คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ลดโทษ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 919 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 47/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์อายุผู้เสียหายเป็นสำคัญในความผิดเกี่ยวกับเด็ก หากโจทก์ไม่นำสืบหลักฐานยืนยันอายุ ศาลต้องลดโทษ
ความผิดตาม ป.อ. มาตรา 282 วรรคสอง และความผิดฐานพรากผู้เยาว์ตามมาตรา 319 นั้น อายุของผู้เสียหายมีความสำคัญเพราะเป็นองค์ประกอบความผิด โจทก์มีหน้าที่ต้องนำสืบให้ได้ความว่า ผู้เสียหายมีอายุไม่เกิน 18 ปี ศาลจึงจะพิพากษาลงโทษจำเลยได้ แต่การนำสืบของโจทก์คงมีแต่เพียงผู้เสียหายเบิกความว่า เกิดวันที่เท่าไร เดือนใดปีใด โจทก์ไม่ได้นำสืบหลักฐานที่น่าเชื่อถือ เช่น ใบสูติบัตรทะเบียนบ้านหรือบัตรประจำตัวประชาชนให้เห็นว่าผู้เสียหายมีวันเดือน ปีเกิดตามที่กล่าวอ้าง ทั้งปรากฎว่า ขณะเกิดเหตุผู้เสียหายมีสามีและได้เลิกกับสามีแล้ว ประกอบกับจำเลยนำสืบว่าผู้เสียหายมีอายุประมาณ 20 ปี เป็นการโต้แย้งว่าผู้เสียหายไม่ใช่มีอายุ 17 ปีตามที่กล่าวอ้าง กรณีจึงลงโทษจำเลยตามมาตรา 282 วรรคสอง ไม่ได้จำเลยคงมีความผิดตามมาตรา 282 วรรคหนึ่งและจำเลยไม่มีความผิดฐานพรากผู้เยาว์อายุไม่เกิน 18 ปี ตามมาตรา 319.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3524/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การก่อสร้างผิดแบบและไม่ต่อใบอนุญาตเป็นความผิดหลายกรรม การลดโทษต้องมีเหตุเฉพาะตัว
จำเลยปลูกสร้างอาคารผิดไปจากแบบแปลนที่ได้รับอนุญาตตั้งแต่ใบอนุญาตยังไม่หมดอายุ เป็นการกระทำความผิดสำเร็จแล้วกรรมหนึ่ง เมื่อใบอนุญาตหมดอายุแล้วจำเลยไม่ต่อใบอนุญาตก่อสร้างแต่ยังคงก่อสร้างต่อไปอีกย่อมเป็นการก่อสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 มาตรา 21,65,69 และ 71 อีกกรรมหนึ่ง เหตุบรรเทาโทษเป็นเหตุเฉพาะตัว ศาลอุทธรณ์ลดโทษให้จำเลยที่ไม่มีเหตุบรรเทาโทษย่อมไม่ถูกต้อง แต่โจทก์มิได้ฎีกา ศาลฎีกาไม่อาจแก้ไขได้ เพราะเป็นการพิพากษาเกินคำขอ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3442/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายด้วยอาวุธอันตราย: การพิจารณาบันดาลโทสะและเหตุบรรเทาโทษ
ผู้เสียหายได้ชี้หน้าด่าจำเลยว่า "ไอ้สัตว์ไอ้หน้าหัวควยมึงมาเดินบนถนนกูทำไม กูบอกหลายครั้งแล้ว" ทั้งภรรยาผู้เสียหายก็ด่าจำเลยว่า "หน้ามึงหน้าด้าน หน้าเหมือนส้นตีน" คำด่าว่าของผู้เสียหายและภรรยาดังกล่าวนี้เป็นคำหยาบคายเท่านั้น ไม่เป็นการข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุไม่เป็นธรรม จำเลยโกรธแค้นจึงทำร้ายผู้เสียหายไม่ใช่การบันดาลโทสะ ตาม ป.อ. มาตรา 72 จำเลยใช้จอบซึ่งมีใบจอบยาว 8 นิ้ว กว้างฝ่ามือเศษ ด้ามยาว1 เมตรเศษ ซึ่งเป็นอาวุธอันตรายฟันผู้เสียหายอย่างแรง จนเป็นเหตุให้แขนซ้ายหักเป็นอันตรายแก่กายสาหัส ไม่มีเหตุที่ควรรอการลงโทษ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3321/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลดโทษจำคุกสำหรับผู้กระทำผิดอายุ 17 ปี และการลดโทษเพิ่มเติมเนื่องจากรับสารภาพ
ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยอายุ 17 ปี ลดมาตราส่วนโทษกึ่งหนึ่งตาม ป.อ. มาตรา 75 ฐานมีอาวุธปืนฯ ให้จำคุก 6 เดือนฐานพาอาวุธปืนฯ จำคุก 4 เดือน รวม 10 เดือน นั้น แสดงว่าโทษจำคุก 6 เดือน และ จำคุก 4 เดือน ดังกล่าวข้างต้นเป็นโทษที่ศาลชั้นต้นกำหนดโดยได้ลดมาตราส่วนโทษให้แก่จำเลยกึ่งหนึ่งแล้วมิใช่เป็นโทษที่ศาลชั้นต้นกำหนดก่อนลดมาตราส่วนโทษ ดังนั้นเมื่อลดโทษให้อีกกึ่งหนึ่ง เพราะว่ากรณีมีเหตุบรรเทาโทษเนื่องจากจำเลยรับสารภาพแล้ว ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย 5 เดือนจึงเป็นการชอบ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 321/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดพยายามฆ่า บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ของผู้ป่วยจิตเวช: ศาลพิจารณาความสามารถในการรับผิดชอบและลดโทษ
จำเลยป่วยเป็นโรคจิตได้บุกรุกเข้าไปในบ้านผู้เสียหายและใช้อาวุธปืนยิงพยายามฆ่าผู้เสียหาย จากนั้นจำเลยวิ่งหลบหนีการจับกุมของเจ้าพนักงานตำรวจเข้าไปในบ้านร้างแล้วจำเลยแกล้งยิงปืน 1 นัดและใช้เท้ากระทืบพื้น เป็นการลวงว่าจำเลยฆ่าตัวตายเพื่อให้พวกเจ้าพนักงานตำรวจขึ้นไปบนบ้าน จำเลยจะได้ยิงบุคคลเหล่านั้น แต่เมื่อผู้กำกับการตำรวจมาถึงจำเลยก็ยินยอมมอบตัวโดยดี ตามพฤติการณ์ดังกล่าวจำเลยยังสามารถรู้ผิดชอบและยังสามารถบังคับตนเองได้ศาลจะลงโทษจำเลยน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นก็ได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 65 วรรคสอง สำหรับปัญหาว่า การที่จำเลยถืออาวุธปืนบังคับให้ผู้เสียหายเปิดประตูบ้านแล้วเข้าไปในบ้านกับผู้เสียหาย จำเลยไม่ได้ยิงผู้เสียหายทันที แต่เพิ่งยิงผู้เสียหายเมื่อผู้เสียหายไม่ยอมเข้าไปในห้องนอนกับจำเลยตามที่จำเลยต้องการ และกระสุนปืนถูกกระจกหน้าต่างและโต๊ะของผู้เสียหายด้วย จะเป็นความผิดกรรมเดียวหรือหลายกรรมนั้น เห็นว่าเจตนาของจำเลยที่บุกรุกเข้าไปในเคหสถานของผู้เสียหายนั้น จำเลยมิได้มีเจตนาแต่แรกที่จะเข้าไปยิงผู้เสียหายจึงเป็นความผิดสองกรรม แต่การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงพยายามฆ่าผู้เสียหาย และกระสุนปืนยังไปถูกกระจกหน้าต่างและโต๊ะของผู้เสียหายอันเป็นการทำให้เสียทรัพย์ด้วยนั้น จำเลยมีเจตนายิงผู้เสียหายเป็นสำคัญ การกระทำของจำเลยฐานพยายามฆ่าและทำให้เสียทรัพย์นั้นเป็นกรรมเดียวกันเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 29/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฆ่าโดยเจตนาเพื่อชิงทรัพย์: ลดโทษจากความสำนึกผิดและสภาพครอบครัว
