พบผลลัพธ์ทั้งหมด 386 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1609-1610/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละสิทธิริบมัดจำหลังบอกเลิกสัญญา ถือเป็นการผ่อนผันตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ทำให้โจทก์ริบมัดจำไม่ได้
โจทก์จ้างจำเลยร่วมขนดินซึ่งถ้าผิดสัญญาโจทก์มีสิทธิเลิกสัญญา และริบมัดจำได้ จำเลยเป็นผู้ค้ำประกันการชำระมัดจำของจำเลยร่วม ต่อมาโจทก์บอกเลิกสัญญากับจำเลยร่วม แต่หลังจากนั้นโจทก์มีหนังสือขอให้จำเลยร่วมเกลี่ยดินที่กองไว้ให้ได้ระดับที่กำหนดให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด โดยจะพิจารณาจ่ายเงินที่ค้างให้จำเลยร่วมต่อไป และให้จำเลยร่วมจัดการต่ออายุสัญญาค้ำประกันเดิมไปจนกว่าจะเกลี่ยดินเสร็จ ดังนี้ แสดงว่าโจทก์กลับมีนิติสัมพันธ์กับจำเลยร่วมอีกโดยยอมพิจารณาจ่ายเงินที่ค้างแก่จำเลยร่วมและยอมผ่อนผันไม่ริบมัดจำ ฉะนั้น บันทึกของจำเลยร่วมกับเจ้าหน้าที่ของโจทก์ตามคำขอของโจทก์ที่ว่าจำเลยร่วมจะเกลี่ยดินให้แล้วเสร็จอย่างช้าไม่เกิน 25 วัน ถ้าทำไม่เสร็จตามกำหนด โจทก์จึงจะริบเงินมัดจำ จึงแสดงว่าโจทก์สละสิทธิริบมัดจำตามสัญญาเดิม เป็นการผ่อนผันให้แก่กันตามลักษณะสัญญาประนีประนอมยอมความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1609-1610/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละสิทธิริบมัดจำหลังบอกเลิกสัญญา ถือเป็นการประนีประนอมยอมความ ทำให้โจทก์ไม่สามารถริบมัดจำได้
โจทก์จ้างจำเลยร่วมขนดินซึ่งถ้าผิดสัญญาโจทก์มีสิทธิเลิกสัญญา และริบมัดจำได้จำเลยเป็นผู้ค้ำประกันการชำระมัดจำของจำเลยร่วม ต่อมาโจทก์บอกเลิกสัญญากับจำเลยร่วม แต่หลังจากนั้นโจทก์มีหนังสือขอให้จำเลยร่วมเกลี่ยดินที่กองไว้ให้ได้ระดับที่กำหนดให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุดโดยจะพิจารณาจ่ายเงินที่ค้างให้จำเลยร่วมต่อไป และให้จำเลยร่วมจัดการต่ออายุสัญญาค้ำประกันเดิมไปจนกว่าจะเกลี่ยดินเสร็จดังนี้ แสดงว่าโจทก์กลับมีนิติสัมพันธ์กับจำเลยร่วมอีก โดยยอมพิจารณาจ่ายเงินที่ค้างแก่จำเลยร่วมและยอมผ่อนผันไม่ริบมัดจำ ฉะนั้น บันทึกของจำเลยร่วมกับเจ้าหน้าที่ของโจทก์ตามคำขอของโจทก์ที่ว่าจำเลยร่วมจะเกลี่ยดินให้แล้วเสร็จอย่างช้าไม่เกิน 25 วัน ถ้าทำไม่เสร็จตามกำหนด โจทก์จะริบเงินมัดจำ จึงแสดงว่าโจทก์สละสิทธิริบมัดจำตามสัญญาเดิม เป็นการผ่อนผันให้แก่กันตามลักษณะสัญญาประนีประนอมยอมความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 992-993/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละสิทธิในที่ดินเพื่อชำระหนี้ และผลกระทบต่อคดีแพ่งอาญาที่เกี่ยวข้อง
