พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,022 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3436/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาการครอบครองอาวุธปืนเพื่อใช้ในการทำร้าย ไม่ถือเป็นการมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
อาวุธปืนของกลางเป็นของผู้เสียหาย จำเลยหึงหวงผู้เสียหายซึ่งเป็นสามีจึงฉวยอาวุธปืนออกมายิงผู้เสียหายแล้วนำไปมอบแก่เจ้าพนักงานตำรวจแสดงว่าจำเลยไม่มีเจตนาครอบครองอาวุธปืนของกลาง จำเลยไม่มีความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 341/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานหลักฐานโจทก์อ่อนแอ ขาดความน่าเชื่อถือ ศาลฎีกายกฟ้องข้อหาฆ่าผู้อื่นและอาวุธปืน
คำเบิกความของประจักษ์พยานโจทก์ไม่น่าเชื่อ โจทก์คงมี แต่คำให้การชั้นสอบสวนของ จ.แต่เมื่อจำเลยไม่มีโอกาสได้ซักค้านจ.คำให้การชั้นสอบสวนดังกล่าวเป็นพยานบอกเล่ามีน้ำหนักน้อย พยานหลักฐานโจทก์จึงไม่มีน้ำหนักมั่นคงพอฟังลงโทษจำเลยฐานฆ่าผู้อื่น ได้ และเมื่อพยานหลักฐานของโจทก์ฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำความผิด ฐานฆ่าผู้อื่นดังกล่าวแล้ว ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจยกฟ้องโจทก์ในข้อหา ความผิดฐานมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน และฐานพาอาวุธปืน ของจำเลยซึ่งมิได้ขึ้น มา สู่ศาลฎีกาด้วยได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 185 เพราะเป็นข้อเท็จจริงอันเดียวเกี่ยวพันกัน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 341/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานหลักฐานไม่เพียงพอฟังความผิดฐานฆ่าผู้อื่น ศาลมีอำนาจยกฟ้องความผิดฐานมีอาวุธปืนและพาอาวุธปืนได้
เมื่อพยานหลักฐานของโจทก์ฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำผิดฐานฆ่าผู้อื่น ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจยกฟ้องโจทก์ในข้อหาความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน และฐานพาอาวุธปืนของจำเลยซึ่งเป็นข้อเท็จจริงอันเดียวเกี่ยวพันกันได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3147/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปรับบทลงโทษคดีอาวุธปืนเมื่อข้อเท็จจริงเปลี่ยนแปลง และอำนาจศาลฎีกาในการแก้ไขโทษแม้ไม่มีการอุทธรณ์
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยในความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯโดยไม่มีฝ่ายใดอุทธรณ์เมื่อคดีขึ้นสู่ศาลฎีกาในความผิดฐานอื่นถ้ามีกรณีที่ศาลฎีกาเห็นว่าการปรับบทลงโทษไม่ถูกต้องหรือการกำหนดโทษไม่เหมาะสมแล้วศาลฎีกามีอำนาจที่จะแก้ไขได้ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 185 ประกอบด้วยมาตรา 215 และมาตรา 225 ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงเพียงว่าจำเลยไม่ได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนโดยไม่ได้ความว่าเป็นอาวุธปืนของบุคคลอื่นที่ได้รับอนุญาตให้มีและใช้หรือไม่และโจทก์ก็มิได้นำสืบให้เห็นว่าเป็นอาวุธปืนไม่มีหมายเลขทะเบียน ดังนั้นการที่ศาลชั้นต้นปรับบทลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ. อาวุธปืนฯ มาตรา 72 วรรคหนึ่งอันเป็นบทลงโทษสำหรับกรณีที่เป็นอาวุธปืนไม่มีหมายเลขทะเบียนที่ผู้อื่นได้รับอนุญาต อันเป็นผลร้ายแก่จำเลยจึงเป็นการไม่ชอบต้องปรับบทลงโทษตามมาตรา 72 วรรคสาม ซึ่งเป็นเพียงการมีอาวุธปืนของผู้อื่นที่ได้รับอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมาย และมีบทกำหนดโทษเบากว่า และเมื่อข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอาวุธปืนที่พาไปเปลี่ยนแปลงไปในทางที่เป็นผลร้ายน้อยกว่า การใช้ดุลพินิจในการกำหนดโทษสำหรับความผิดฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง ก็ควรจะเปลี่ยนไปในทางที่ลดลง ซึ่งศาลฎีกาแก้ไขได้แม้ไม่มีฝ่ายใดอุทธรณ์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2963/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานหลักฐานขัดแย้ง-รับสารภาพไม่สมัครใจ ศาลฎีกายกฟ้องข้อหาจ้างวานฆ่า-มีอาวุธปืน
