พบผลลัพธ์ทั้งหมด 546 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 457/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยักยอกเงินค่าจำนำวิทยุ ไม่ใช่การยักยอกทรัพย์ โจทก์ไม่มีมูลฟ้องอาญา
ตามฟ้องของโจทก์นี้ (ดูฟ้องโจทก์) แปลได้ว่าเป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานยักยอกเงินค่าจำนำวิทยุ (ไม่ใช่ยักยอกเครื่องวิทยุ)จึงไม่มีมูลคดีอาญา (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 3/2503)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 361/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยอมความในคดีเช็คไม่มีเงิน ทำให้สิทธิฟ้องอาญาเป็นอันระงับ แม้จะไม่ได้ระบุถึงทางอาญาโดยชัดแจ้ง
จำเลยออกเช็คครั้งแรกสั่งจ่ายเมื่อครบ 10 เดือนครั้นถึงกำหนดธนาคารปฏิเสธไม่จ่ายเงินเพราะจำเลยไม่มีเงินในบัญชี ผู้เสียหายจึงร้องทุกข์ให้เจ้าพนักงานดำเนินคดีแก่จำเลยฐานออกเช็คไม่มีเงินแต่มีคนไกล่เกลี่ย ผู้เสียหายจึงให้จำเลยผัดไปอีก 6 เดือน โดยจำเลยออกเช็คฉบับใหม่ให้ผู้เสียหาย ครั้นถึงกำหนดขึ้นเงินเช็คฉบับใหม่ธนาคารก็ปฏิเสธไม่จ่ายเงินอีกเพราะจำเลยไม่มีเงินในธนาคารผู้เสียหายจึงฟ้องจำเลยเป็นคดีแพ่งเรียกเงินตามเช็ค ในคดีแพ่งคู่ความทำยอมกันโดยจำเลยยอมใช้เงินให้โจทก์ภายใน 15 วัน ในวันเดียวกันนั้นเอง ผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานให้ดำเนินคดีแก่จำเลย เช่นนี้อัยการโจทก์จะมาฟ้องจำเลยในกรณีเดียวกันนี้เป็นคดีอาญาฐานออกเช็คไม่มีเงินตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ อีกหาได้ไม่เพราะคดีนี้เกี่ยวกับความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค โจทก์มุ่งประสงค์จะให้ลงโทษจำเลยในทางอาญา แต่ก็ปรากฏว่าผู้เสียหายเคยร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีแก่จำเลยมาครั้งหนึ่งแล้วแต่ผู้เสียหายก็ตกลงให้จำเลยออกเช็คให้ใหม่ ครั้นไม่ได้รับชำระอีก ผู้เสียหายก็ฟ้องเป็นคดีแพ่งไม่ได้ดำเนินทางอาญา ต่อมาได้ตกลงประนีประนอมยอมความกันให้จำเลยชำระเงินภายใน 15 วัน นับจากวันทำยอมในคดีแพ่งแม้ในสัญญายอมตามที่ผู้เสียหายและจำเลยกระทำกันในคดีแพ่งนี้จะไม่ได้พูดถึงทางอาญาเลยแต่ตามพฤติการณ์ต่างๆที่ผู้เสียหายและจำเลยได้ปฏิบัติต่อกันมาดังกล่าว ย่อมมุ่งหมายจะให้ระงับคดีในทางอาญาด้วยฉะนั้น แม้ผู้เสียหายจะไปร้องทุกข์ให้เจ้าพนักงานดำเนินคดีอาญาเกี่ยวกับเช็ครายนี้แก่จำเลยอีกก็ตามแต่เมื่อกรณีออกเช็คไม่มีเงินนี้เป็นความผิดต่อส่วนตัวการที่ผู้เสียหายกับจำเลยได้ประนีประนอมยอมความกันในกรณีนี้ จึงมีผลทำให้สิทธินำคดีอาญารายนี้มาฟ้องจึงระงับไป(ประชุมใหญ่ครั้งที่5/2503)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1667/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความเพียงพอของฟ้องอาญา: การระบุบทบาทของผู้ต้องหาในความร่วมมือกระทำผิด
