พบผลลัพธ์ทั้งหมด 676 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3293/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีเกี่ยวกับสินสมรส ต้องฟ้องร่วมกับภริยาหรือได้รับความยินยอม
เงินที่โจทก์ให้จำเลยกู้เป็นเงินสินสมรสซึ่งโจทก์และภริยาย่อมเป็นผู้จัดการเงินดังกล่าวร่วมกัน อำนาจจัดการสินสมรสรวมถึงอำนาจฟ้องและต่อสู้คดีเกี่ยวกับสินสมรสนั้นด้วย การที่โจทก์ฟ้องคดีเรียกคืนเงินกู้ดังกล่าวจากจำเลยจึงเป็นการฟ้องคดีเกี่ยวกับสินสมรส โจทก์ต้องฟ้องร่วมกับภริยาหรือได้รับความยินยอมจากภริยาเสียก่อน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2751/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยินยอมของนายจ้างต่อการปฏิบัติผิดระเบียบของลูกจ้าง ทำให้ลูกจ้างไม่ต้องรับผิด
จำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการสาขาสำนักงานของธนาคารโจทก์ปฏิบัติผิดระเบียบข้อบังคับของโจทก์ด้วยการปล่อยสินเชื่อ เกินอำนาจมาเป็นเวลานาน โจทก์ทราบและได้ยอมรับเอาการกระทำของจำเลยเป็นของตนถึงแก่ได้ฟ้องร้องลูกหนี้ส่วนใหญ่ จนมีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันบ้าง ศาลพิพากษาให้เต็มตามคำฟ้องบ้าง และโจทก์ได้ขอรับชำระหนี้ในคดีที่ลูกหนี้บางคนถูกศาลพิพากษาล้มละลายบ้าง โดยหาได้ว่ากล่าวเอาความแก่จำเลยว่าปฏิบัติผิดระเบียบข้อบังคับประการใดไม่ คงปล่อยให้จำเลยปฏิบัติหน้าที่ต่อมาจนเกษียณอายุ การปฏิบัติผิดระเบียบข้อบังคับดังกล่าวผู้จัดการสาขาสำนักงาน สาขาอื่น ก็กระทำโดยทั่วไป ผู้รับตำแหน่งสืบต่อจากจำเลยก็กระทำการเช่นจำเลยโจทก์มิได้ห้ามทักท้วง กลับถือเอาประโยชน์ตลอดมาจึงถือว่าเป็นระเบียบปฏิบัติปกตินิยมภายในของโจทก์อยู่ด้วยส่วนหนึ่งมีผลเท่ากับโจทก์ยินยอม สมัครใจ และเต็มใจยอมรับผลเสียหายอันอาจเกิดขึ้นแก่โจทก์ในอนาคต ภายหลังที่จำเลยและผู้จัดการสาขาสำนักงานอื่นไม่ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ โจทก์หาได้ถือเป็นข้อสำคัญและถือเป็นความผิดอีกต่อไปไม่ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการละเมิดและผิดสัญญาตัวแทน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2751/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยินยอมของนายจ้างต่อการปฏิบัติผิดระเบียบของลูกจ้าง ทำให้ลูกจ้างไม่ต้องรับผิด
จำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการสาขาสำนักงานของธนาคารโจทก์ปฏิบัติผิดระเบียบข้อบังคับของโจทก์ด้วยการปล่อยสินเชื่อเกินอำนาจมาเป็นเวลานาน โจทก์ทราบและได้ยอมรับเอาการกระทำของจำเลยเป็นของตนถึงแก่ได้ฟ้องร้องลูกหนี้ส่วนใหญ่ จนมีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันบ้าง ศาลพิพากษาให้เต็มตามคำฟ้องบ้าง และโจทก์ได้ขอรับชำระหนี้ในคดีที่ลูกหนี้บางคนถูกศาลพิพากษาล้มละลายบ้าง