ความผิดฐานมีอาวุธปืนและฐานพาอาวุธปืนของจำเลยที่ 2ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้จำคุกกระทงละ 1 ปีจึงห้ามมิให้จำเลยที่ 2 ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 218 วรรคแรก พยานหลักฐานโจทก์มีข้อแตกต่างขัดแย้งกันหลายประการและเป็นคำซัดทอดของผู้ร่วมกระทำผิดด้วยกัน อีกทั้งยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนด้วยความสมัครใจ จึงไม่มีน้ำหนักเพียงพอให้รับฟังลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานจ้าง วานฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อนได้ และเมื่อพยานหลักฐานของโจทก์ฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 กระทำความผิดฐานจ้าง วาน ฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ศาลฎีกามีอำนาจยกฟ้องโจทก์ในความผิดฐานมีอาวุธปืนและฐานพาอาวุธปืนของจำเลยที่ 2 ได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา185 วรรคแรก เพราะเป็นข้อเท็จจริงอันเดียวเกี่ยวพันกัน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2963/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกฟ้องอาญาเนื่องจากพยานหลักฐานโจทก์ขัดแย้งและไม่เพียงพอต่อการพิสูจน์ความผิดฐานจ้างวานฆ่าและการครอบครองอาวุธปืน
ความผิดฐานมีอาวุธปืนและฐานพาอาวุธปืนของจำเลยที่ 2ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้จำคุกกระทงละ 1 ปีจึงห้ามมิให้จำเลยที่ 2 ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก จำเลยที่ 2ฎีกาได้เฉพาะความผิดฐานฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน แต่เมื่อพยานหลักฐานของโจทก์ฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้จ้างวานฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อนโดยมอบอาวุธปืนให้คนร้ายไปยิงผู้ตายศาลฎีกาย่อมมีอำนาจยกฟ้องโจทก์ในความผิดฐานมีและพาอาวุธปืนของจำเลยที่ 2 ได้ตามมาตรา 185 วรรคแรก เพราะเป็นข้อเท็จจริงอันเดียวเกี่ยวพันกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2335/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดอาวุธปืนเป็นความผิดที่ร่วมกันกระทำได้ แม้ไม่ได้เป็นผู้มีหรือพาอาวุธปืนโดยตรง
ความผิดฐานมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนติดตัวไปในทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นความผิดที่ร่วมกันกระทำด้วยกันได้ มิใช่เป็นความผิดเฉพาะตัวของผู้มีอาวุธปืนและพาอาวุธปืนเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2276/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพกพาอาวุธปืนในที่สาธารณะเวลากลางคืนเป็นอันตรายร้ายแรง ไม่สมควรรอการลงโทษ
พฤติการณ์ที่จำเลยพาอาวุธปืนพร้อมเครื่องกระสุนปืนติดตัวไปตามถนนในหมู่บ้านและทางสาธารณะในเวลากลางคืนนั้นนับว่าเป็นอันตรายต่อผู้อื่นเป็นอย่างยิ่ง จึงเป็นกรณีที่ร้ายแรง ไม่สมควรรอการลงโทษให้แก่จำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2092/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานมีอาวุธปืนและการพาอาวุธปืนเป็นคนละกรรมกัน
ความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและพาอาวุธปืนไปตามทางสาธารณะ มีการกระทำที่แยกจากกันเป็นแต่ละฐานความผิดได้โดยชัดเจน ไม่เกี่ยวเนื่องกัน และเจตนาในการกระทำความผิดก็เป็นคนละอย่างแตกต่างจากกัน จึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1648/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ป้องกันตัว: การใช้กำลังเพื่อป้องกันภัยอันตรายจากอาวุธปืน ย่อมเป็นเหตุป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
ผู้ตายใช้อาวุธปืนลูกซองสั้นยิงไปบริเวณชานบ้านของจำเลยซึ่งขณะนั้นจำเลยกับนางพ.ภริยากำลังนั่งรับประทานอาหาร กระสุนปืนถูกนาง พ. ล้มฟุบลงจำเลยคว้ามีดโต้กระโดดจากบ้านลงไปเพื่อฟันผู้ตาย ผู้ตายยิงปืนอีก 1 นัด แต่ไม่ถูกจำเลย จำเลยจึงใช้มีดฟันไป และผู้ตายยกแขนทั้งสองข้างขึ้นรับ แล้วผู้ตายก็ได้หันหลังจะขึ้นบันไดบ้านซึ่งจำเลยเข้าใจว่า ผู้ตายจะขึ้นไปเอากระสุนปืนมายิงจำเลยอีก ดังนั้นจำเลยจึงใช้มีดฟันทางด้านหลังถูกที่ต้นคอ ผู้ตายเซมาทางด้านหลัง จำเลยจึงฟันซ้ำอีก 1 ที ถูกบริเวณใบหน้าแสดงว่าขณะที่จำเลยไล่ฟันผู้ตายนั้น ผู้ตายยังถือปืนอยู่ตลอดเวลา และสามารถยิงมายังจำเลยได้ การที่จำเลยใช้มีดฟันผู้ตายไปจนอาวุธปืนจะหลุดไปจากมือของผู้ตาย ย่อมเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ เพราะหากปืนยังอยู่ในมือผู้ตายตราบใดภยันตรายก็จะมีแก่จำเลยอยู่จนตราบนั้น และเป็นเรื่องที่ผู้ตายตั้งใจมาทำร้ายจำเลย จำเลยจึงมีสิทธิป้องกันตัวได้.