บรรยายฟ้อง 5 ข้อ ว่าด้วยการสมคบปลอมหนังสือและฉ้อโกงทรัพย์ แม้ในฟ้องข้อ 2 - 3 - 4 จะไม่ได้ ระบุถึงชื่อของจำเลยที่ 3 ด้วยเลยแต่ในฟ้องข้อ 1 กับข้อ 5 ได้ระบุไว้ว่า จำเลยที่ 3 ได้ร่วมสมคบในการนั้นด้วย โดยได้ร่วมสมคบในการนั้นด้วย โดยได้ร่วมมือและแบ่งแยกหน้าที่กันทำ มีการคบคิดกันมาแต่ต้น แล้วได้กระทำด้วยความร่วมมือเกี่ยวโยงกันแต่ต้นจนสำเร็จ ฟ้องดังนี้ได้แสดงรายละเอียดพอให้จำเลยที่ 3 เข้าใจข้อหาทั้งหมดนั้นได้ดีแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1667/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความเพียงพอของฟ้องอาญาที่ระบุความร่วมมือของจำเลย แม้ไม่ได้กล่าวถึงชื่อจำเลยในทุกข้อหา
บรรยายฟ้อง 5 ข้อ ว่าด้วยการสมคบกันปลอมหนังสือและฉ้อโกงทรัพย์ แม้ในฟ้องข้อ 2-3-4 จะไม่ได้ระบุถึงชื่อของจำเลยที่ 3 ด้วยเลย แต่ในฟ้องข้อ 1 กับข้อ 5 ได้ระบุไว้ว่าจำเลยที่ 3 ได้ร่วมสมคบในการนั้นด้วย โดยได้ร่วมมือและแบ่งแยกหน้าที่กันทำ มีการคบคิดกันมาแต่ต้น แล้วได้กระทำด้วยความร่วมมือเกี่ยวโยงกันแต่ต้นจนสำเร็จ ฟ้องดังนี้ได้แสดงรายละเอียดพอให้จำเลยที่ 3 เข้าใจข้อหาทั้งหมดนั้นได้ดีแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1587-1588/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องอาญาที่มิได้บรรยายการกระทำความผิดตามวรรค 4 มาตรา 340 วรรค 4 ที่ใช้ปืนยิงในการปล้นทรัพย์
ฟ้องข้อ 1 ว่าจำเลยปล้นกระบือโดยใช้ปืนขู่เข็ญจะยิงพวกเจ้าทรัพย์ ระบุการกระทำที่อ้างว่า จำเลยกระทำผิดและระบุรายละเอียดเกี่ยวกับเวลาและสถานที่เกิดเหตุไว้ด้วย แต่ในฟ้องข้อ 1 นี้โจทก์มิได้บรรยายว่าจำเลยใช้ปืนยิงในการปล้นนี้เลย ต่อมาในข้อ 2 โจทก์จึงบรรยายว่า ในวันเวลาเดียว กันกับฟ้องข้อ 1 เจ้าพนักงานติดตามทันจำเลยกับพวกขณะกำลังไล่กระบือ 5 ตัว ที่จำเลยปล้นไป จำเลยกับพวกใช้ปืนยิงมายังเจ้าพนักงาน ๆ จึงใช้ปืนยิงไปยังจำเลยกับพวกเพื่อป้องกันตัว กระสุนปืนถูกจำเลยบาดเจ็บแต่หลบหนีไปได้ เจ้าพนักงานจึงยึดได้กระบือ 5 ตัวเป็นของกลางและได้กระบือในที่ใกล้เคียงอีก 5 ตัว ถือว่าฟ้องของโจทก์ดังกล่าวไม่ฟ้องที่ประสงค์จะให้ลงโทษจำเลยตามวรรค 4 แห่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 คือใช้ปืนยิงในการปล้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1587-1588/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญา การบรรยายรายละเอียดการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340
ฟ้องข้อ 1 ว่าจำเลยปล้นกระบือโดยใช้ปืนขู่เข็ญจะยิงพวกเจ้าทรัพย์ระบุการกระทำที่อ้างว่าจำเลยกระทำผิดและระบุรายละเอียดเกี่ยวกับเวลาและสถานที่เกิดเหตุไว้ด้วย แต่ในฟ้องข้อ 1 นี้โจทก์มิได้บรรยายว่าจำเลยใช้ปืนยิงในการปล้นนี้เลย ต่อมาในข้อ 2 โจทก์จึงบรรยายว่า ในวันเวลาเดียวกันกับฟ้องข้อ 1 เจ้าพนักงานติดตามทันจำเลยกับพวกขณะกำลังไล่กระบือ 5 ตัว ที่จำเลยปล้นไป จำเลยกับพวกใช้ปืนยิงมายังเจ้าพนักงานเจ้าพนักงานจึงใช้ปืนยิงไปยังจำเลยกับพวกเพื่อป้องกันตัว กระสุนปืนถูกจำเลยบาดเจ็บแต่หลบหนีไปได้ เจ้าพนักงานจึงยึดได้กระบือ 5 ตัวเป็นของกลางและได้กระบือในที่ใกล้เคียงอีก 5 ตัว ถือว่าฟ้องของโจทก์ดังกล่าวไม่เป็นฟ้องที่ประสงค์จะให้ลงโทษจำเลยตามวรรคสี่ แห่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340(คือ ใช้ปืนยิงในการปล้น)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 149/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชัดเจนของฟ้องอาญา: การเชื่อมโยงข้อความในฟ้องเพื่อให้เข้าใจช่วงเวลาการกระทำผิด