โดยหาได้ว่ากล่าวเอาความแก่จำเลยว่าปฏิบัติผิดระเบียบข้อบังคับประการใดไม่ คงปล่อยให้จำเลยปฏิบัติหน้าที่ต่อมาจนเกษียณอายุ การปฏิบัติผิดระเบียบข้อบังคับดังกล่าวผู้จัดการสาขาสำนักงาน สาขาอื่น ก็กระทำโดยทั่วไป ผู้รับตำแหน่งสืบต่อจากจำเลยก็กระทำการเช่นจำเลยโจทก์มิได้ห้ามทักท้วง กลับถือเอาประโยชน์ตลอดมาจึงถือว่าเป็นระเบียบปฏิบัติปกตินิยมภายในของโจทก์อยู่ด้วยส่วนหนึ่งมีผลเท่ากับโจทก์ยินยอม สมัครใจ และเต็มใจยอมรับผลเสียหายอันอาจเกิดขึ้นแก่โจทก์ในอนาคต ภายหลังที่จำเลยและผู้จัดการสาขาสำนักงานอื่นไม่ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ โจทก์หาได้ถือเป็นข้อสำคัญและถือเป็นความผิดอีกต่อไปไม่ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการละเมิดและผิดสัญญาตัวแทน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2725/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างและการยินยอมของสหภาพแรงงาน การปฏิบัติตามคำสั่งโดยไม่มีการโต้แย้งทำให้สิทธิเรียกร้องสูญเสีย
เมื่อจำเลยได้มีคำสั่งกำหนดเงินส่วนแบ่งจากค่าโดยสารให้แก่พนักงานเก็บค่าโดยสารแก้ไขเปลี่ยนแปลงอัตราส่วนแบ่งจากคำสั่งเดิม สหภาพแรงงานผู้ปฏิบัติงานองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ซึ่งโจทก์เป็นสมาชิกอยู่ด้วยมิได้ทักท้วง ย่อมมีผลเป็นว่าสหภาพแรงงานฯ ได้เห็นชอบตามคำสั่งของจำเลยและเมื่อโจทก์เข้าเป็นลูกจ้างของจำเลยจนถึงวันฟ้องโจทก์ก็ได้ปฏิบัติตามคำสั่งของจำเลยโดยยอมรับเอาเงินส่วนแบ่งจากรายได้ค่าโดยสารตามอัตราที่กำหนดไว้ตลอดมาโดยมิได้โต้แย้งคัดค้าน โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องเอาส่วนแบ่งจากรายได้ค่าโดยสารนอกเหนือไปจากที่กำหนดอัตราไว้ในคำสั่งดังกล่าวของจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2587/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร แม้ผู้เยาว์ยินยอม ศาลลงโทษตามมาตรา 319 ได้
ผู้เสียหายอายุ 15 ปี สมัครใจไปอยู่กับจำเลยที่ 1 และยินยอมร่วมประเวณีกับจำเลยที่ 1 โดยสมัครใจ จำเลยไม่มีความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา แต่ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1 มีภริยาอยู่แล้วไม่คิดจะอยู่กินฉันสามีภริยากับผู้เสียหายอย่างจริงจังจำเลยที่ 1 จึงมีความผิดฐานพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย ตาม ป.อ. มาตรา 319
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ตามมาตรา 318 โดยอ้างว่าผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้เยาว์ไม่เต็มใจไปด้วย แต่การที่จำเลยพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารจะโดยลักษณะที่ผู้เยาว์เต็มใจไปด้วยหรือไม่เต็มใจไปด้วย ป.อ. ก็บัญญัติเป็นความผิดอยู่แล้ว ศาลย่อมลงโทษจำเลยที่ 1 ตาม ป.อ. มาตรา 319 ซึ่งมีโทษเบากว่าได้.
