พบผลลัพธ์ทั้งหมด 784 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3038/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดไม้แปรรูปและการทำลายหลักฐาน การลงโทษจำเลยต้องอาศัยการยึดทรัพย์สินจริงก่อน
จำเลยที่ 2 เป็นเจ้าของไม้สักแปรรูป 166 แผ่น อันเป็นไม้หวงห้ามไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ในวันเกิดเหตุ เจ้าพนักงานได้ยึดไม้สักแปรรูปดังกล่าวของจำเลยที่ 2 เป็นของกลาง 108 แผ่น นำกลับไปที่หน่วยแล้วตีตรายึดไว้ทุกแผ่น จำเลยทั้งสี่ร่วมกันจุดไปเผาไม้สักแปรรูป 6 แผ่น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่เหลือจากการยึด ในวันรุ่งขึ้นพนักงานสอบสวนจึงยึดไม้ที่เหลือจากการถูกเผาอีก 52 แผ่น เช่นนี้ ไม้สักแปรรูป 6 แผ่นที่จำเลยทั้งสี่กับพวกร่วมกันเผายังไม่ใช่เป็นไม้ที่เจ้าพนักงานได้ยึดไว้เพื่อเป็นพยานหลักฐาน จำเลยทั้งสี่ไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 142 ประกอบด้วยมาตรา 80.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3027/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเฉลี่ยหนี้ตามคำพิพากษา: เงินที่ถูกยึดหลังมีคำบังคับคดี สิทธิของเจ้าหนี้แต่ละราย
การที่บุคคลภายนอกส่งเงินที่โจทก์ขอให้ศาลมีคำสั่งอายัดไว้ชั่วคราวมาตามคำบังคับของศาลตามที่โจทก์ขอ หลังจากที่ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีเมื่อคดีถึงที่สุดแล้วนั้น เงินดังกล่าวจึงเป็นเงินที่เจ้าพนักงานได้ยึดหรืออายัดไว้ตามคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความ แพ่ง มาตรา 290 แม้คดีนี้ศาลชั้นต้นจะได้มีคำสั่งให้รวมการพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกันกับคดีของโจทก์คดีอื่นและศาลออกคำบังคับในวันเดียวกันก็ตามแต่เมื่อโจทก์คดีอื่นมิได้ยื่นคำร้องขอเฉลี่ยหนี้ตามมาตรา 290 โจทก์คดีอื่นจึงไม่มีสิทธิที่จะได้รับส่วนเฉลี่ยจากเงินนั้นแต่อย่างใดดังนั้น การที่ศาลชั้นต้นสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทำบัญชีส่วนเฉลี่ยของเจ้าหนี้อื่นตามมาตรา 319 จึงเป็นการไม่ชอบ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3007/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสำคัญของข้อเท็จจริงเท็จในการเบิกความต่อศาล: ปัญหาการพิสูจน์การซื้อขายก่อนยึดทรัพย์
จำเลยเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการห้างหุ้นส่วน เบิกความในคดีที่ห้างหุ้นส่วนดังกล่าวร้องขัดทรัพย์ว่า ในวันที่เจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดรถยนต์ จำเลยไม่อยู่โดยไปกรุงเทพมหานคร พี่น้องของจำเลยบอกจำเลยว่าได้นำเจ้าหน้าที่ศาลไปค้นหลักฐานการโอนทะเบียนรถแต่ไม่พบ แต่ในคดีร้องขัดทรัพย์นั้นมีประเด็นว่าผู้ร้องซื้อรถยนต์คันพิพาทจากจำเลยในคดีนั้นก่อนมีการยึดทรัพย์หรือไม่ ข้อความที่จำเลยเบิกความต่อศาล แม้จะเป็นเท็จก็ไม่เป็นข้อสำคัญในคดีการกระทำของจำเลยจึงไม่มีความผิดฐานเบิกความเท็จจริงตามป.อ. มาตรา 177.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2930/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อยังไม่จดทะเบียน โอนกรรมสิทธิ์ไม่ได้ เจ้าหนี้มีสิทธิยึดทรัพย์ได้