ฟ้องข้อ ค. ระบุวันเดือนปีที่จำเลยทำผิด แม้ไม่ได้ระบุว่าเป็นเวลากลางวันหรือกลางคืน แต่เมื่อข้อความในฟ้อง ข้อ ค.ต่อเนื่องกับฟ้อง ข้อ ข. ซึ่งระบุวันเดือนปีตรงกับฟ้อง ข้อ ค. และระบุเวลากลางวันไว้ด้วย ทำให้เข้าใจได้ดีว่า การกระทำของจำเลยตามฟ้อง ข้อ ค. ได้เกิดขึ้นแล้วในฟ้อง ข้อ ข. อันเป็นวันเวลาเดียวกัน นั้นเอง เช่นนี้ ฟ้องข้อ ค. ไม่เคลือบคลุมในข้อที่ไม่ระบุเวลาว่า กลางวันหรือกลางวัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 149/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความต่อเนื่องของฟ้อง: การระบุเวลาในฟ้องอาญาที่ไม่เคลือบคลุมเมื่อเชื่อมโยงกับข้อความอื่นในฟ้อง
ฟ้องข้อ ค. ระบุวันเดือนปีที่จำเลยทำผิดแม้ไม่ได้ระบุว่าเป็นเวลากลางวันหรือกลางคืนแต่เมื่อข้อความในฟ้อง ข้อ ค. ต่อเนื่องกับฟ้อง ข้อข. ซึ่งระบุวันเดือนปีตรงกับฟ้อง ข้อค. และระบุเวลากลางวันไว้ด้วย ทำให้เข้าใจได้ดีว่าการกระทำของจำเลยตามฟ้อง ข้อ ค. ได้เกิดขึ้นแล้วในฟ้อง ข้อ ข. อันเป็นวันเวลาเดียวกันนั้นเอง เช่นนี้ ฟ้องข้อ ค. ไม่เคลือบคลุมในข้อที่ไม่ระบุเวลาว่า กลางวันหรือกลางคืน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 989/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชัดเจนของฟ้องอาญาฐานปลอมแปลงเอกสารและฉ้อโกง ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าฟ้องไม่เคลือบคลุม
โจทก์ได้บรรยายฟ้องเกี่ยวกับข้อเท็จจริง ที่กล่าวหาจำเลยว่า จำเลยได้สมคบกันกระทำผิดในการเปลี่ยนแปลงเอกสาร ทำปลอมเอกสาร พอสมควรที่จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว และกล่าวว่า เหตุเกิดเมื่อระหว่าง วันที่ 21 กันยายน 2495 ถึง วันที่ 26 ตุลาคม 2499 ทั้งนี้ โดยจำเลยนำเอกสารที่ทำปลอมไปใช้ในการฟ้องโจทก์ในคดีแพ่ง ดำที่ 324/2499 ของศาลจังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งวันเวลาที่จำเลยนำเอกสารปลอมไปใช้ก็มีปรากฏอยู่ในคดีดังกล่าว จึงหาเป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 989/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชัดเจนของฟ้องอาญาฐานปลอมแปลงเอกสารและการใช้เอกสารปลอม โดยมีการระบุช่วงเวลาและกรณีแพ่งที่เกี่ยวข้อง
โจทก์ได้บรรยายฟ้องเกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่กล่าวหาจำเลยว่า จำเลยได้สมคบกันกระทำผิดในการเปลี่ยนแปลงเอกสาร ทำปลอมเอกสาร พอสมควรที่จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้วและกล่าวว่า เหตุเกิดเมื่อระหว่าง วันที่ 21 กันยายน2495 ถึง วันที่ 26 ตุลาคม 2499 ทั้งนี้ โดยจำเลยนำเอกสารที่ทำปลอมไปใช้ในการฟ้องโจทก์ในคดีแพ่งดำที่324/2499 ของศาลจังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งวันเวลาที่จำเลยนำเอกสารปลอมไปใช้ก็มีปรากฏอยู่ในคดีดังกล่าวจึงหาเป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่