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ตามมาตรา 318 โดยอ้างว่าผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้เยาว์ไม่เต็มใจไปด้วย แต่การที่จำเลยพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารจะโดยลักษณะที่ผู้เยาว์เต็มใจไปด้วยหรือไม่เต็มใจไปด้วย ป.อ. ก็บัญญัติเป็นความผิดอยู่แล้ว ศาลย่อมลงโทษจำเลยที่ 1 ตาม ป.อ. มาตรา 319 ซึ่งมีโทษเบากว่าได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 243/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับผิดของเจ้าของรถแท็กซี่ที่ยินยอมให้ผู้อื่นใช้ตราบริษัทในการประกอบการเดินรถ
การที่บริษัทจำเลยที่ 3 ยอมให้จำเลยที่ 1 นำรถยนต์แท็กซี่ออกแล่นรับคนโดยสารในนามของจำเลยที่ 3 โดยเปิดเผยและเป็นที่เชื่อ ได้ว่าจำเลยที่ 3 จะต้องได้รับผลประโยชน์ตอบแทนจากการอนุญาตให้ใช้ตรา บริษัท จำเลยที่ 3 ติดอยู่ที่ข้างรถดังกล่าวย่อมทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจว่า จำเลยที่ 3 เป็นผู้ประกอบการเดิน รถยนต์รับจ้างนั้นในกิจการของจำเลยที่ 3 เอง การกระทำของจำเลยที่ 3 เป็นการเชิด จำเลยที่ 1 เป็นตัวแทน จำเลยที่ 3 จึงต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอกผู้สุจริตที่ได้รับความเสียหายจากผลแห่งการละเมิดของจำเลยที่ 1 เสมือนจำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนของตน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2121/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้มาซึ่งภาระจำยอมโดยการใช้ทางต่อเนื่องเกิน 10 ปี และการยินยอมของเจ้าของที่ดิน
โจทก์ซื้อที่ดินของจำเลยทางด้านทิศใต้ใช้ปลูกบ้าน โดยจำเลยตกลงยอมให้โจทก์ใช้ทางพิพาทในที่ดินจำเลยเดินผ่านเข้าออกสู่ทางสาธารณะที่อยู่ทางทิศเหนือ ต่อมาโจทก์แจ้งให้จำเลยไปจดทะเบียนทางภาระจำยอมให้โจทก์จำเลยไปขอจดทะเบียนทางภาระจำยอมแล้ว แต่ภรรยาจำเลยคัดค้านจึงจดทะเบียนไม่ได้ ถือได้ว่าโจทก์ใช้ทางพิพาทเป็นทางเดิน โดยถือว่าตนมีสิทธิใช้ตลอดไปไม่ใช่ใช้อย่างถือวิสาสะอาศัยสิทธิของจำเลย เมื่อใช้ทางเดินเกิน 10 ปี โจทก์ย่อมได้สิทธิภาระจำยอม จำเลยสร้างรั้วปิดกั้นทางดังกล่าว จึงเป็นการละเมิดโจทก์
คำฟ้องมีข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาว่าจำเลยตกลงยอมให้โจทก์เดินผ่านทางพิพาทในที่ดินของจำเลยจนกลายเป็นภาระจำยอมที่ได้มาโดยอายุความเนื่องจากโจทก์ถือสิทธิใช้ทางพิพาทเป็นปรปักษ์ต่อจำเลย แต่จำเลยไม่ได้ให้การถึงข้อตกลงดังกล่าว ฎีกาของจำเลยที่ว่าข้อตกลงข้างต้นไม่ได้ทำหลักฐานเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ไม่บริบูรณ์ โจทก์ไม่อาจฟ้องขอให้บังคับจำเลยจดทะเบียนเป็นทางภาระจำยอมได้นั้น จึงไม่ใช่ข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย.