แม้ผู้ร้องทำสัญญาเช่าซื้อที่ดินพิพาทจาก ส. และชำระค่าเช่าซื้อครบถ้วนแล้วก่อนที่ ส. จะนำที่ดินดังกล่าวมาวางศาลเป็นประกันการชำระหนี้ของจำเลยเพื่อขอทุเลาการบังคับคดี แต่สิทธิของผู้ร้องก็เป็นเพียงบุคคลสิทธิซึ่งหาก ส. ผิดสัญญาเช่าซื้อก็เป็นกรณีที่ผู้ร้องต้องว่ากล่าวบังคับเอากับ ส.เมื่อ ส. ยังมิได้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ ที่ดินพิพาทจึงยังไม่ตกไปเป็นของผู้ร้องโดยสมบูรณ์ตามกฎหมาย ส. ยังคงเป็นเจ้าของที่ดินอยู่ โจทก์ชนะคดีแล้วยึดที่ดินพิพาทออกขายทอดตลาดชำระหนี้แก่โจทก์ได้ ผู้ร้องไม่มีสิทธิร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2525/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้าม – การยึดทรัพย์ขัดคำสั่งศาล – อำนาจแก้ไขคำสั่ง – การบังคับคดี
ฎีกาที่มิได้โต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แต่ประการใดเป็นฎีกาที่ไม่ชัดแจ้ง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งคำร้องของจำเลยที่ขอให้ถอนการยึดทรัพย์โดยวินิจฉัยว่าการยึดทรัพย์จำเลยกระทำ ก่อนเจ้าพนักงานบังคับคดีทราบคำสั่งศาลที่ให้งดการบังคับคดีไว้ระหว่างรอคำสั่งศาลอุทธรณ์ เป็นการยึดทรัพย์ที่ชอบด้วยกฎหมายไม่อาจเพิกถอนการยึดทรัพย์ได้ ไม่ใช่คำสั่งระหว่างพิจารณาแต่เป็นคำสั่งโดยทั่วไป ซึ่งคู่ความมีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาได้เพราะไม่มีบทกฎหมายจำกัดห้ามไว้
ในวันที่ศาลชั้นต้นแจ้งให้ศาลซึ่งได้รับมอบหมายให้บังคับคดีแทนให้สั่งเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์จำเลยตามคำแถลงของผู้แทนโจทก์ จำเลยก็ได้ยื่นคำร้องขอให้งดหรือยกเลิกการออกหมายบังคับคดีเพราะได้ยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีต่อศาลอุทธรณ์ไว้แล้ว และศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งในวันรุ่งขึ้นว่าให้งดการบังคับคดีไว้ระหว่างรอคำสั่งศาลอุทธรณ์ เรื่องทุเลาการบังคับคดี คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้งดการบังคับคดีเป็นคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 292 (2) และมีความหมายเพียงว่าเมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีทราบคำสั่งดังกล่าวก็ให้งดการบังคับคดีตามคำสั่ง เมื่อศาลชั้นต้นแจ้งคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีกรมบังคับคดีงดการบังคับคดีแล้ว คำสั่งดังกล่าวย่อมเกิดผลแล้ว การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีของศาลซึ่งดำเนินการบังคับคดีแทนทำการยึดทรัพย์ในภายหลัง แม้จะอ้างว่าเพิ่งทราบคำสั่งให้งดการบังคับคดี ก็เป็นการยึดทรัพย์ที่ไม่ได้ปฏิบัติตามคำสั่งให้งดการบังคับคดีของศาลชั้นต้น ศาลย่อมมีอำนาจยกเลิกเพิกถอนหรือแก้ไขให้ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27.
คำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งคำร้องของจำเลยที่ขอให้ถอนการยึดทรัพย์โดยวินิจฉัยว่าการยึดทรัพย์จำเลยกระทำ ก่อนเจ้าพนักงานบังคับคดีทราบคำสั่งศาลที่ให้งดการบังคับคดีไว้ระหว่างรอคำสั่งศาลอุทธรณ์ เป็นการยึดทรัพย์ที่ชอบด้วยกฎหมายไม่อาจเพิกถอนการยึดทรัพย์ได้ ไม่ใช่คำสั่งระหว่างพิจารณาแต่เป็นคำสั่งโดยทั่วไป ซึ่งคู่ความมีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาได้เพราะไม่มีบทกฎหมายจำกัดห้ามไว้
ในวันที่ศาลชั้นต้นแจ้งให้ศาลซึ่งได้รับมอบหมายให้บังคับคดีแทนให้สั่งเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์จำเลยตามคำแถลงของผู้แทนโจทก์ จำเลยก็ได้ยื่นคำร้องขอให้งดหรือยกเลิกการออกหมายบังคับคดีเพราะได้ยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีต่อศาลอุทธรณ์ไว้แล้ว และศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งในวันรุ่งขึ้นว่าให้งดการบังคับคดีไว้ระหว่างรอคำสั่งศาลอุทธรณ์ เรื่องทุเลาการบังคับคดี คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้งดการบังคับคดีเป็นคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 292 (2) และมีความหมายเพียงว่าเมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีทราบคำสั่งดังกล่าวก็ให้งดการบังคับคดีตามคำสั่ง เมื่อศาลชั้นต้นแจ้งคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีกรมบังคับคดีงดการบังคับคดีแล้ว คำสั่งดังกล่าวย่อมเกิดผลแล้ว การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีของศาลซึ่งดำเนินการบังคับคดีแทนทำการยึดทรัพย์ในภายหลัง แม้จะอ้างว่าเพิ่งทราบคำสั่งให้งดการบังคับคดี ก็เป็นการยึดทรัพย์ที่ไม่ได้ปฏิบัติตามคำสั่งให้งดการบังคับคดีของศาลชั้นต้น ศาลย่อมมีอำนาจยกเลิกเพิกถอนหรือแก้ไขให้ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2525/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์ที่ขัดต่อคำสั่งศาล: อำนาจศาลในการแก้ไขและถอนการยึดทรัพย์ที่ไม่ถูกต้อง
ฎีกาที่มิได้โต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เป็นฎีกาที่ไม่ชัดแจ้งต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ว่า การยึดทรัพย์ของเจ้าพนักงานบังคับคดีชอบด้วยกฎหมาย ไม่อาจเพิกถอนการยึดทรัพย์รายพิพาทได้ ดังนี้ไม่ใช่คำสั่งระหว่างพิจารณา แต่เป็นคำสั่งโดยทั่วไปซึ่งคู่ความย่อมมีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาได้ เพราะไม่มีบทบัญญัติจำกัดห้ามไว้ คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้งดการบังคับคดีไว้ระหว่างรอคำสั่งศาลอุทธรณ์เรื่องทุเลาการบังคับคดีนั้น เป็นคำสั่งตาม ป.วิ.พ. มาตรา292(2) แม้บทกฎหมายมาตรานี้จะใช้คำว่าให้เจ้าพนักงานบังคับคดีงดการบังคับคดีเมื่อศาลได้ส่งคำสั่งนั้นไปให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทราบก็ตาม แต่ก็มีความหมายเพียงว่าเมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีทราบคำสั่งดังกล่าวก็ให้งดการบังคับคดีตามคำสั่ง หาได้มีความหมายว่าคำสั่งให้งดการบังคับคดีจะมีผลต่อเมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทราบคำสั่งแล้วเท่านั้นไม่ เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์จำเลยโดยฝ่าฝืนคำสั่งให้งดการบังคับคดี ศาลย่อมมีอำนาจยกเลิกเพิกถอนหรือแก้ไขให้ถูกต้องได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 27.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2525/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์หลังมีคำสั่งงดบังคับคดี: ศาลมีอำนาจแก้ไขให้ถูกต้อง แม้เจ้าพนักงานบังคับคดีอ้างว่าเพิ่งทราบคำสั่ง
