คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
สิ่งปลูกสร้าง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 323 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 307/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องร้องรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างในเขตเพลิงไหม้ ต้องเป็นของกรมโยธาเทศบาล หรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจโดยตรงจากกรมฯ เท่านั้น
การร้องขอต่อศาลให้รื้อถอนเปลี่ยนแปลงแก้ไขสิ่งปลูกสร้างในเขตเพลิงไหม้ซึ่งกฎหมายบัญญัติให้เป็นอำนาจหน้าที่ของกรมโยธาเทศบาลนั้นหากกรมโยธาเทศบาลมิได้มอบให้อัยการดำเนินคดีแทน อัยการซึ่งเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยหาว่ากระทำผิดทางอาญาอยู่นั้นย่อมไม่มีอำนาจร้องขอ ต่อศาลให้สั่งจำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง
การที่กรมโยธาเทศบาลมอบให้คณะกรมการจังหวัดดำเนินคดีนั้น มิใช่เป็นการมอบให้อัยการจังหวัด และการกระทำของอัยการจังหวัดโดยลำพังนั้นจะอ้างว่าเป็นการกระทำของคณะกรมการจังหวัดมิได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 643/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง สิทธิในสิ่งปลูกสร้างเมื่อสัญญาหมดอายุ ผู้ให้เช่าต้องแจ้งล่วงหน้าและให้เวลาผู้เช่ารื้อถอน
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลแสดงว่าโรงเรือนและรั้วสังกะสีซึ่งผู้เช่าปลูกขึ้นเป็นของโจทก์ ซึ่งตามสัญญาเช่าที่ดิน มีความว่า "บรรดารั้ว และโรงเรือนต่าง ๆ ที่ผู้เช่าได้ปลูกสร้างลงในที่ดินของผู้ให้เช่า เมื่อจะครบกำหนดสัญญา 15 ปีแล้ว ผู้ให้เช่าไม่มีความประสงค์จะให้ผู้เช่ากระทำการต่อไปแล้ว ผู้ให้เช่าจะแจ้งให้ผู้เช่าทราบล่วงหน้าก่อนกำหนด 15 ปี เป็นเวลา 6 เดือน เมื่อครบ 15 ปีแล้ว ผู้เช่าต้องรื้อถอนขนเอาไปให้หมดสิ้น ภายในเวลา 3 เดือน ถ้าพ้น 3 เดือนไปแล้ว จะต้องตกเป็นของผู้ให้เช่า ผู้เช่าจะรื้อถอนขนเอาไปไม่ได้เป็นอันขาด" สัญญาข้อนี้หมายความว่า ถ้าผู้ให้เช่าประสงค์จะไม่ให้อยู่ เมื่อครบ 15 ปี ผู้ให้เช่าต้องบอกล่วงหน้า 6 เดือน และผู้เช่าต้องรื้อสิ่งปลูกสร้างไปภายใน 3 เดือน (แต่วันครบกำหนดตามสัญญาเช่า) มิฉะนั้นสิ่งปลูกสร้างตกเป็นของผู้ให้เช่า เมื่อผู้ให้เช่ามิได้ปฏิบัติตามข้อสัญญาดังกล่าวแล้ว และเมื่อก่อนถึงกำหนด 3 เดือน ยังซ้ำให้บุคคลภายนอกเช่าแต่ที่ดินในราคาค่าเช่าเท่ากับสัญญาฉะบับก่อนต่อมาอีก โดยไม่ได้ระบุถึงสิ่งปลูกสร้างเลย ดังนั้น โดยข้อความตามสัญญาก็ดี โดยพฤตติการณ์ที่ปฏิบัติก็ดี โจทก์จะถือว่าสิ่งปลูกสร้างรายนี้ตกเป็นของโจทก์ไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 643/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าและกรรมสิทธิ์สิ่งปลูกสร้าง: ผู้ให้เช่าต้องแจ้งล่วงหน้าและปฏิบัติตามสัญญา
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลแสดงว่าโรงเรือนและรั้วสังกะสีซึ่งผู้เช่าปลูกขึ้นเป็นของโจทก์ ซึ่งตามสัญญาเช่าที่ดินมีความว่า 'บรรดารั้ว และโรงเรือนต่างๆที่ผู้เช่าได้ปลูกสร้างลงในที่ดินของผู้ให้เช่าเมื่อจะครบกำหนดสัญญา 15 ปีแล้วผู้ให้เช่าไม่มีความประสงค์จะให้ผู้เช่ากระทำการต่อไปแล้ว ผู้ให้เช่าจะแจ้งให้ผู้เช่าทราบล่วงหน้าก่อนกำหนด 15 ปี เป็นเวลา 6 เดือนเมื่อครบ 15 ปีแล้วผู้เช่าต้องรื้อถอนขนเอาไปให้หมดสิ้น ภายในเวลา 3เดือน ถ้าพ้น 3 เดือนไปแล้ว จะต้องตกเป็นของผู้ให้เช่า