ในคดีบุกรุกในทางอาญา ซึ่งมิได้พิพาทกันในเรื่องสิทธิในที่พิพาทโดยตรง และในที่สุดศาลเห็นว่าเป็นเรื่องเถียงสิทธิที่พิพาทในทางแพ่งขาดเจตนาบุกรุก ลงโทษไม่ได้ เช่นนี้ จึงนำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 46 มาใช้บังคับในคดีแพ่งซึ่งต่อมาได้มีการฟ้องร้องกันเกี่ยวกับสิทธิในที่พิพาทนั้น ย่อมไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 515/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดินหลังสละสิทธิโดยสัญญาประนีประนอม การเข้าแย่งการครอบครอง และอายุความ
จำเลยครอบครองที่พิพาทอยู่ ภายหลังได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความ ยอมสละสิทธิยกที่พิพาทให้แก่ผู้มีชื่อตามสัญญายอม และศาลได้ออกคำบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาตามยอมแล้ว จำเลยจึงมีหน้าที่จะต้องมอบและโอนสิทธิครอบครองที่พิพาทให้แก่ผู้มีชื่อนั้น ถึงแม้จำเลยจะยังครอบครองที่พิพาทตลอดมาเป็นเวลาเกิน 1 ปี ก็มิใช่เป็นการเข้าแย่งการครอบครองโดยมิชอบด้วยกฎหมาย อันจะทำให้คดีโจทก์ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 515/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดินหลังสละสิทธิโดยสัญญาประนีประนอม อายุความครอบครองไม่เริ่มนับ
จำเลยครอบครองที่พิพาทอยู่ ภายหลังได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความยอมสละสิทธิยกที่พิพาทให้แก่ผู้มีชื่อตามสัญญายอมและศาลได้ออกคำบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาตามยอมแล้วจำเลยจึงมีหน้าที่จะต้องมอบและโอนสิทธิครอบครองที่พิพาทให้แก่ผู้มีชื่อนั้นถึงแม้จำเลยจะยังครอบครองที่พิพาทตลอดมาเป็นเวลาเกิน 1 ปีก็มิใช่เป็นการเข้าแย่งการครอบครองโดยมิชอบด้วยกฎหมายอันจะทำให้คดีโจทก์ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1375
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 272/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งครอบครอง ส.ค.1 ไม่ถือเป็นการสละสิทธิครอบครอง ต้องพิสูจน์เจตนาสละสิทธิ
การแจ้งการครอบครองตามแบบ ส.ค.1 เป็นเพียงหลักฐานแสดงว่าผู้แจ้งได้อ้างว่าผู้แจ้งเป็นเจ้าของครอบครองที่นั้นเท่านั้น จะฟังเลยไปว่าได้มีการสละสิทธิครอบครองที่นั้นให้ผู้แจ้งยังไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 272/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้ง ส.ค.1 ไม่ถือเป็นการสละสิทธิครอบครอง ต้องพิสูจน์การสละสิทธิโดยชัดแจ้ง
การแจ้งการครอบครองตามแบบ ส.ค.1 เป็นเพียงหลักฐานแสดงว่าผู้แจ้งได้อ้างว่าผู้แจ้งเป็นเจ้าของครอบครองที่นั้นเท่านั้นจะฟังเลยไปว่าได้มีการสละสิทธิครอบครองที่นั้นให้ผู้แจ้งยังไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 916/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความมีผลผูกพันตามกฎหมาย แม้ไม่ได้ระบุสละสิทธิชัดเจน การยอมรับเขตที่ดินตามการไกล่เกลี่ยถือเป็นการสละสิทธิ
