไปถึงผลประโยชน์อันเป็นค่าเช่าตามที่จำเลยร้องขอคุ้มครองได้ เว้นไว้แต่จำเลยจะได้ฟ้องแย้งขอแสดงกรรมสิทธิ์เรือนและเรียกค่าเช่าหรือค่าเสียหายมาด้วย
โจทก์จำเลยพิพาทกันเรื่องกรรมสิทธิ์เรือน แม้จะปรากฏว่าโจทก์ให้บุคคลอื่นเช่าเรือนนั้นและได้ค่าเช่าเป็นประโยชน์ตอบแทนจำเลยก็จะร้องขอให้ศาลสั่งให้โจทก์หรือผู้เช่านำเงินค่าเช่ามาวางศาลหาได้ไม่ เพราะผลของคดีถ้าจำเลยเป็นฝ่ายชนะศาลก็จะพิพากษายกฟ้องของโจทก์ไปตามคำขอท้ายคำให้การจำเลยเท่านั้น ไม่มีผลบังคับไปถึงผลประโยชน์อันเป็นค่าเช่าตามที่จำเลยร้องขอคุ้มครองได้ เว้นไว้แต่จำเลยจะได้ฟ้องแย้งขอแสดงกรรมสิทธิ์เรือนและเรียกค่าเช่าหรือค่าเสียหายมาด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1463/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคุ้มครองประโยชน์ระหว่างพิจารณาคดี ต้องเกี่ยวข้องกับประเด็นที่พิพาทโดยตรง และมีผลผูกพันตามคำพิพากษา
การร้องขอคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 264 นั้น คู่ความฝ่ายใดจะร้องขอก็ได้ แต่จะต้องเป็นการคุ้มครองประโยชน์ของผู้ร้องขอเพื่อให้ทรัพย์สิน สิทธิหรือประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่งที่พิพาทกันในคดีนั้น ได้รับความคุ้มครองไว้จนกว่าศาลจะได้มีคำพิพากษาหรือเพื่อความสะดวกในการที่จะบังคับคดีตามคำพิพากษา
โจทก์จำเลยพิพาทกันเรื่องกรรมสิทธิ์เรือน แม้จะปรากฏว่า โจทก์ให้บุคคลอื่นเช่าเรือนนั้นและได้ค่าเช่าเป็นประโยชน์ตอบแทนจำเลยก็จะร้องขอให้ศาลสั่งให้โจทก์หรือผู้เช่านำเงินค่าเช่ามาวางศาลหาได้ไม่ เพราะผลของคดีถ้าจำเลยเป็นฝ่ายชนะศาลก็จะพิพากษายกฟ้องของโจทก์ไปตามคำขอท้ายคำให้การจำเลยเท่านั้น ไม่มีผลบังคับไปถึงผลประโยชน์อันเป็นค่าเช่าตามที่จำเลยร้องขอคุ้มครองได้ เว้นไว้แต่จำเลยจะได้ฟ้องแย้งขอแสดงกรรมสิทธิ์เรือนและเรียกค่าเช่าหรือค่าเสียหายมาด้วย
โจทก์จำเลยพิพาทกันเรื่องกรรมสิทธิ์เรือน แม้จะปรากฏว่า โจทก์ให้บุคคลอื่นเช่าเรือนนั้นและได้ค่าเช่าเป็นประโยชน์ตอบแทนจำเลยก็จะร้องขอให้ศาลสั่งให้โจทก์หรือผู้เช่านำเงินค่าเช่ามาวางศาลหาได้ไม่ เพราะผลของคดีถ้าจำเลยเป็นฝ่ายชนะศาลก็จะพิพากษายกฟ้องของโจทก์ไปตามคำขอท้ายคำให้การจำเลยเท่านั้น ไม่มีผลบังคับไปถึงผลประโยชน์อันเป็นค่าเช่าตามที่จำเลยร้องขอคุ้มครองได้ เว้นไว้แต่จำเลยจะได้ฟ้องแย้งขอแสดงกรรมสิทธิ์เรือนและเรียกค่าเช่าหรือค่าเสียหายมาด้วย