คำฟ้องมีข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาว่าจำเลยตกลงยอมให้โจทก์เดินผ่านทางพิพาทในที่ดินของจำเลยจนกลายเป็นภาระจำยอมที่ได้มาโดยอายุความเนื่องจากโจทก์ถือสิทธิใช้ทางพิพาทเป็นปรปักษ์ต่อจำเลย แต่จำเลยไม่ได้ให้การถึงข้อตกลงดังกล่าว ฎีกาของจำเลยที่ว่าข้อตกลงข้างต้นไม่ได้ทำหลักฐานเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ไม่บริบูรณ์ โจทก์ไม่อาจฟ้องขอให้บังคับจำเลยจดทะเบียนเป็นทางภาระจำยอมได้นั้น จึงไม่ใช่ข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 190/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การให้ความยินยอมของภริยาในการฟ้องคดี: หนังสือยินยอมเพียงพอ ไม่ต้องเบิกความ
การให้ความยินยอมหญิงมีสามีฟ้องคดีประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 56 บัญญัติให้ทำเป็นหนังสือยื่นต่อศาลเพื่อรวมไว้ในสำนวนเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องนำสามีผู้ให้ความยินยอมมาเบิกความอีก และสามีโจทก์ก็เป็นทนายความให้โจทก์อยู่แล้ว จึงไม่ทำให้ความสามารถในการดำเนินคดีของโจทก์บกพร่อง.(ที่มา-เนติ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3619/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลูกจ้างรายวันยินยอมหยุดงานชั่วคราวเนื่องจากนายจ้างขาดสภาพคล่อง ไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าจ้างในวันที่หยุด
จำเลยสั่งให้ลูกจ้างทั้งหมดหมุนเวียนกันหยุดงานเพิ่มขึ้นจากเดิมเป็นสัปดาห์ละ2-3วันในช่วงที่ธุรกิจการทอผ้าของจำเลยประสบภาวะขาดแคลนงานให้ลูกจ้างทำเพราะขาดวัสดุและงานที่ผลิตได้จำหน่ายไม่ออกทำให้ประสบปัญหาขาดทุนและโจทก์ซึ่งเป็นลูกจ้างรายวันของจำเลยก็ได้ผลัดเปลี่ยนกันหยุดงานตามคำสั่งของจำเลยดังกล่าวมาแล้วเป็นระยะเวลาหลายสัปดาห์จนกระทั่งมีวันหยุดทำงานในช่วงระยะเวลาดังกล่าวประมาณคนละ10วันโดยไม่ได้โต้แย้งคัดค้านคำสั่งของจำเลยจึงถือว่าโจทก์ได้ยินยอมโดยปริยายแล้วดังนั้นโจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าจ้างในวันที่หยุดงานดังกล่าวได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3092/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกเลิกสัญญาเช่าและการคืนเงินค่าก่อสร้าง สัญญาเช่าระงับเมื่อยินยอมรับเงินคืน
โจทก์ทำสัญญาเช่าห้องพิพาทจากจำเลย โดยยอมชำระเงินค่าก่อสร้างให้จำเลยเป็นการตอบแทนที่จำเลยยอมให้เช่าห้องพิพาท ต่อมาจำเลยได้มีหนังสือบอกเลิกการเช่าไปยังโจทก์และได้ออกเช็ค 2 ฉบับกับตั๋วแลกเงิน 1 ฉบับ เป็นจำนวนเงินเท่ากับเงินค่าก่อสร้างคืนให้โจทก์ แสดงว่าจำเลยประสงค์แต่จะเลิกสัญญากับโจทก์เท่านั้น โดยไม่ถือว่าโจทก์ผิดสัญญา จึงได้ยอมคืนเงินค่าก่อสร้างแก่โจทก์ทั้งหมดปรากฏว่าโจทก์ไม่ยอมรับเช็คและตั๋วแลกเงินดังกล่าว จำเลยจึงต้องมีหนังสือยืนยันและคืนเช็คพร้อมตั๋วแลกเงินให้โจทก์อีก แม้ต่อมาโจทก์ยอมรับตั๋วแลกเงินและเช็คไว้ก็ตาม แต่โจทก์ก็มิได้นำไปขึ้นเงิน จึงเป็นการบอกเลิกสัญญาของจำเลยแต่ฝ่ายเดียวไม่มีผลทางกฎหมายแต่อย่างใด ภายหลังโจทก์จึงนำตั๋วแลกเงินและเช็ค 2 ฉบับของจำเลยไปขึ้นเงิน แต่ขึ้นเงินตามเช็คไม่ได้เพราะเช็คขาดอายุความ แสดงว่าโจทก์ตกลงเลิกสัญญากับจำเลยแล้ว และยินดีรับเงินค่าก่อสร้างที่จำเลยคืนให้ ซึ่งเป็นการใช้สิทธิในฐานะผู้เช่าห้องพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมาย ไม่เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต สัญญาเช่าห้องพิพาทเป็นอันระงับ จำเลยจึงต้องชำระเงินที่ค้างอยู่ให้แก่โจทก์