ฎีกาที่มิได้โต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แต่ประการใดเป็นฎีกาที่ไม่ชัดแจ้ง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งคำร้องของจำเลยที่ขอให้ถอนการยึดทรัพย์โดยวินิจฉัยว่าการยึดทรัพย์จำเลยกระทำก่อนเจ้าพนักงานบังคับคดีทราบคำสั่งศาลที่ให้งดการบังคับคดีไว้ระหว่างรอคำสั่งศาลอุทธรณ์ เป็นการยึดทรัพย์ที่ชอบด้วยกฎหมายไม่อาจเพิกถอนการยึดทรัพย์ได้ ไม่ใช่คำสั่งระหว่างพิจารณาแต่เป็นคำสั่งโดยทั่วไป ซึ่งคู่ความมีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาได้เพราะไม่มีบทกฎหมายจำกัดห้ามไว้
ในวันที่ศาลชั้นต้นแจ้งให้ศาลซึ่งได้รับมอบหมายให้บังคับคดีแทนให้สั่งเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์จำเลยตามคำแถลงของผู้แทนโจทก์ จำเลยก็ได้ยื่นคำร้องขอให้งดหรือยกเลิกการออกหมายบังคับคดีเพราะได้ยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีต่อศาลอุทธรณ์ไว้แล้ว และศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งในวันรุ่งขึ้นว่าให้งดการบังคับคดีไว้ระหว่างรอคำสั่งศาลอุทธรณ์ เรื่องทุเลาการบังคับคดี คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้งดการบังคับคดีเป็นคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 292(2) และมีความหมายเพียงว่าเมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีทราบคำสั่งดังกล่าวก็ให้งดการบังคับคดีตามคำสั่ง เมื่อศาลชั้นต้นแจ้งคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีกรมบังคับคดีงดการบังคับคดีแล้ว คำสั่งดังกล่าวย่อมเกิดผลแล้ว การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีของศาลซึ่งดำเนินการบังคับคดีแทนทำการยึดทรัพย์ในภายหลัง แม้จะอ้างว่าเพิ่งทราบคำสั่งให้งดการบังคับคดี ก็เป็นการยึดทรัพย์ที่ไม่ได้ปฏิบัติตามคำสั่งให้งดการบังคับคดีของศาลชั้นต้น ศาลย่อมมีอำนาจยกเลิกเพิกถอนหรือแก้ไขให้ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27.
คำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งคำร้องของจำเลยที่ขอให้ถอนการยึดทรัพย์โดยวินิจฉัยว่าการยึดทรัพย์จำเลยกระทำก่อนเจ้าพนักงานบังคับคดีทราบคำสั่งศาลที่ให้งดการบังคับคดีไว้ระหว่างรอคำสั่งศาลอุทธรณ์ เป็นการยึดทรัพย์ที่ชอบด้วยกฎหมายไม่อาจเพิกถอนการยึดทรัพย์ได้ ไม่ใช่คำสั่งระหว่างพิจารณาแต่เป็นคำสั่งโดยทั่วไป ซึ่งคู่ความมีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาได้เพราะไม่มีบทกฎหมายจำกัดห้ามไว้
ในวันที่ศาลชั้นต้นแจ้งให้ศาลซึ่งได้รับมอบหมายให้บังคับคดีแทนให้สั่งเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์จำเลยตามคำแถลงของผู้แทนโจทก์ จำเลยก็ได้ยื่นคำร้องขอให้งดหรือยกเลิกการออกหมายบังคับคดีเพราะได้ยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีต่อศาลอุทธรณ์ไว้แล้ว และศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งในวันรุ่งขึ้นว่าให้งดการบังคับคดีไว้ระหว่างรอคำสั่งศาลอุทธรณ์ เรื่องทุเลาการบังคับคดี คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้งดการบังคับคดีเป็นคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 