เหตุที่เกิดขึ้นสืบเนื่องมาจากการที่ผู้ตายซึ่งเป็นนายจ้างของจำเลยทั้งสองดุด่า จำเลยที่ 2 ด้วยถ้อยคำรุนแรงสร้างความเจ็บแค้นแก่จำเลยที่ 2 และจำเลยทั้งสองประสงค์ต่อทรัพย์จึงกระทำผิดขึ้นจำเลยที่ 1 พึ่งอายุได้ 18 ปี ในขณะเกิดเหตุ จำเลยทั้งสองได้รับความกระทบกระเทือนกับปัญหาในครอบครัว บิดามารดาจำเลยที่ 1หย่าร้าง จำเลยที่ 1 อยู่กับมารดาซึ่งมีสามีใหม่และมีบุตรเกิดกับสามีใหม่ ส่วนมารดาจำเลยที่ 2 ถึงแก่ความตายตั้งแต่จำเลยที่ 2ยังเป็นเด็กบิดามีภริยาใหม่แล้วมีบุตรกับภริยาใหม่ ชั้นจับกุมจำเลยทั้งสองยอมให้จับกุมแต่โดยดีและรับสารภาพโดยตลอดตั้งแต่ชั้นจับกุม ชั้นสอบสวนจนถึงชั้นศาลทั้ง ๆ ที่ไม่มีพยานเห็นเหตุการณ์ในขณะเกิดเหตุ จึงเป็นการลุแก่โทษต่อเจ้าพนักงานและให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1651/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำรับสารภาพเป็นประโยชน์ ลดโทษคดีฆ่าชิงทรัพย์ แม้พยานหลักฐานทางกายภาพมีจำกัด
โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็นว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันฆ่าผู้ตายทั้งสองและชิงทรัพย์ของผู้ตายไป คงมีแต่พยานแวดล้อมกรณีหลังเกิดเหตุเช่น พบทรัพย์สินของผู้ตายบางส่วนในห้องพักของจำเลย พบคราบโลหิตติดอยู่ที่ร่องอก ท่อนแขนขวาของจำเลยที่ 1 และคราบโลหิตติดอยู่ที่เสื้อผ้าของจำเลยทั้งสองแต่จำเลยทั้งสองได้ให้การรับสารภาพในชั้นศาลทำให้ศาลแน่ใจว่า จำเลยทั้งสองกระทำความผิดโดยไม่มีข้อสงสัย ดังนี้ คำรับสารภาพของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ สมควรลดโทษให้จำเลย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1583/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายโดยเจตนาเล็กน้อย ศาลลดโทษจากความผิดฐานทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส
ป. พวกของจำเลยไม่พอใจผู้เสียหายเพราะ ป. ขับขี่รถจักรยานยนต์เฉี่ยวผู้เสียหาย ผู้เสียหายยกศอกขึ้นกันถูกศีรษะป. สาเหตุดังกล่าวเป็นเหตุเพียงเล็กน้อยไม่ทำให้ ป. กับพวกโกรธแค้นถึงกับจะต้องฆ่าผู้เสียหาย เมื่อ ป. กับพวกและจำเลยพบกับผู้เสียหาย ป. ได้พูดจาโต้เถียงแล้วพวกของ ป. ชกผู้เสียหายห. ใช้มีดปลายแหลมแทงผู้เสียหาย จำเลยกับพวกที่เหลือเข้ามารุมต่อยแสดงว่าพวก ป. มีความโกรธเกิดขึ้นในปัจจุบันทันที ทั้งไม่ปรากฏว่าได้สมคบกันมาก่อนต่างคนต่างมีเจตนาทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย ดังนั้น แต่ละคนจึงมีความผิดตามผลที่เกิดขึ้นจากการกระทำของแต่ละคน เมื่อจำเลยเพียงแต่ชกต่อยผู้เสียหายแต่ผู้เสียหายไม่มีแผลฟกช้ำซึ่งแสดงว่าถูกต่อย จำเลยจึงมีความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ตามป.