ผู้เช่าจะรื้อถอนขนเอาไปไม่ได้เป็นอันขาด' สัญญาข้อนี้หมายความว่าถ้าผู้ให้เช่าประสงค์จะไม่ให้อยู่เมื่อครบ 15 ปี ผู้ให้เช่าต้องบอกล่วงหน้า 6 เดือนและผู้เช่าต้องรื้อสิ่งปลูกสร้างไปภายใน 3 เดือน(แต่วันครบกำหนดตามสัญญาเช่า) มิฉะนั้นสิ่งปลูกสร้างตกเป็นของผู้ให้เช่า เมื่อผู้ให้เช่ามิได้ปฏิบัติตามข้อสัญญาดังกล่าวแล้ว และเมื่อก่อนถึงกำหนด 3 เดือน ยังซ้ำให้บุคคลภายนอกเช่าแต่ที่ดินในราคาค่าเช่าเท่ากับสัญญาฉบับก่อนต่อมาอีก โดยไม่ได้ระบุถึงสิ่งปลูกสร้างเลยดังนั้น โดยข้อความตามสัญญาก็ดี โดยพฤติการณ์ที่ปฏิบัติก็ดี โจทก์จะถือว่าสิ่งปลูกสร้างรายนี้ตกเป็นของโจทก์ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 291/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภาระจำยอมไม่ใช่การอาศัยสิทธิ ผู้ขายต้องรื้อสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำทาง
ทางภาระจำยอมที่ก่อให้เกิดมีขึ้นระหว่างผู้ซื้อที่ดินและผู้ขายที่ดินนั้นไม่ใช่ลักษณะของการให้อาศัยสิทธิอันเป็นการให้เปล่าฝ่ายเดียวโดยไม่มีสินจ้างหรือข้อผูกพัน แม้โจทก์จะแถลงรับโดยใช้คำว่า'อาศัยใช้'ก็มิใช่ลักษณะแห่งการอาศัยตามนัยแห่งกฎหมาย
เมื่อผู้ขายที่ดินปลูกเรือนบนทางภาระจำยอมเป็นเหตุให้ผู้ซื้อที่ดินใช้ทางภาระจำยอมนั้นไม่สะดวกเหมือนเช่นเดิม ผู้ขายที่ดินต้องรื้อเรือนนั้นออกไปให้พ้นทางและเกลี่ยที่ดินให้เสมอทางตามเดิม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1620/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการใช้ผนังอาคารของผู้อื่น การรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง และอำนาจของศาลในการบังคับ
โจทก์ระบุในคำฟ้องว่า ในการที่จำเลยเป็นเจ้าของอาคารห้องแถวรายนี้ จำเลยไม่ได้ทำฝากั้นห้องทางด้านหลังโดย(จำเลย) ใช้ตึกศาลจ้าวเป็นฝากั้นห้องของจำเลย และตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ ก็ได้ขอให้จำเลยรื้อห้องแถว หรือถ้าขัดข้องจะบังคับเช่นนั้นไม่ได้ ก็ขอบังคับไม่ให้จำเลยใช้ฝาผนังตึกศาลจ้าวเป็นฝาห้องของจำเลย ดังนี้ การที่โจทก์ขอให้บังคับไม่ให้ใช้ฝาผนังศาลจ้าวเป็นฝากั้นห้องแถวด้านหลังของจำเลยนั้น เป็นประเด็นข้อหนึ่งที่โจทก์กล่าวมาในฟ้อง ซึ่งถ้าศาลเห็นว่าจำเลยไม่มีอำนาจที่จะทำเช่นนั้น ศาลก็จำต้องมีคำบังคับในเรื่องนี้ด้วย และคำบังคับในกรณีเช่นนี้อาจเป็นการสั่งให้จำเลยจัดการกั้นฝาห้องของจำเลยเสีย เพื่อให้พ้นจากสภาพใช้ฝาผนังตึกศาลจ้าวเป็นฝาห้อง หรือถ้าจำเลยไม่ทำก็อาจให้รื้อสิ่งปลูกสร้างส่วนข้างหลังออกตามที่ศาลเห็นสมควรก็ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1620/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้ผนังอาคารศาลเจ้าเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งปลูกสร้าง: สิทธิในการฟ้องร้องและคำบังคับของศาล
โจทก์ระบุในคำฟ้องว่า ในการที่จำเลยเป็นเจ้าของอาคารห้องแถวรายนี้ จำเลยไม่ได้ทำฝากั้นห้องทางด้านหลังโดย(จำเลย) ใช้ตึกศาลจ้าวเป็นฝากั้นห้องของจำเลย และตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ ก็ได้ขอให้จำเลยรื้อห้องแถว หรือถ้าขัดข้อง จะบังคับเช่นนั้นไม่ได้ ก็ขอบังคับไม่ให้จำเลยใช้ฝาผนังตึกศาลจ้าวเป็นฝาห้องของจำเลย ดังนี้การที่โจทก์ขอให้บังคับไม่ให้ใช้ฝาผนังศาลจ้าวเป็นฝากั้นห้องแถวด้านหลังของจำเลยนั้น เป็นประเด็นข้อหนึ่งที่โจทก์กล่าวมาในฟ้อง ซึ่งถ้าศาลเห็นว่าจำเลยไม่มีอำนาจที่จะทำเช่นนั้นศาลก็จำต้องมีคำบังคับในเรื่องนี้ด้วยและคำบังคับในกรณีเช่นนี้อาจเป็นการสั่งให้จำเลยจัดการกั้นฝาห้องของจำเลยเสีย