พบผลลัพธ์ทั้งหมด 391 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1104/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อสู้ว่าสัญญากู้ไม่สมบูรณ์จากข้อตกลงที่ไม่ชัดเจนและการกรอกข้อความเกินจริง
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้ จำเลยให้การว่าไม่ได้กู้ ความจริงโจทก์ให้เงินจำเลยไปหากำไรทางดอกเบี้ยซึ่งโจทก์ได้ให้จำเลยที่ 1 ลงชื่อในแบบพิมพ์สัญญากู้ ให้จำเลยที่ 2 ลงชื่อในช่องผู้ค้ำประกันด้านหลังโดยยังไม่ได้กรอกข้อความและวันเดือนปีหรือลงจำนวนเงินในสัญญากู้นั้นเลย โจทก์สมคบกับพยานและผู้เขียนกรอกข้อความและจำนวนเงินปลอมขึ้นดังนี้ การที่จำเลยสืบตามข้อต่อสู้นี้ไม่ถือว่าจำเลยนำสืบเจตนาเป็นอย่างอื่น แต่เป็นการนำสืบถึงมูลเหตุแห่งสัญญากู้และสัญญาค้ำประกันนั้นว่าไม่สมบูรณ์ จำเลยย่อมมีสิทธินำสืบได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 วรรคท้าย
การที่โจทก์มากรอกข้อความลงในสัญญากู้และค้ำประกันในจำนวนเงินเกินกว่าจำนวนหนี้ที่เป็นจริง โดยจำเลยมิได้รู้เห็นยินยอมด้วย สัญญากู้และค้ำประกันดังกล่าวจึงไม่สมบูรณ์ จำเลยไม่ต้องรับผิด
การที่โจทก์มากรอกข้อความลงในสัญญากู้และค้ำประกันในจำนวนเงินเกินกว่าจำนวนหนี้ที่เป็นจริง โดยจำเลยมิได้รู้เห็นยินยอมด้วย สัญญากู้และค้ำประกันดังกล่าวจึงไม่สมบูรณ์ จำเลยไม่ต้องรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 955/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลายพิมพ์นิ้วมือในสัญญากู้ พยานต้องรู้เห็นขณะพิมพ์ หากไม่รู้เห็นและผู้กู้ไม่ยินยอม สัญญาไม่สมบูรณ์
ผู้ที่ลงชื่อเป็นพยานรับรองลายพิมพ์นิ้วมือผู้กู้นั้นจะต้องเป็นผู้ที่ได้รู้เห็นในการพิมพ์ลายนิ้วมือนั้นจริงๆ ถ้าพยานจะลงลายมือชื่อรับรองในภายหลังได้ก็ต่อเมื่อผู้กู้รู้เห็นและยินยอมด้วย ฉะนั้น ในสัญญากู้ที่พยานมิได้ลงลายมือชื่อรับรองไว้ในขณะที่มีการพิมพ์ลายนิ้วมือและผู้กู้มิได้รู้เห็นยินยอม จึงต้องถือว่าผู้ให้กู้ไม่มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้กู้ ย่อมฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 10/2507)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 781/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญากู้เป็นหลักประกันการชำระหนี้จากค่าจ้างเหมางาน การนำสืบข้อตกลงอันแท้จริงทำได้ ไม่ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงข้อตกลงเดิม