อ. มาตรา 391 แม้โจทก์จะไม่ได้ขอให้ลงโทษตาม ป.อ. มาตรา 391 แต่ศาลก็มีอำนาจลงโทษได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคท้าย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1548/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิผู้ครอบครองทรัพย์สินในการเป็นผู้เสียหาย, พยานหลักฐานนอกสำนวนสอบสวน, การลดโทษตามเหตุผล
โจทก์ร่วมเช่าซื้อรถยนต์คันที่ถูกจำเลยลักไปมาจากผู้อื่นแม้ว่าขณะเกิดเหตุกรรมสิทธิ์ในรถยนต์ยังไม่โอนมาเป็นของโจทก์ร่วมก็ตาม แต่โจทก์ร่วมเป็นผู้ครอบครองรถยนต์คันดังกล่าว เมื่อถูกจำเลยแบ่งการครอบครอง โจทก์ร่วมย่อมเป็นผู้เสียหายมีอำนาจร้องทุกข์และเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการโจทก์ได้ ไม่มีกฎหมายบังคับว่าเอกสารที่จะอ้างหรือนำสืบในคดีอาญาจะต้องเป็นเอกสารที่ได้มีการสอบสวนและอยู่ในสำนวนการสอบสวนเท่านั้น ดังนั้น ศาลอุทธรณ์จึงชอบที่จะรับฟังบันทึกคำรับสารภาพแผนที่บ้านจำเลย และภาพถ่ายประกอบพยานหลักฐานอื่นเพื่อลงโทษจำเลยได้ แม้ว่าเอกสารดังกล่าวจะมิใช่เอกสารที่อยู่ในสำนวนการสอบสวนของพนักงานสอบสวนก็ตาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1423/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีปล้นทรัพย์โดยเด็กวัยรุ่น ศาลฎีกาแก้ไขโทษ ลดมาตราส่วนโทษให้เหมาะสมกับพฤติการณ์
จำเลยที่ 5 มีอายุเกินกว่าสิบหกปีบริบูรณ์ แม้ในท้องที่ของศาลชั้นต้นจะมีศาลคดีเด็กและเยาวชนเปิดดำเนินการแล้วก็ตามแต่เมื่อความผิดตาม ป.อ. มาตรา 340 เป็นความผิดที่ไม่อยู่ในอำนาจของศาลคดีเด็กและเยาวชน ตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ. 2494 มาตรา 8(1) ศาลชั้นต้นจึงมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีได้ จำเลยที่ 5 ยืนยังไม่ให้คนอื่นเห็นการชิงทรัพย์ของจำเลยที่ 1ถึงที่ 3 จึงเป็นการร่วมกระทำความผิดโดยแบ่งหน้าที่กันทำ จำเลยที่ 5 เป็นตัวการร่วมในความผิดฐานปล้นทรัพย์ จำเลยทั้งห้ากระทำความผิดในขณะแต่ละคนอายุไม่เกิน 20 ปีโดยมิได้ใช้กำลังประทุษร้ายมิได้ใช้อาวุธหรือพูดว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย เพียงแต่ใช้กิริยาท่าทีในการขู่บังคับ พฤติการณ์แห่งความผิดไม่ร้ายแรงนัก เป็นการกระทำของเด็กวัยคะนอง สมควรลงโทษสถานเบาและลดมาตราส่วนโทษให้ด้วย ปัญหาการกำหนดโทษและการไม่ลดมาตราส่วนโทษให้จำเลยทั้งห้า สำหรับความผิดในลักษณะนี้เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนและเป็นเหตุในลักษณะคดี ย่อมมีผลถึงจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ที่มิได้ฎีกาด้วยตาม ป.วิ.อ. มาตรา 213 ประกอบมาตรา 225.
of 92