เพื่อให้พ้นจากสภาพใช้ฝาผนังตึกศาลจ้าวเป็นฝาห้อง หรือถ้าจำเลยไม่ทำ ก็อาจให้รื้อสิ่งปลูกสร้างส่วนข้างหลังออกตามที่ศาลเห็นสมควรก็ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 591/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำว่า 'เคหะ' ตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า: สิ่งปลูกสร้างใช้ประกอบธุรกิจค้า/อุตสาหกรรม แม้มีที่อยู่อาศัยด้วย ก็ไม่ถือเป็นเคหะ
"เคหะ" ตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน พ.ศ. 2489 มาตรา 5 นั้น มีความหมายในเบื้องต้นว่า ต้องเป็นสิ่งปลูกสร้างที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัย
สิ่งปลูกสร้างที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัย ถึงประกอบธุระกิจการค้าหรืออุตสาหกรรมด้วย ก็ยังนับว่าเป็น "เคหะ" แต่ถ้าสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประกอบธุระกิจการค้าหรืออุตสาหกรรม ซึ่งไม่อยู่ในความหมายของคำว่า "เคหะ" แล้ว แม้จะใช้เป็นที่อยู่อาศัยด้วย ก็ไม่กลับกลายเป็นเคหะขึ้นมาได้
โจทก์เช่าโรงเลื่อยเพื่อเลื่อยไม้จำหน่าย นับว่าเช่าสิ่งปลูกสร้างที่ใช้เป็นที่ประกอบธุระกิจการค้า หรืออุตสาหกรรมโดยตรง ไม่ต้องด้วยลักษณะของคำว่า "เคหะ" ตามความใน พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าปี 2489.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 918/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิในการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง: คดีข้อเท็จจริงไม่ใช่ข้อกฎหมาย
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยรื้อเรือนส่วนหนึ่งของโจทก์ไป ขอให้ลงโทษฐานทำให้เสียทรัพย์จำเลยรับว่ารื้อจริง แต่จำเลยปลูกสร้างสิ่งปลูกสร้างนั้นไว้เมื่อเลิกเช่าจึงรื้อไปตามที่ตกลงไว้ ดังนี้ เป็นการต่อสู้กรรมสิทธิว่าตนเป็นเจ้าของและมีสิทธิจะรื้อไป ซึ่งเป็นปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลล่างให้ลงโทษปรับจำเลย โดยฟังว่าจำเลยไม่มีสิทธิรื้อแล้ว คู่ความจะฎีกาต่อไปไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 918/2490

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ในการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง: คดีข้อเท็จจริงที่ศาลฎีกาไม่อนุญาตให้ฎีกา
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยรื้อเรือนส่วนหนึ่งของโจทก์ไป ขอให้ลงโทษฐานทำให้เสียทรัพย์ จำเลยรับว่ารื้อจริง แต่จำเลยปลูกสร้างสิ่งปลูกสร้างนั้นไว้ เมื่อเลิกเช่าจึงรื้อไปตามที่ตกลงไว้ ดังนี้ เป็นการต่อสู้กรรมสิทธิ์ว่าตนเป็นเจ้าของและมีสิทธิจะรื้อไป ซึ่งเป็นปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลล่างให้ลงโทษปรับจำเลยโดยฟังว่าจำเลยไม่มีสิทธิรื้อแล้ว คู่ความจะฎีกาต่อไปไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7/2490

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง เรือนเป็นส่วนควบของที่ดิน สัญญาขายรวมสิ่งปลูกสร้างถือว่าโอนกรรมสิทธิ์ในเรือนไปด้วย
เรือนเป็นส่วนควบของที่ดิน เมื่อโอนที่ดินไป เรือนย่อมตกติดไปด้วยเว้นแต่จะได้จดทะเบียนสิทธิเหนือพื้นดิน
สัญญาขายที่ดินมีข้อความว่า สิ่งปลูกสร้างบนที่ดินยอมขายให้ทั้งสิ้นดังนี้ จะขอสืบพยานว่า ขายให้แต่สิ่งปลูกสร้างที่เป็นต้นผลไม้ไม่ใช่บ้านเรือนดังนี้ ไม่ได้ เป็นการสืบแก้ไขพยานเอกสาร
of 33