292(2) และมีความหมายเพียงว่าเมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีทราบคำสั่งดังกล่าวก็ให้งดการบังคับคดีตามคำสั่ง เมื่อศาลชั้นต้นแจ้งคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีกรมบังคับคดีงดการบังคับคดีแล้ว คำสั่งดังกล่าวย่อมเกิดผลแล้ว การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีของศาลซึ่งดำเนินการบังคับคดีแทนทำการยึดทรัพย์ในภายหลัง แม้จะอ้างว่าเพิ่งทราบคำสั่งให้งดการบังคับคดี ก็เป็นการยึดทรัพย์ที่ไม่ได้ปฏิบัติตามคำสั่งให้งดการบังคับคดีของศาลชั้นต้น ศาลย่อมมีอำนาจยกเลิกเพิกถอนหรือแก้ไขให้ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2380/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าธรรมเนียมบังคับคดี: การอายัดเงินและการยึดทรัพย์ที่ไม่มีการขาย ความรับผิดชอบค่าธรรมเนียม
เจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดเงินของจำเลยจากคดีอื่น การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจ่ายเงินที่อายัดดังกล่าวแก่โจทก์ เป็นการจ่ายเงินที่อายัดตามความหมายของตาราง 5 ข้อ 2 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง จึงต้องคิดค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีในอัตราร้อยละ 3 ครึ่งของจำนวนเงินที่จ่าย
จำเลยผิดนัดชำระเงินตามสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งศาลพิพากษาตามยอมแล้ว โจทก์จึงนำยึดที่ดินของจำเลยเพื่อขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ แต่จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลงดการขายทอดตลาด และโจทก์แถลงของดการขายทอดตลาดด้วย ต่อมาโจทก์ขออายัดเงินในคดีอื่นซึ่งจำเลยมีสิทธิได้รับศาลส่งเงินมาให้ตามที่โจทก์อายัดและโจทก์ได้รับชำระหนี้คดีนี้ครบถ้วน จึงถอนการยึดที่ดินเช่นนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161 การที่จะให้คู่ความฝ่ายใดเสียค่าธรรมเนียมการยึดที่ดินแล้วไม่มีการขายเป็นดุลพินิจของศาลว่า สมควรให้คู่ความฝ่ายใดเป็นฝ่ายเสียเป็นจำนวนทั้งหมดหรือบางส่วน ดังนี้ เมื่อโจทก์ต้องนำยึดที่ดินโดยถือได้ว่าเป็นความผิดของจำเลย จำเลยจึงต้องรับผิดในค่าธรรมเนียมการยึดแล้วไม่มีการขาย.
จำเลยผิดนัดชำระเงินตามสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งศาลพิพากษาตามยอมแล้ว โจทก์จึงนำยึดที่ดินของจำเลยเพื่อขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ แต่จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลงดการขายทอดตลาด และโจทก์แถลงของดการขายทอดตลาดด้วย ต่อมาโจทก์ขออายัดเงินในคดีอื่นซึ่งจำเลยมีสิทธิได้รับศาลส่งเงินมาให้ตามที่โจทก์อายัดและโจทก์ได้รับชำระหนี้คดีนี้ครบถ้วน จึงถอนการยึดที่ดินเช่นนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161 การที่จะให้คู่ความฝ่ายใดเสียค่าธรรมเนียมการยึดที่ดินแล้วไม่มีการขายเป็นดุลพินิจของศาลว่า สมควรให้คู่ความฝ่ายใดเป็นฝ่ายเสียเป็นจำนวนทั้งหมดหรือบางส่วน ดังนี้ เมื่อโจทก์ต้องนำยึดที่ดินโดยถือได้ว่าเป็นความผิดของจำเลย จำเลยจึงต้องรับผิดในค่าธรรมเนียมการยึดแล้วไม่มีการขาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2380/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าธรรมเนียมบังคับคดี: การอายัดเงินและการยึดทรัพย์ที่ไม่มีการขาย ความรับผิดของจำเลยที่ผิดนัดชำระหนี้
เจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดเงินของจำเลยจากคดีอื่น การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจ่ายเงินที่อายัดดังกล่าวแก่โจทก์ เป็นการจ่ายเงินที่อายัดตามความหมายของตาราง 5 ข้อ 2 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง จึงต้องคิดค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีในอัตราร้อยละ 3 ครึ่งของจำนวนเงินที่จ่าย
จำเลยผิดนัดชำระเงินตามสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งศาลพิพากษาตามยอมแล้ว โจทก์จึงนำยึดที่ดินของจำเลยเพื่อขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ แต่จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลงดการขายทอดตลาด และโจทก์แถลงของดการขายทอดตลาดด้วย ต่อมาโจทก์ขออายัดเงินในคดีอื่นซึ่งจำเลยมีสิทธิได้รับศาลส่งเงินมาให้ตามที่โจทก์อายัดและโจทก์ได้รับชำระหนี้คดีนี้ครบถ้วน จึงถอนการยึดที่ดินเช่นนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161 การที่จะให้คู่ความฝ่ายใดเสียค่าธรรมเนียมการยึดที่ดินแล้วไม่มีการขายเป็นดุลพินิจของศาลว่า สมควรให้คู่ความฝ่ายใดเป็นฝ่ายเสียเป็นจำนวนทั้งหมดหรือบางส่วน ดังนี้ เมื่อโจทก์ต้องนำยึดที่ดินโดยถือได้ว่าเป็นความผิดของจำเลย จำเลยจึงต้องรับผิดในค่าธรรมเนียมการยึดแล้วไม่มีการขาย.
จำเลยผิดนัดชำระเงินตามสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งศาลพิพากษาตามยอมแล้ว โจทก์จึงนำยึดที่ดินของจำเลยเพื่อขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ แต่จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลงดการขายทอดตลาด และโจทก์แถลงของดการขายทอดตลาดด้วย ต่อมาโจทก์ขออายัดเงินในคดีอื่นซึ่งจำเลยมีสิทธิได้รับศาลส่งเงินมาให้ตามที่โจทก์อายัดและโจทก์ได้รับชำระหนี้คดีนี้ครบถ้วน จึงถอนการยึดที่ดินเช่นนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161 การที่จะให้คู่ความฝ่ายใดเสียค่าธรรมเนียมการยึดที่ดินแล้วไม่มีการขายเป็นดุลพินิจของศาลว่า สมควรให้คู่ความฝ่ายใดเป็นฝ่ายเสียเป็นจำนวนทั้งหมดหรือบางส่วน ดังนี้ เมื่อโจทก์ต้องนำยึดที่ดินโดยถือได้ว่าเป็นความผิดของจำเลย จำเลยจึงต้องรับผิดในค่าธรรมเนียมการยึดแล้วไม่มีการขาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 176/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไต่สวนคำร้องคัดค้านการยึดทรัพย์: ศาลสอบคู่ความถือเป็นการไต่สวนแล้ว และมีอำนาจตีราคาทรัพย์ตามเจ้าพนักงานบังคับคดีได้
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอต่อศาลให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดไว้ ศาลสอบคู่ความเกี่ยวกับราคาทรัพย์ที่พิพาทแล้วตีราคาตามที่เจ้าพนักงานบังคับคดีประเมิน และสั่งให้ผู้ร้องชำระค่าขึ้นศาลเพิ่มภายใน 15 วัน ดังนี้การที่ศาลสอบคู่ความและจดไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างหนึ่งที่ศาลมีอำนาจกระทำได้และถือว่าเป็นการไต่สวนแล้ว หากให้คู่ความนำพยานเข้าสืบไต่สวนก็จะไม่ได้ข้อเท็จจริงแตกต่างนอกเหนือจากการสอบคู่ความและไม่อาจทำให้ประเด็นที่จะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงไป ศาลย่อมมีอำนาจนำข้อเท็จจริงที่ได้จากการสอบคู่ความมารับฟังประกอบการใช้ดุลพินิจทำคำสั่งตามที่เห็นควรได้ เมื่อผู้ร้องไม่เสียค่าขึ้นศาลเพิ่มภายในเวลาที่ศาลกำหนดจึงเป็นการทิ้งฟ้อง.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)