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำหนังสือสัญญากู้เงินโจทก์และรับเงินไปแล้ว โจทก์ไปทวงถามแล้วจำเลยเพิกเฉย จำเลยให้การว่าไม่ได้กู้และรับเงินโจทก์ โจทก์เชิด พ. เป็นตัวแทนรับจ้างเหมาทำงานของทางราชการ แล้วให้จำเลยกับพ.เป็นผู้ลงแรงและเพื่อเป็นหลักประกันว่าเมื่อจำเลยกับพ. รับเงินค่าจ้างจากทางราชการแล้วจะนำมามอบให้โจทก์ โจทก์จึงให้จำเลยและ พ. ทำหนังสือสัญญากู้ไว้ให้คนละฉบับ โดยมิได้มีการรับเงินตามสัญญานั้น จำเลยกับ พ. ได้มอบเงินให้โจทก์ทุกครั้งที่รับมา คงเหลืองวดสุดท้ายที่ถูกทางราชการหักไว้เป็นค่าปรับ จึงไม่สามารถนำเงินมาให้โจทก์เพื่อขอสัญญากู้คืน ขอให้ยกฟ้อง ดังนี้ จำเลยมีสิทธินำสืบตามข้อต่อสู้ได้ เพราะเป็นการนำสืบถึงข้อตกลงอันเป็นมูลเหตุและความประสงค์ที่ทำสัญญากู้ขึ้นประการหนึ่ง กับนำสืบว่ามูลหนี้อันจะทำให้จำเลยต้องรับผิดใช้เงินให้แก่โจทก์นั้นไม่มี อีกประการหนึ่ง (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 23/2507)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 644/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลายพิมพ์นิ้วมือในสัญญากู้ต้องมีพยานรับรองการพิมพ์ หากไม่มี ถือเป็นหลักฐานการกู้ยืมที่ไม่สมบูรณ์
พยานสองคนไม่ได้รู้เห็นในการพิมพ์ลายนิ้วมือผู้กู้ลงในสัญญากู้ แต่ก็ได้เซ็นชื่อรับรองลายพิมพ์นิ้วมือผู้กู้ไว้ในสัญญากู้นั้น ลายพิมพ์นิ้วมือของผู้กู้จึงเป็นลายพิมพ์นิ้วมือที่ไม่มีพยานรับรอง หนังสือสัญญากู้ดังกล่าวไม่เป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมซึ่งได้ลงลายมือผู้ยืมเป็นสำคัญ โจทก์จะใช้ฟ้องร้องบังคับคดีไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 ประกอบด้วยมาตรา 9
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 507/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญากู้ที่เจือปนดอกเบี้ยเกินกฎหมายเป็นโมฆะ แม้จะอ้างอิงจากหนี้เดิม
ยกเอาดอกเบี้ยส่วนที่เกินอัตรา ซึ่งกฎหมายกำหนดไว้มาทำเป็นสัญญากู้เงินใหม่ สัญญานั้นย่อมเป็นโมฆะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 452/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงฐานสัญญากู้เป็นซื้อขายที่ดิน: การนำสืบเพื่อพิสูจน์มูลเหตุสัญญา
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้จากจำเลย จำเลยให้การว่าไม่ได้กู้เป็นเรื่องการซื้อขายที่ดินกัน ตอนหลังว่าแม้การกู้จะไม่เป็นโมฆะสัญญากู้ก็มีว่า เมื่อจำเลยไม่ใช้เงินให้ จะขอมอบที่ดินให้โจทก์และภรรยาเป็นกรรมสิทธิ์และจำเลยก็ได้ส่งมอบที่ดินที่ซื้อขายให้ภรรยาโจทก์เข้าครอบครองแล้ว หนี้ตามสัญญากู้ยืมจึงเป็นอันระงับไปนั้นการที่จำเลยจะนำสืบตามข้อต่อสู้นี้จึงไม่เป็นการนำสืบแก้ไขเปลี่ยนแปลงเอกสาร แต่เป็นการนำสืบถึงมูลเหตุที่จะทำสัญญากู้ ซึ่งอาจแสดงว่าสัญญากู้สมบูรณ์หรือไม่จึงชอบที่จะนำสืบได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 286/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เอกสารกู้เงินปลอม สิทธิเรียกร้องจากเอกสารนั้นเป็นโมฆะ แม้จำเลยจะรับว่ากู้เงินจำนวนน้อยกว่าจริง