เดิมอัยการฟ้องคดีอาญาหาว่าจำเลยกับพวกบุกรุกที่ดินมีโฉนดของโจทก์และทำให้เสียทรัพย์ และในการบุกรุกนี้จำเลยได้ปักหลักขึงลวดหนามในเขตที่ดินของโจทก์ด้วย ในการพิจารณาคดีนั้นปรากฏตามรายงานกระบวนพิจารณาซึ่งจำเลยกับโจทก์ได้ลงชื่อไว้ความว่า ศาลได้ไกล่เกลี่ยให้โจทก์ จำเลยปรองดองกัน จำเลยยอมรับว่าเขตที่ดินของจำเลยมีอยู่ตามโฉนดเดิม จำเลยยอมรื้อรั้วและหลักที่ปักเข้าไปในโฉนดของโจทก์ออก ต่อมาโจทก์จึงถอนคำร้องทุกข์ในข้อหาทำให้เสียทรัพย์และแถลงว่า จำเลยเข้าใจผิดในเขตในข้อหาบุกรุก ศาลจึงพิพากษายกฟ้องข้อหาบุกรุกนี้ด้วยครั้นแล้วจำเลยก็ไม่รื้อหลักและรั้วนั้นออก โจทก์จึงฟ้องเป็นคดีแพ่งขอให้บังคับให้จำเลยรื้อไป จำเลยกลับมาอ้างอีกว่า ที่ที่จำเลยปักเสาทำรั้วเข้าไปนั้นจำเลยได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองแล้ว และว่า ในคดีอาญานั้นจำเลยไม่ได้แถลงสละสิทธิหรือกรรมสิทธิ์ ดังนี้ ย่อมฟังไม่ขึ้น เพราะข้อตกลงของโจทก์กับจำเลยในรายงานพิจารณาในคดีอาญาดังกล่าวนั้นมีผลเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850 และข้อความแห่งความตกลงนั้นแสดงชัดว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 416/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความมีผลผูกพันตามกฎหมาย แม้จะไม่ได้ระบุสละสิทธิโดยชัดแจ้ง
เดิมอัยการฟ้องคดีอาญาหาว่าจำเลยกับพวกบุกรุกที่ดินมีโฉนดของโจทก์และทำให้เสียทรัพย์ และในการบุกรุกนี้จำเลยได้ปักหลักขึงลวดหนามในเขตที่ดินของโจทก์ด้วย ในการพิจารณาคดีนั้นปรากฎตามรายงานกระบวนพิจารณาซึ่งจำเลยกับโจทก์ได้ลงชื่อไว้ ความว่า ศาลได้ไกล่เกลี่ย ให้โจทก์จำเลยปรองดองกัน จำเลยยอมรับว่าเขตที่ดินของจำเลยมีอยู่ตามโฉนดเดิม จำเลยยอมรื้อรั้วและหลักที่ปักเข้าไปในโฉนดของโจทก์ออก ต่อมาโจทก์จึงถอนคำร้องทุกข์ในข้อหาทำให้เสียทรัพย์และแถลงว่าจำเลยเข้าใจผิดในเขตในข้อหาบุกรุก ศาลจึงพิพากษายกฟ้องข้อหาบุกรุกนี้ด้วย ครั้นแล้วจำเลยก็ไม่รื้อหลักและรั้วนั้นออก โจทก์จึงฟ้องเป็นคดีแพ่งขอให้บังคับให้จำเลยรื้อไป จำเลยกลับมาอ้างอีกว่า ที่ที่จำเลยปักเสาทำรั้วเข้าไปนั้นจำเลยได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองแล้ว และว่าในคดีอาญานั้นจำเลยไม่ได้แถลงสละสิทธิหรือกรรมสิทธิ์ ดังนี้ ย่อมฟังไม่ขึ้น เพราะข้อตกลงของโจทก์กับจำเลยในายงานพิจารณาในคดีอาญาดังกล่าวนั้นมีผลเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850 และข้อความแห่งความตกลงนั้นแสดงชัดว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1098/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละเงื่อนเวลาชำระหนี้ และการฟ้องเรียกหนี้ก่อนถึงกำหนด
เจ้าหนี้ฟ้องเรียกเงินกู้ก่อนถึงกำหนดชำระ ลูกหนี้ปฏิเสธความรับผิด อ้างว่าชำระหนี้เงินกู้ตามสัญญาแล้ว ย่อมแสดงว่า ลูกหนี้ไม่ถือเอาประโยชน์แห่งเงื่อนเวลาในสัญญากู้นั้น เงื่อนเวลาจึงไม่เป็นข้อที่ลูกหนี้จะอ้างเป็นประโยชน์ได้ต่อไป