จำเลยกู้เงินโจทก์ 2,000 บาท โจทก์ให้จำเลยลงชื่อในแบบพิมพ์สัญญากู้เงินโดยข้อความอื่น ๆ ยังไม่ได้กรอกลง ภายหลังโจทก์กรอกจำนวนเงินกู้ลงว่าจำเลยกู้โจทก์ 8,500 บาท สัญญากู้นี้จึงเป็นเอกสารปลอม ผู้ใดจะกล่าวอ้างแสวงสิทธิจากเอกสารนี้มิได้ คือโจกท์จะอ้างสัญญากู้นี้เป็นพยานไม่ได้ โจทก์จึงไม่มีพยานหลักฐานการกู้เป็นหนังสือที่จะฟ้องร้องให้บังคับคดีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1098/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละเงื่อนเวลาในสัญญากู้ การชำระหนี้บางส่วนไม่ถือเป็นการสละเงื่อนเวลา ทำให้เจ้าหนี้มีสิทธิฟ้องเรียกหนี้ก่อนกำหนดได้
เจ้าหนี้ฟ้องเรียกเงินกู้ก่อนถึงกำหนดชำระ ลูกหนี้ปฏิเสธความรับผิด อ้างว่าขำระหนี้เงินกู้ตามสัญญาแล้ว ย่อมแสดงว่าลูกหนี้ไม่ถือเอาประโยชน์แห่งเงื่อนเวลาในสัญญากู้นั้น เงื่อนเวลาจึงไม่เป็นข้อที่ลูกหนี้จะอ้างเป็นประโยชน์ได้ต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1087/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการนำสืบข้อต่อสู้เปลี่ยนแปลงสัญญากู้เป็นมัดจำซื้อขาย และประเด็นการชำระหนี้ด้วยการโอนที่ดิน
เมื่อจำเลยให้การรับว่า ได้ทำหนังสือสัญญากู้เงินให้โจทก์ไว้จริง จำเลยจะขอนำสืบตามข้อต่อสู้ว่าหนังสือสัญญากู้นั้นทำขึ้นแทนหนังสือวางเงินมัดจำในการที่จำเลยขายที่ดินให้โจทก์ไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94
จำเลยฎีกาอ้างว่า จำเลยมีสิทธินำสืบได้ว่า ได้มีการโอนที่ดินใช้หนี้เงินกู้ให้แก่โจทก์ อันเป็นการชำระหนี้อย่างอื่นแทนเงินกู้ให้แก่โจทก์แล้ว แต่ในคำให้การของจำเลยมิได้กล่าวตั้งเป็นประเด็นข้อนี้ไว้โดยชัดแจ้งก็ไม่มีประเด็นที่จำเลยจะนำสืบในข้อนี้ได้
จำเลยฎีกาอ้างว่า จำเลยมีสิทธินำสืบได้ว่า ได้มีการโอนที่ดินใช้หนี้เงินกู้ให้แก่โจทก์ อันเป็นการชำระหนี้อย่างอื่นแทนเงินกู้ให้แก่โจทก์แล้ว แต่ในคำให้การของจำเลยมิได้กล่าวตั้งเป็นประเด็นข้อนี้ไว้โดยชัดแจ้งก็ไม่มีประเด็นที่จำเลยจะนำสืบในข้อนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 753/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงจำนวนเงินในสัญญากู้ และผลกระทบต่อการบังคับคดีเมื่อไม่ได้อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกู้เงิน 22,500 บาท จำเลยปฏิเสธว่า ไม่ได้กู้ สัญญากู้ปลอม ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยกู้จริง 2,500 บาท ส่วนเลข 2 และ คำว่า สองหมื่นโจทก์เติมลงไป จึงให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ 2,500 บาท โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยรับผิด 22,500บาท จำเลยฎีกา ศาลฎีกาฟังว่ามีการตกเติมจำนวนเงินให้มากขึ้นจริงแต่จำเลยไม่ได้อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ให้จำเลยรับผิด 2,500 บาทจึงไม่มีประเด็นสำหรับเงินจำนวนนี้